กระทู้นี้อาจจะโดนลบก็ได้ แต่อยากจะเขียนความรู้สึก ข้อความอาจจะกระทบต่อศาสนา ถ้ารุนแรงยังไงก็ขออภัยด้วย
จขกท เป็นคนเชื่อพระเจ้า ความเชื่อเกิดขึ้นจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ประทับใจ ซึ่งจริงๆก็พยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ของประสบการณ์นั้นอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายคิดว่าจะหาไปทำไม เรารู้สึกรัก เรารู้สึกได้รับความรักจากพระเจ้า ... ก็น่าจะจบที่ตรงนั้น มันสวยงามอยู่ในตัวแล้ว จะพยายามหาเหตุผลเพื่อให้ตัวเองเลิกเชื่อและสรุปว่า "คิดไปเอง" ไปทำไม
แต่ก่อนเห็นหลายคนๆชอบบอกว่า ศาสนาพุทธคือศาสนาที่มีเหตุมีผลและมีความเป็นวิทยาศาสตร์มากที่สุด ก็ยังเฉยๆนะ ไม่ได้จะทำให้เรารู้สึกศรัทธาหรืออะไร เพราะเราต้องการศาสนา เราไม่ได้ต้องการวิทยาศาสตร์ แต่พออ่านเจออะไรแบบนี้มากๆเข้า ยิ่งจุดที่เอียนที่สุดก็คือการพยายามโยงเนื้อหาในหนังไซไฟอย่าง Lucy, Interstellar เข้ากับศาสนาพุทธ เรารู้สึกว่าจะไปโหนฝรั่งทำไม... หรือเพราะคนไทยบูชาฝรั่ง โดยเฉพาะอเมริกัน บูชาหนังฮอลลีวูด
พอเจออะไรที่มันผูกโยงเข้ากันได้ก็ดีใจเนื้อเต้น และพยายามชี้ให้เห็นว่า เห็นไหมๆ บ้านเมืองที่เจริญระดับมหาอำนาจเขายังนำเสนอเรื่องราวแบบนี้ ตรงกับศาสนาพุทธเลย ศาสนาพุทธของเราช่างล้ำเสียจริง ... มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกศรัทธาในศาสนาขึ้นมา แต่งงๆว่าจะตื่นเต้นอะไรกัน...
บางคนอ่านถึงตรงนี้อาจจะแย้งว่า ก็แหงล่ะ คุณเชื่อเรื่องพระเจ้า คุณจะมาอินกับจุดนี้ได้ยังไง ... งั้นขอแสดงความเห็นอย่างเป็นกลาง เพราะจริงๆศาสนาคริสต์ก็พยายามโหนวิทยาศาสตร์เหมือนกัน เราเห็นได้มากมายจากคลิปคำสอนที่พยายามหักล้างทฤษฎีวิวัฒนาการ หรือพยายามบอกว่าข้อความในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลตรงกับหลักวิทยาศาสตร์ ....
การที่ทั้งศาสนาพุทธและคริสต์พยายามจะโหนวิทยาศาสตร์ เราไม่ได้รู้สึกว่ามันเจ๋งอะไร แต่เหมือนการแสดงออกซึ่งความอ่อนแอมากกว่า คุณกลัวว่าคนจะมองศาสนาคุณเป็นเรื่องงมงาย (ขอข้ามศาสนาอิสลามไปแล้วกัน เพราะไม่ค่อยได้อ่านเรื่องทางอิสลาม) กลัวว่าจะพ่ายแพ้ต่อวิทยาศาสตร์ กลัวคนจะเลิกนับถือศาสนาและพึ่งพาแต่วิทยาศาสตร์
ถ้าคนเราอยากพึ่งวิทยาศาสตร์ เขาคงไม่หันมาหาศาสนาหรอก การที่คนๆหนึ่งสนใจศาสนาอาจจะเป็นเพราะเขาเห็นว่าวิทยาศาสตร์หมดทางแล้วก็ได้ วิทยาศาสตร์ตอบสนองได้แต่ความต้องการทางวัตถุและรูปธรรม แต่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางจิตวิญญาณหรือนามธรรมได้ ซึ่งมนุษย์โหยหาสิ่งเหล่านี้ ไม่มีวิทยาศาสตร์ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ นอกจากศาสนา ความเชื่อ ความศรัทธา ซึ่งการที่ศาสนาเป็นสิ่งที่เหมือนพิสูจน์ไม่ได้ นั่นแหละคือสิ่งที่ตอบโจทย์ทางจิตวิญญาณของมนุษย์ ไม่ใช่ยาเม็ด ไม่ใช่เครื่องทำน้ำอุ่น ไม่ใช่ไอโฟนรุ่นใหม่ แบบที่เป็นวิทยาศาสตร์ บางครั้งมนุษย์ไม่ต้องการสิ่งที่จับต้องได้ แต่ต้องการความรู้สึกทางจิตวิญญาณ
การที่ต้องพยายามโหนวิทยาศาสตร์ คุณอาจจะกลัวว่าเดี๋ยวพวกหัวหมอเรียนสายวิทย์จะไม่สนใจศาสนาหรือเปล่า หรือกลัวว่าสักวันหนึ่งวิทยาศาสตร์จะให้คำตอบทั้งหมด และศาสนาจะถูกล้มล้าง การที่คุณพยายามโหนวิทยาศาสตร์นั่นเพราะคุณบูชาวิทยาศาสตร์ คุณคิดว่าวิทยาศาสตร์คือความจริง และมีความหวั่นเกรงในความเป็นจริงของศาสนาตน
ศาสนาก็น่าจะเป็นอีกทางหนึ่ง ไม่เห็นจำเป็นว่าจะต้องพยายามที่จะวิทยาศาสตร์เป๊ะๆ จริงๆศาสนาน่าจะวางตัวเองเหนือวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ...
ถ้ามีใครถามฉันว่าทำไมถึงเชื่อเรื่องพระเจ้า ฉันจะตอบว่าเพราะฉันเจอประสบการณ์ที่รู้สึกว่าพระเจ้ารักฉัน เพราะพระเจ้ารักฉันก่อน ฉันจึงรักพระเจ้าตอบ และความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันคือสิ่งที่มนุษย์ควรทำ ความรักเป็นเรื่องงมงายหรือเปล่า... ใช่ มันอาจจะงมงายที่สุด แต่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการมากที่สุดเช่นกัน
ทำไมศาสนาต้องโหนวิทยาศาสตร์ ศาสนาต้องอยู่เหนือวิทยาศาสตร์สิ !
จขกท เป็นคนเชื่อพระเจ้า ความเชื่อเกิดขึ้นจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ประทับใจ ซึ่งจริงๆก็พยายามหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ของประสบการณ์นั้นอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายคิดว่าจะหาไปทำไม เรารู้สึกรัก เรารู้สึกได้รับความรักจากพระเจ้า ... ก็น่าจะจบที่ตรงนั้น มันสวยงามอยู่ในตัวแล้ว จะพยายามหาเหตุผลเพื่อให้ตัวเองเลิกเชื่อและสรุปว่า "คิดไปเอง" ไปทำไม
แต่ก่อนเห็นหลายคนๆชอบบอกว่า ศาสนาพุทธคือศาสนาที่มีเหตุมีผลและมีความเป็นวิทยาศาสตร์มากที่สุด ก็ยังเฉยๆนะ ไม่ได้จะทำให้เรารู้สึกศรัทธาหรืออะไร เพราะเราต้องการศาสนา เราไม่ได้ต้องการวิทยาศาสตร์ แต่พออ่านเจออะไรแบบนี้มากๆเข้า ยิ่งจุดที่เอียนที่สุดก็คือการพยายามโยงเนื้อหาในหนังไซไฟอย่าง Lucy, Interstellar เข้ากับศาสนาพุทธ เรารู้สึกว่าจะไปโหนฝรั่งทำไม... หรือเพราะคนไทยบูชาฝรั่ง โดยเฉพาะอเมริกัน บูชาหนังฮอลลีวูด
พอเจออะไรที่มันผูกโยงเข้ากันได้ก็ดีใจเนื้อเต้น และพยายามชี้ให้เห็นว่า เห็นไหมๆ บ้านเมืองที่เจริญระดับมหาอำนาจเขายังนำเสนอเรื่องราวแบบนี้ ตรงกับศาสนาพุทธเลย ศาสนาพุทธของเราช่างล้ำเสียจริง ... มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกศรัทธาในศาสนาขึ้นมา แต่งงๆว่าจะตื่นเต้นอะไรกัน...
บางคนอ่านถึงตรงนี้อาจจะแย้งว่า ก็แหงล่ะ คุณเชื่อเรื่องพระเจ้า คุณจะมาอินกับจุดนี้ได้ยังไง ... งั้นขอแสดงความเห็นอย่างเป็นกลาง เพราะจริงๆศาสนาคริสต์ก็พยายามโหนวิทยาศาสตร์เหมือนกัน เราเห็นได้มากมายจากคลิปคำสอนที่พยายามหักล้างทฤษฎีวิวัฒนาการ หรือพยายามบอกว่าข้อความในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลตรงกับหลักวิทยาศาสตร์ ....
การที่ทั้งศาสนาพุทธและคริสต์พยายามจะโหนวิทยาศาสตร์ เราไม่ได้รู้สึกว่ามันเจ๋งอะไร แต่เหมือนการแสดงออกซึ่งความอ่อนแอมากกว่า คุณกลัวว่าคนจะมองศาสนาคุณเป็นเรื่องงมงาย (ขอข้ามศาสนาอิสลามไปแล้วกัน เพราะไม่ค่อยได้อ่านเรื่องทางอิสลาม) กลัวว่าจะพ่ายแพ้ต่อวิทยาศาสตร์ กลัวคนจะเลิกนับถือศาสนาและพึ่งพาแต่วิทยาศาสตร์
ถ้าคนเราอยากพึ่งวิทยาศาสตร์ เขาคงไม่หันมาหาศาสนาหรอก การที่คนๆหนึ่งสนใจศาสนาอาจจะเป็นเพราะเขาเห็นว่าวิทยาศาสตร์หมดทางแล้วก็ได้ วิทยาศาสตร์ตอบสนองได้แต่ความต้องการทางวัตถุและรูปธรรม แต่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางจิตวิญญาณหรือนามธรรมได้ ซึ่งมนุษย์โหยหาสิ่งเหล่านี้ ไม่มีวิทยาศาสตร์ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ นอกจากศาสนา ความเชื่อ ความศรัทธา ซึ่งการที่ศาสนาเป็นสิ่งที่เหมือนพิสูจน์ไม่ได้ นั่นแหละคือสิ่งที่ตอบโจทย์ทางจิตวิญญาณของมนุษย์ ไม่ใช่ยาเม็ด ไม่ใช่เครื่องทำน้ำอุ่น ไม่ใช่ไอโฟนรุ่นใหม่ แบบที่เป็นวิทยาศาสตร์ บางครั้งมนุษย์ไม่ต้องการสิ่งที่จับต้องได้ แต่ต้องการความรู้สึกทางจิตวิญญาณ
การที่ต้องพยายามโหนวิทยาศาสตร์ คุณอาจจะกลัวว่าเดี๋ยวพวกหัวหมอเรียนสายวิทย์จะไม่สนใจศาสนาหรือเปล่า หรือกลัวว่าสักวันหนึ่งวิทยาศาสตร์จะให้คำตอบทั้งหมด และศาสนาจะถูกล้มล้าง การที่คุณพยายามโหนวิทยาศาสตร์นั่นเพราะคุณบูชาวิทยาศาสตร์ คุณคิดว่าวิทยาศาสตร์คือความจริง และมีความหวั่นเกรงในความเป็นจริงของศาสนาตน
ศาสนาก็น่าจะเป็นอีกทางหนึ่ง ไม่เห็นจำเป็นว่าจะต้องพยายามที่จะวิทยาศาสตร์เป๊ะๆ จริงๆศาสนาน่าจะวางตัวเองเหนือวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ...
ถ้ามีใครถามฉันว่าทำไมถึงเชื่อเรื่องพระเจ้า ฉันจะตอบว่าเพราะฉันเจอประสบการณ์ที่รู้สึกว่าพระเจ้ารักฉัน เพราะพระเจ้ารักฉันก่อน ฉันจึงรักพระเจ้าตอบ และความรักต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันคือสิ่งที่มนุษย์ควรทำ ความรักเป็นเรื่องงมงายหรือเปล่า... ใช่ มันอาจจะงมงายที่สุด แต่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการมากที่สุดเช่นกัน