ประสบการณ์จีบหนุ่มครั้งแรกในชีวิต

สวัสดีค่ะ  เราเป็นคนโสดวัยเบญจเพส หน้าตาธรรมดามากๆค่ะ  ถ้าไม่นับเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ถือว่าเราใช้ชีวิตวัยรุ่นได้น่าเบื่อมากค่ะ


เริ่มเรื่องเลยนะคะ  เรารู้จักหนุ่มคนนี้ตอนเรียนอยู่ปี 2 ขอเรียกว่าพี่ ต. นะคะ  

เราเจอ พี่ ต. ครั้งแรกในชั่วโมงภาษาไทย พี่ ต. เป็นหนุ่มเซอร์ ผมยาว หน้าตาดี พี่เขานั่งอยู่หลังห้องค่ะ (นั่งหลังห้องจนชั่วโมงสุดท้าย) เราต้องเดินผ่านทางนั้น เพื่อไปนั่งกับเพื่อนของเรา ใจนี่เต้นรัวๆเลย  รีบเดินก้มหน้าผ่านไปอย่างไว ในใจคิดว่า เฮ้ยยยย รักแรกพบมีจริงจ้าาาาา ...


ต่อมา เราบอกกับเพื่อนว่า เราปิ๊งพี่ ต. เพื่อนจึงยุให้จีบพี่ ต. แต่เราไม่กล้าหรอกค่ะ ไม่เคย ขอแอบมองเงียบๆแบบนี้ดีกว่า  หลังจากนั้นเราก็ป่วยหนักมาก เรียกว่าเกือบเอาชีวิตไม่รอด (เราเป็นไข้หวัด 2009) หยุดเรียนไป 2 สัปดาห์ พอกลับไปเรียนอีกที เพื่อนก็ต้อนรับด้วยการให้เบอร์พี่ ต. กับเรา เรานี่เมมไว้เลยค่ะ จะรออะไรเน๊อะ อิอิ


ระหว่างนั้นเพื่อนสนิทพี่ ต. ก็กำลังจีบกันกับเพื่อนเราอยู่ค่ะ เราเลยพอได้รู้ข่าวคราวของพี่ ต. บ้าง รวมทั้งรู้ว่าพี่ ต. ไม่ค่อยเต็มที่กับการเรียน แต่ไปทุ่มเทให้กับการเล่นดนตรีมากกว่า ดังนั้นพี่ ต. จึงไม่ค่อยส่งงาน ในฐานะที่เราแอบชอบพี่เขาอยู่ เราเลยแอบเขียนงานส่งให้พี่ ต. เป็นประจำ (หลังจากที่คุยกันแล้วก็แอบทำอยู่จ่ะ) จนโดนอาจารย์เรียกไปตักเตือนว่า ถ้าทำแบบนี้อีก จะปรับให้เราตก ร้องไห้


เราตัดสินใจโทรหาพี่ต.หลังจากสอบกลางภาคเสร็จ เพราะคิดว่า อีกเดี๋ยวถ้าหมดเทอมแล้ว คงไม่ได้เจอกันแน่ ขอแค่ได้ทำความรู้จักก็พอ ครั้งแรกที่โทร เราคุยเรื่อยเปื่อยค่ะ เราบอกว่า เราคือคนลักษณะแบบ โน่น นี่ นั่น นะ พี่เขาก็อ๋อทันดี (ดีใจเบาๆ) มารู้ทีหลังว่า เพื่อนเราหวังดี ไปบอกพี่ ต. ว่าเราชอบ ตอนที่เราป่วย เริ๊ดมากกก


ช่วงนั้นโลกเป็นสีชมพูไปหมดเลยค่ะ เราตั้งใจเรียนมากเป็น 10 เท่า เพื่อพิสูจน์ให้พี่ ต. รู้ว่า เรานี่แหละเหมาะที่จะเป็นแม่ของลูก ของพี่ ต. ที่สุดแล้ว แน่นอนเราผ่านทุกครั้งที่มีการสอบ แล้วได้คะแนนดีเป็นอันดับต้นๆของห้อง ส่วนพี่ ต. เหรอ .... ไม่เคยผ่านหรอกจ่ะ (เอ่อออ ....  นี่เหรออนาคตพ่อของลูกช้านน)


เราคุยกันเรื่อยๆ จนเริ่มสนิทกัน พี่ ต. ก็แอบหยอด ทำเหมือนว่ามีใจ จนเรารู้สึกว่า เราพอมีความหวังอยู่บ้าง ทุกครั้งที่เราถอดใจ พี่ ต. จะโทรมาหา คุยนั่นนี่ ทำให้เราตัดใจไม่ลงทุกที พี่ ต. คุยไม่เก่งนะ แต่โทรมาเรื่อย (ส่วนมากจะโทรมาบอกว่า เจอเราที่โน่น ที่นีนะ) เรียกว่า ไม่ให้ลืมกันเลย  วันนึง ขณะที่ทำรายงานอยู่ร้านเน็ต พี่ ต. ก็โทรหาเรา (เฉพาะใจความสำคัญนะ)
                พี่ ต. :  วันนี้พี่ใส่เสื้อยับไปเรียน สังเกตุป่าว
               เรา    :  ไมไม่รีดอะ
                พี่ ต. :   พี่โดนตัดไฟ ไม่จ่ายค่าไฟ (หัวเราะ) นี่ลองอยู่มา 2 วันละ ลำบาก กลางคืนมันมืด ขอไปพักด้วยได้ป่าว
               เรา    :  (หัวเราะ) พูดเป็นเล่น แล้วพี่.... เพื่อนพี่ไปไหนอะ  ค้างกับเพื่อนดีกว่านะ พี่ ต. จะได้สบายใจด้วย
                พี่ ต. :  (หัวเราะ) พี่ล้อเล่น อย่าคิดมากนะ

เราเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง เพื่อนเราต่อว่าเรา บอกว่าเราซื่อบื้อ พี่เขาอ่อย แกไม่รู้เหรอ ..... ไม่รู้จริงๆค่ะ แต่ก็ไม่ได้เชื่อ 100% ว่าพี่เขาอ่อยนะคะ


ปิดภาคเรียนไปแบบไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่าได้ไปกินข้าวกับพี่ ต. 1 ครั้ง แต่แค่นี้เราก็ดีใจสุดๆแล้วค่ะ เม่าบัลเล่ต์

ขึ้นปี 3 เราลงเรียนวิชาภาษาอังกฤษแบบฉายเดี่ยว แล้วเหมือนเป็นพรมลิขิตจ้าาาา  เราลงเรียน section เดียวกันกับ พี่ ต. อีกแล้วจ่ะ  เทอมนี้เรานั่งเรียนข้างพี่ ต.ด้วยแหละ  (ชั้นเริ๊ดมาก)


มีครั้งนึง ก่อนเริ่มเรียน พี่ ต. พูดขึ้นมาว่า  นี่เห็นอาจารย์ป่ะ ตัวเล็กๆ ขาวๆ หัวฟูๆ ดัดฟัน สเป๊กเลย กรี๊ดสิคะ  นี่หมายถึงเราอยู่สินะ  เราแน่ๆ เอ๊ะ !! เราไม่ได้ดัดฟัน  แต่ไม่เป็นไร เข้าหลายข้อ เราชัวร์ อิอิ (ต่อมมโนทำงานหนักมากชั่วโมงนั้น)


อยู่มาวันนึง ขณะที่เราละเมอว่าเรามีความหวัง และกำลังเม้าส์กับเพื่อนๆเรื่อง พี ต. แบบดี๊ด๊า เราก็ได้รับโทรศัพท์จ่ะ จากผู้ชาย นางโทรมาจีบ เราบอกนางว่า เรามีคนที่เราชอบแล้วให้ตัดใจซะ (สวยมั๊ยล่ะ) ปรากฎว่าสิ่งที่นางบอกเรา ทำเอาเราหน้าชาไปเลยจ้าาาา


นางบอกเราว่านางรู้ว่าเราชอบใคร และนางก็เป็นญาติของพี่ ต. ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางได้เบอร์มาจากใคร แถมนางยังบอกให้เราตัดใจ เพราะ พี่ ต. มีแฟนแล้ว ข้อมูลนางแน่นมาก เราเคยเห็นพี่ ต. ไปกับผู้หญิงนะ แต่ความรักมันบังตา เรามักจะหลอกตัวเองว่า คงเป็นเพื่อนพี่ ต. เขาแหละ รู้แบบนี้ช่วงนั้นจึงเริ่มทำใจแล้วค่ะ คิดว่าถ้าเขาชอบเรา คงไม่ให้เบอร์เรากับคนอื่น


เวลาผ่านไป เฟสบุ๊คพี่ ต. เริ่มลงรูปคู่เรื่อยๆค่ะ ลงเองบ้าง แท็กมาบ้าง ผู้หญิงคนนั้นตรงตามสเป๊กที่พี่ ต. เคยพูดในชั่วโมงภาษาอังกฤษทุกอย่างเลย ทั้งที่ทำใจมาแต่ต้นแล้ว และบอกตัวเองเสมอว่า แค่นี้ก็ดีแล้ว แต่เราก็อดเสียใจไม่ได้ เราร้องไห้อยู่เป็นเดือนเลยค่ะ เพลงเศร้านี่ฟังไม่ได้เลย เป็นเอามากจริงๆ   555  


พี่ ต. ให้ความหวังเราเสมอ ชวนเราไปกินข้าว ดูหนัง พาไปเที่ยวบ้าน มาเล่น มาทำการบ้านที่หอเรา แอบหยอดโน่นนี่นั่นเรื่อย "ชอบจังเลยผู้หญิงเล่นกีต้าร์" นึกว่าเขาหมายถึงเรา มารู้ทีหลังว่า ทุกอย่างที่พี่ ต. พูด ตรงกับแฟนพี่ ต. ทุกอย่างเลย  แล้วที่ทำดีกับเรา ก็เพื่อตอบแทนที่เราคอยช่วยเหลือเรื่องเรียนเท่านั่น  เจ็บใจสุดๆ  ขายหน้ามาก  รู้สึกโง่ที่สุดในชีวิตก็ตอนนี้แหละ



จนถึงตอนนี้ ผ่านมา 5 ปี แล้ว เรายังไม่คบใครเลยจ้าาาา  ไม่ได้แค้น ไม่ได้โกรธ  ทุกวันนี้ทำใจได้นานแล้ว แค่ไม่อยากเสียใจอีกเท่านั้น  ต้องขอบคุณพี่ ต. ที่สอนให้เรารู้จักคำว่า "อกหัก" เป็นยังไง  อมยิ้ม17อมยิ้ม17


เราเป็นคนเล่าเรื่องไม่สนุก (รู้ตัวจ้าาา) ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ  ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่