ดอกหญ้าในป่าเขา...สู่ดอกไม้ขาวประดับฟ้า จากเด็กรากหญ้า..สู่ข้าราชการสีเทา เราจะดีได้ด้วยตัวของเราเอง..^^

ดอกหญ้าในป่าเขาสู่ดอกไม้สีขาวประดับฟ้า...จากเด็กรากหญ้าสู่ข้าราชการสีเทา..อัศวินขี่ม้าขาว

สวัสดีค่ะทุกๆคน. ไม่รู้จะมีคนอ่านมั้ย...อยากมาบอกเล่าประสบการณ์ชีวิตดีๆที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่มาด้วยความสามารถ  ปัญญา  และความอดทนล้วนๆเผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนได้พบเจอสิ่งดีๆแบบที่ฉันเป็นค่ะ.  มาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ

ฉันเป็นเด็กที่เกิดมาท่ามกลางความไม่พร้อมของแม่สักเท่าไหร่(อันนี้แม่เล่าให้ฟัง) แต่น้าขอแม่ไว้. เลยทำให้ฉันมีโอกาสออกมาดูโลกใบนี้(ดูรันทดเนอะ) แม่ฉันก็บำรุงจัดเต็มนะคะหลังจากเบนโลไปแพพพพ(แม่เลยบอกว่า...เพราะอย่างนี้ลูกฉันเลยไม่เต็มบาทใช่มั้ยย? ฮี่ๆๆ)...ใคร๊!!!บอกว่าถ้าระหว่างท้องกินนมมากๆจะขาวฟร่ะ. ตรูนี่..มิดหมีอ่าคร้าาา อ๊ากกกก...ที่แม่กินไปเสียของชัดๆ แต่พี่ชายฉันแม่ซัดโคล่าวันละสามสี่ขวด...มันขาวกว่าฉันเป็นกอง. กากกก..กลับเข้าเรื่องๆกันดีฝ่าา...เด็กตัวดำๆอย่างฉันเกิดมาก็สร้างเรื่องเลยครัชชช. เอาแม่กับพ่อไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันไป2อาทิดกันเลยทีเดียวว555 แม่เลยจัดการนั่งรถไฟสู่โอ้...โอ...ปักษ์ใต้บ้านเรา>>>ให้ยายเลี้ยงแทน โดยมีน้าสาว2คนกะว่าที่น้าเขยอีดอกไม้เม่าอดีตอัศวินขี่ม้าขาวกหนึ่งเป็นผู้ช่วยเลี้ยงเด็กหัวดื้อ(มาาากก)อย่างฉัน เราก็เลยเหมือนน้องคนเล็กกลายๆเพราะยายยังสาวอยู่จ้าาา(สาวไม่สาวก็อายุเท่ากับพี่สาวคนโตของพ่อล่ะงับ ฮี่ๆๆ) แม่ก็ไปๆรับๆกลับๆส่งๆเราอย่างนี้อยู่จน2ขวบ ก็จับเราเข้าโรงเรียนปฐมวัยแถวบ้าน. เพราะไม่มีเวลาเลี้ยง...เราก็ดำเนินชีวิตเหมือนเด็กทั่วๆไปจนกระทั่งวันหนึ่งพ่อเราป่วย แม่จัดการส่งเราไปอยู่กับยายเช่นเดิม และไม่นานข่าวร้ายในสุดของชีวิตก็มาถึง. พ่อฉันจากไปอย่างสงบพร้อมจดหมายที่ฝากฝังฉันไว้กับยาย  และพี่ชายฉันอยู่กับแม่ในวัยที่ฉันกำลังจะสี่ขวบ... ถามว่าเสียใจมั้ยยย. ตอนนั้นเหมือนเด็กที่ติดพ่อแล้วอยู่ดีๆพอก็หายไปเฉยๆ เหมือนของหายที่ไม่ได้คืนและก็ไม่รู้ว่าความตายคืออะไร แต่ก็ร้องไห้นะ  ป้าเล่าให้ฟังว่าวันเผา ฉันเอาแต่พูดว่า "จะเอาพ่อหนูไปไหน" ส่วนพี่ชายฉันแทบจะวิ่งเข้ากองไฟคนจับให้กันจ้าละวัน  มีเพียงแต่เสียงกระซิบข้างหูเท่านั้นที่บอกฉันว่า "พ่อไปดีแล้ว  พ่อไปสวรรค์นะลูก" แค่คิดถึงตอนนั้นก็รู้สึกหดหู่อยู่ลึกๆ

ฉันกลับมาอยู่ใต้กับยาย จนกระทั่งอนุบาล2 แม่ก็พาพ่อใหม่มาให้รู้จัก และแต่งงานกันตามความเหมาะสมของแม่หม้ายลูกสองกะหนุ่มโสดไร้พันธะใดๆ  พ่อใหม่ที่แม่ไดัมานั้นจากคำบอกเล่ายามเมื่อฉันโตขึ้นคือ พี่ชายฉันมักวิ่งตามเขาเวลาที่มาบริษัท ทำให้เป็นเหมือนเส้นใยบางๆที่ถักทอความรักของแม่และ'พ่อใหม่' และแม่ก็สอนให้ฉันเรียกเขาว่า 'พ่อ' ตั้งแต่เด็กๆ ทำให้หลายคนอาจจะงงเมื่อฉันบอกว่า 'พ่อฉันตายแล้ว'

ขณะที่ฉันอยู่อนุบาล2 ฉันเป็นคนขี้ลืมแบบสุดๆ. แล้วโทษของการลืมคือโดนตีด้วยไม้เรียวววว.  อ๊ากกกก.😫ฉันกลัวมันมากๆ แล้วโดนมันบ่อยๆ จนทำให้ฉันเป็นโรค 'กลัวครู' แล้วมันก็ส่งผลให้ฉันมาเป็น 'ครูตัวเอง' ตอนป.1

ป.1>> ทุกวันตอนเช้าฉันจะต้องไปซื้อปากกามา2แท่งสีแดงกะสีน้ำเงิน รวมแล้ว 10 บาท เหลือค่าขนมกะข้าวอีก10บาท. แล้วก็เขียนการบ้านเอง. ตรวจการบ้านเองคร้าาาา. เริ่ดป่ะคะ. แหม๋...สมุดเพื่อนมีอะไรฉันมีหมด. การบ้านนี่ทำทุกวันค่ะ. แต่สิ่งฉันได้ทุกวันเช่นกันก็คือ. "ไม้เรียวกายสิทธิ์"✨ของพระมารดา อ๊ากก..  😫😫😫 ฟาดมันทุกวันทั้งที่บ้านทั้งที่โรงเรียนจนเป็นลายพาดกลอนอ่ะครัชชช. พี่นี่แทบจะแปลงร่างเป็นอังกอร์(หนังลุงหลอง เคยดูป่ะ) พระมารดานี่มิมีดอกที่จะยั้งมือ  ฟาดจัดเต็ม...โปรแกรมของทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ของแม่คือ
เช้า @โรงเรียน "น้อง... ต้องเอาสมุดการบ้านกับหนังสือไปส่งครูนะ เดี๋ยวเย็นนี้แม่จะตรวจ"
เย็น @โรงเรียน "ทำไมไม่ส่งครูห๊าา..." เพี๊ยะๆๆๆ. แง้ๆๆๆ😭  "แม่บอกแล้วใช่มั้ยให้ส่งครู"เพี๊ยะๆๆๆ [มีพยานเป็นร้อยสายตามองดูแม่ตีลูกอย่างสะใจ😒]
แล้วก็โดนอย่างนี้ทุกวันแต่ช้านนนก็ไม่ส่ง. ยังคงเป็นครูด้วยตัวเอง โดนยึดปากกาแมร่งงงทุกวัน. โดนตีทุกวันจนชิน  แต่เห็นอย่างงี้อ่านหนังสือได้คล่อง บวกเลขนี่ชิลๆ กว่าหลายๆคนในห้องนะสิบอกให้!  แหม๋! ก็พระมารดาป๋มโหดดอัลลิมิเต็ด เคี่ยวววเกินนับคณา. ถ้าการบ้านไม่เสร็จ. อ่านหนังสือไม่จบ. อย่าหวังจิออกไปเริงร่าท้าลมอย่างใครเขา. อีกอย่างคือเรามีพี่ชายห่างกัน2ปี. ดังนั้นนี้คือไอดอลในการเรียนเพื่อไปเล่นของเราโดยเฉพาะ. รับรอง5โมงของทุกวันก็ได้ไปโดดยางกับเด็กแถวบ้านพร้อมพี่ชายล่ะ. อ่ะคริๆๆ
สุดท้ายแม่อดรนทนไม่ไหวกับลูกสาวคนนี้ราวๆสักครึ่งเทอมเห็นจะได้ แม่ไปพบครูประจำชั้น จำได้เลยวันนั้นไปเรียนนาฏศิลป์แล้วเรียกตัวกลับมาที่ห้องเรียนเพื่อมาตักเตือน ครูไม่ได้ดุอย่างที่เจอตอนอนุบาล2แหะ คือสรุปได้เลยว่าอาการของเราคือโรค 'กลัวครู' นะ ถึงกับไม่ยอมเข้าใกล้ครูเลยยย(จิตแต่เด็ก)คุณครูใจดีมากไม่ว่าเราสักคำ เอาสมุดการบ้านเราไปดู อะไรที่ผิดๆก็แก้ให้เรากลับไปทำใหม่ ตรวจการบ้านที่เราทำใหม่หมด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเราก็ตั้งใจเรียนเป็นเด็กดี โปรไฟล์เยี่ยม ได้ที่2ในเทอมแรก เล่นเอาเพื่อนทั้งห้องตะลึงว่า อีนี่มาจากหนายยย เพราะโดนแม่ฟาดทุกวันเรื่องไม่ส่งการบ้าน เลขไม่เคยออกไม่คิดหน้าห้อง อยู่เงียบๆแต่ความรู้เพียบนะคร้าบบบป๋ม แล้วจากนั้นฉันก็ช่วงชิงลำดับที่หนึ่งมาเป็นของตัวเองตลอดจนกระทั่งป.3 เป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งเรียงความสร้างสรรค์กับคณิตคิดเร็ว(ความจริงคือช้าแต่ชัวร์นะท่าน)ก็ได้รางวัลมานิดๆหน่อยๆพอกรุบกริบ  แหมม...เด็กโรงเรียนวัดได้แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง อยากบอกว่าตอนที่ยังเป็นครูด้วยตัวเอง จะเหลือเงินแค่ 10 บาท จะไปพออัลไร เพื่อนคนนึงมักอาสาเลี้ยงขนมฉันตลอด เป็นหัวหน้าห้องด้วย แล้วรู้มั้ยคะ มานทำกะช้านแสนสาหัส หลังเรื่องกลัวครูเปิดเผย. มันระริกระรี้มาบอกแม่ฉันว่า 'เนี่ยน้อง...ยืมเงินนู๋ครั้งละ5บาท10บาทคะแม่(ยิ้มตั้งแต่เด็กคร้าาาท่านผู้อ่าน) นู๋ก็ไม่รู้จะทำยังไง สงสารเลยให้ยืมค่ะ'แล้วแม่ฉันก็เชื่อมันด้วย😡ฉันต้องอดค่าขนมวันละห้าบาทเพื่อเจียดไปคืนมัน เป็นการยิ้มครั้งแรกที่ฉันได้พบเจอ แทบอยากจะกราวหน้าชีให้ดาวดิ้น หึยย!!! เพราะถึงฉันจะไม่ส่งการบ้านสร้างงานด้วยตัวเอง แต่ทุกครั้งที่แม่ถามว่าส่งมั้ย. ฉันจะเงียบหรือบอกไปตรงๆมากกว่า ไม่สร้างเรื่องเหมือนยัยแสบนั่น.😣 ยี้ๆๆๆคนขี้ฮก

ป.3>> ฉันเป็นเด็กที่ซุกซนพอสมควรนะ. ก็มีพี่ชายอ่ะเนอะ เลยเล่นตามพี่แทบจะทุกอย่าง ไพ่เล็กๆ ปืน ลูกแก้ว ปั่นจักรยาน รถแข่งตราเพชร โยโย่ ปีนต้นไม้ เล่นเกมเพลย์ เกมตู้ เอาหมดอ่ะค่ะเลยเรียบร้อยเป็นพิเศษ แต่ก็มีแบบผู้หญิงบ้างเช่นโดดยาง ตี่จับ ซ่อนแอบ หม้อข้าวหม้อแกง เลยยังมีความเป็นหญิงอยู่นี้ดนึงง. และไอ้ความซุกซนก็สร้างเรื่อง เมื่อฉันซื้อน้ำปั่น2แก้ว แล้วทำการปีนป่ายขึ้นไปบนกรงนกที่ตอนเด็กๆมันสูงมาก(ตอนโตไปเหยียบนี่เหลือหี้ดดนึงตะ) มือสองข้างถือน้ำปั่น ปากก็เม้าส์กะครูพละหนุ่มหล่อที่นั่งเล่นอยู่อีกเครื่องเล่นหนึ่ง(กร๊ากก...ออกแววแต่เล็กเลยค่ะ😳)เถียงกันไปเถียงกันมา พลั่ก!!! อกอีแป้นจิแตกกกก!!!ขาฉันคร่อมระหว่างเหล็กTT^TT ครูถามว่าเป็นอะไรมั้ยยย. งอลลลค่ะ เดินกะปลกกะเปลี้ยไปห้องน้ำ แล้วก็เจอเลือดแดงฉานนน แง้ๆๆๆๆ  ไม่เจรงง😖 แล้วก็ลากสังขารไปหาพี่ชายโดยมีพี่ผู้หญิงคอยดูแล พี่ชายหยอดเหรียญโทรให้แม่มารับไปโรงพยาบาล ตอนแรกต้องเย็บแต่อิชั้นร้องลั่นโรงพยาบาล ป๊าดดด หมอเลยบอกปล่อยให้หายเองก็ได้มั้ง ...โด่ววววเจ็บตัวพรี>_<! แล้วต้องนอนสังเกตอาการ 1วัน นั่นเป็นการนอนครั้งแรกของชีวิต และก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันจากแค่ทุเรียนพูเดียว พูที่ทำให้ฉันรู้ว่าความยุติธรรมมันอยู่ตรงไหน?

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่