สวัสดีครับ ผมอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับสวมร่างการสวมร่างเป็นครั้งที่ 2 นะครับ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร มีทั้งหมดกี่วิธี มีอาการขณะที่สวมร่างอยู่เป็นอย่างไรบ้าง และมีจุดประสงค์อย่างไรตามหลักทางพระพุทธศาสนา ส่วนตัวการตั้งกระทู้ครั้งแรก ได้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้จากผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ ผมได้ข้อมูลโดยภาพรวมมาว่า
โดยตามหลักของศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ เริ่มจากทูตสวรรค์กลุ่มหนึ่ง อยากเป็นใหญ่ให้เหมือนกับ
พระเจ้าผู้ประเสริฐ จึงรวมตัวกันก่อกบฏ แต่ในที่สุดได้รับความพ่ายแพ้ จึงถูกพระเจ้าผู้ประเสริฐขับไล่ออกจากสวรรค์กลายมาเป็นวิญญาณชั่ว
ซึ่งวิญญาณชั่วกระทำ 3 อย่าง บนโลกมนุษย์ เพื่อต้องการให้มนุษย์ไม่ศรัทธาพระเจ้าผู้ประเสริฐ แล้วหันมาศรัทธาพวกตนแทน ดังนี้
1. การเข้าสิง เป็นการสวมร่างโดยผู้นั้นไม่ได้ขอ
2. การเข้าทรง เป็นการสวมร่างโดยผู้นั้นได้ทำการขอ
3.คัดลอกจากสมองคนตายไปใส่คนเป็นคน โดยที่ไม่มีการสวมร่างเกิดขึ้น ทำให้คนเข้าใจผิดว่ามีการกลับชาติมาเกิด
โดย 2 ข้อแรก จะมีลักษณะนิสัยเปลี่ยนเป็นคนละคน
ซึ่งสิ่งเข้าใจผิดกันโดยมาตลอด ในเรื่องของการกลับชาติมาเกิด โดยวิญญาณผู้ตาย จะไปพักสงบอยู่ในดินแดนมรณา เพื่อรอคำพิพากษาเท่านั้น จะไม่สามารถทำการสวมร่างได้ จึงมีแต่วิญญาณชั่วเท่านั้น จึงเป็นเรื่องเท็จตามหลักศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์
เพิ่มเติม ลักษณะของวิญญาณชั่ว
1.วิญญาณจะมีรู้ตัวเสมอว่าตนเป็นทูตสวรรค์มาก่อน
2.วิญญาณชั่วรู้ตัวว่า เคยสวมร่างใครมาบ้าง
3.วิญญาณชั่วรู้เหตุการณ์อนาคตได้บางอย่าง
ตราปที่กลายเป็นวิญญาณชั่วแล้ว จะไม่สามารถชำระบาปได้ แม้จะพยายามกลับแล้ว ก็ไม่สามารถกลับใจได้แล้ว
แต่ผมเป็นชาวพุทธ จึงคำถามเพิ่มเติมครับ เรื่องของการสวมร่างทางพระพุทธศาสนามีความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรจากศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์บ้างครับ ยิ่งละเอียดยิ่งดีครับ
ถ้าข้อผิดอย่างไร ขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
การสวมร่างตามหลักพระพุทธศาสนา
โดยตามหลักของศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ เริ่มจากทูตสวรรค์กลุ่มหนึ่ง อยากเป็นใหญ่ให้เหมือนกับ
พระเจ้าผู้ประเสริฐ จึงรวมตัวกันก่อกบฏ แต่ในที่สุดได้รับความพ่ายแพ้ จึงถูกพระเจ้าผู้ประเสริฐขับไล่ออกจากสวรรค์กลายมาเป็นวิญญาณชั่ว
ซึ่งวิญญาณชั่วกระทำ 3 อย่าง บนโลกมนุษย์ เพื่อต้องการให้มนุษย์ไม่ศรัทธาพระเจ้าผู้ประเสริฐ แล้วหันมาศรัทธาพวกตนแทน ดังนี้
1. การเข้าสิง เป็นการสวมร่างโดยผู้นั้นไม่ได้ขอ
2. การเข้าทรง เป็นการสวมร่างโดยผู้นั้นได้ทำการขอ
3.คัดลอกจากสมองคนตายไปใส่คนเป็นคน โดยที่ไม่มีการสวมร่างเกิดขึ้น ทำให้คนเข้าใจผิดว่ามีการกลับชาติมาเกิด
โดย 2 ข้อแรก จะมีลักษณะนิสัยเปลี่ยนเป็นคนละคน
ซึ่งสิ่งเข้าใจผิดกันโดยมาตลอด ในเรื่องของการกลับชาติมาเกิด โดยวิญญาณผู้ตาย จะไปพักสงบอยู่ในดินแดนมรณา เพื่อรอคำพิพากษาเท่านั้น จะไม่สามารถทำการสวมร่างได้ จึงมีแต่วิญญาณชั่วเท่านั้น จึงเป็นเรื่องเท็จตามหลักศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์
เพิ่มเติม ลักษณะของวิญญาณชั่ว
1.วิญญาณจะมีรู้ตัวเสมอว่าตนเป็นทูตสวรรค์มาก่อน
2.วิญญาณชั่วรู้ตัวว่า เคยสวมร่างใครมาบ้าง
3.วิญญาณชั่วรู้เหตุการณ์อนาคตได้บางอย่าง
ตราปที่กลายเป็นวิญญาณชั่วแล้ว จะไม่สามารถชำระบาปได้ แม้จะพยายามกลับแล้ว ก็ไม่สามารถกลับใจได้แล้ว
แต่ผมเป็นชาวพุทธ จึงคำถามเพิ่มเติมครับ เรื่องของการสวมร่างทางพระพุทธศาสนามีความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรจากศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์บ้างครับ ยิ่งละเอียดยิ่งดีครับ
ถ้าข้อผิดอย่างไร ขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ