No.44
จั่วหัว : ภาคต่อของดราม่าเกมล่าชีวิต ที่ภาคนี้ได้แผ่ขยายออกมาดราม่านอกจอ เป็นภาคที่มาเติมเชื้อเพลิงให้ระอุ เพิ่มความเข้มข้น และเซ็ตอัพปูเหตุการณ์ซึ่งกำลังจะบานปลายจากนี้ ให้เตรียมระเบิดทะลุจอจัดเต็มในภาคหน้า!!
The Hunger Games : Mockingjay Part 1 : เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1
คมนิด จี๊ดเลย : ถ้าคุณเผาเราจนมอดไหม้ ก็จงมามอดไหม้จมกองไฟไปด้วยกัน
Napat's Rating : (B+) , 8.5/10
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิ๊กLIKE!! : https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -
OVERVIEW (No Spoiled) : สำหรับหนังฮังเกอร์เกมส์ภาคนี้ จะไม่มีการอารัมภบทถึงตอนก่อนหน้าใดๆทั้งสิ้น แต่จะรัยเหตุการณ์ต่อเลย ซึ่งตัวหนังภาคนี้ได้มีการดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาและการวางแผนมากกว่าจะได้ชมฉากแอ๊คชั่นมันส์ๆแบบในภาคก่อน
แต่กระนั้นในสายตาที่หลายคนมองว่าจุดนี้ทำให้หนังมันดูน่าเบื่อลง ดูเอื่อย ดูเนื้อเรื่องไม่ค่อยเดินไปข้างหน้า เล่าเนิบไป เหมือนพยายามยืดหนังให้เป็นสองพาร์ท แต่ส่วนตัวแล้วผมเห็นต่าง
ผมมองว่าภาคนี้มันเป็นภาคแห่งการจุดชนวนที่จะทำให้เกิดไฟโหมกระหน่ำในภาคจบ มันเป็นการปูเรื่องของความเป็นดราม่าในใจตัวละคร และขยายให้เห็นถึง "ความกลัว" ในฝ่ายของแคปิตอลเองด้วย ซึ่งรายละเอียดจุดนี้หนังก็ทำได้ดี และตัวหนังเองก็ไม่ได้มีความน่าเบื่อแต่อย่างใดในสายตาผม แถมผมยังคิดว่าภาคนี้สามารถเล่าเรื่องการเตรียมยุทธวิธี การที่ต้องเอาตัวรอดในจังหวะของสงครามเย็น ระหว่างที่แต่ละฝ่ายกำลังสะสมกำลังและเตรียมการ มันก็ได้ทวีเนื้อหาที่เข้มข้นเรื่อยๆในแบบที่ควรจะเป็นผ่านตัวบท ภาพ เสียง เอฟเฟค และการแสดงดีๆจากทีมชุดเก่า เป็นต้นว่าเจย์ลอว์ ฟิลลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน และเสริมทัพด้วยนักแสดงตัวแม่อีกคนอย่างจูลี่แอนน์ มัวร์ในบทบาทประธานาธิบดีของเขต13 ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะนำไปสู่ตอนจบที่ชวนอารมณ์ค้างไม่แพ้ภาคก่อนหน้า เชื่อเถอะว่าถึงตอนนั้น ปรับอารมณ์กันไม่ทันแน่นอน!!
.
.
.
REVIEW (Spoiledบางส่วน) : "IF WE BURN YOU BURN WITH US"
นี่คือประโยคที่เป็นหัวใจเด็ดของหนังภาคนี้
ถ้าแปลเอาคงได้ใจความประมาณว่า ถ้าคุณเผาเราจนมอดไหม้ ก็จงมามอดไหม้จมกองไฟไปด้วยกัน
ถูกแล้ว สิ่งที่แคปิตอลกำลังพยายามกดขี่ผู้ต่อต้านนั้น นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะแคปิตอลก็กลัวฝ่ายกบฏหาทางเล่นงาน ส่วนประชาชนก็ต้องอยู่อย่างกลัวการข่มเหงของเจ้าหน้าที่ปกครองต่อไป
เราต่างเผชิญ "ความกลัว" ซึ่งกันและกัน
ในช่วงเวลาที่เราสับสนและกำลังอยู่ในความกลัว
น้อยนักที่เราจะพบเจอ "ผู้กล้า" จริงๆ
แต่ความลำบากก็จะทำการคัดตัวผู้กล้าตัวจริงออกมาเอง
และถึงเวลานั้น พวกเขาเหล่านั้นนี่แหละ ที่จะต้องเป็นตัวแทนให้กับคนมากมายในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่า "ความกลัว"
แม้ตัวแคทนิสเอง ก็มีความกลัวเต็มไปหมด
แต่สิ่งที่ทำให้เธอ "กล้า"
ใครจะไปคิดว่าบางทีสิ่งนั้นอาจจะเรียกว่า "ความรัก" ก็ได้
แม้ว่า "รัก" นั้นจะไม่สมหวัง แม้ว่ารักนั้นอาจเป็นกับดักที่ทำให้เราหลงทาง
แต่ถ้าจะหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาเป็นแรงผลักดันมากเท่ากับ"ความรัก" แล้วล่ะก็ เห็นทีว่าคงจะยาก
เพราะ "ความรัก" ใช่ไหม เราจึงยังมี "ความหวัง"
หวังที่จะได้ช่วยเหลือคนที่ตัวเองรักออกมาให้พ้นจากภัยอันตราย
หวังที่จะทำให้คนที่อยู่เคียงข้างหันมาสนใจ แม้คนที่อยู่ใกล้อาจกำลังสนใจใครสักคนที่ไกลตัวก็ตาม
ผมชอบประโยคนึงที่เกลกล่าวไว้มาก เขาบอกกับแคทนิสว่า
"จะต้องมีเรื่องที่ทำให้ต้องเสียใจก่อนใช่ไหม เธอถึงจะมาสนใจ"
ใครจะรู้ว่าบางที เราอาจกำลังมองข้ามความสำคัญของอะไรสักอย่างหรือใครสักคนใกล้ๆตัว
จนเมื่อเรามองข้าม มันอาจมีภัยเข้ามาแทรกซึมเข้ามาโดยที่เราไม่ทันระวัง
และมันอาจจะทำให้เกิดเรื่องที่น่าเศร้าขึ้นจริงๆก็ได้
ดังนั้นถ้าไม่อยากใช้วิธีจนตรอกแบบ
ถ้าคุณเผาเราจนมอดไหม้ ก็จงมามอดไหม้จมกองไฟไปด้วยกัน
ก็อาจจะต้องมีมาตรการในการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ว่าไหมครับ?
.
.
.
.
.
จบสปอยส์
สุดท้ายนอกเรื่องหน่อย อยากให้ลองสละเวลาสักนิดมาชมกันครับ
ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆและผลงานหนังสั้นต่อได้ที่นี่ครับ
ใครชอบอ่านรีวิวหรืออยากติดตามเรื่องราวข่าวสารดีๆจากผม
ผมจะไป"แชร์"ให้ทุกท่านโดยตรงในเพจด้านล่างนี้นะคร้าบ มาLikeเยอะๆนะคร้าบ คลิกไปแล้วไม่ผิดหวังครับ!!
https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ
ไปดูมาแล้ว THE HUNGER GAMES : MOCKINGJAY [REVIEWมีทั้งแบบสปอยส์และไม่สปอยส์]
No.44
จั่วหัว : ภาคต่อของดราม่าเกมล่าชีวิต ที่ภาคนี้ได้แผ่ขยายออกมาดราม่านอกจอ เป็นภาคที่มาเติมเชื้อเพลิงให้ระอุ เพิ่มความเข้มข้น และเซ็ตอัพปูเหตุการณ์ซึ่งกำลังจะบานปลายจากนี้ ให้เตรียมระเบิดทะลุจอจัดเต็มในภาคหน้า!!
The Hunger Games : Mockingjay Part 1 : เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1
คมนิด จี๊ดเลย : ถ้าคุณเผาเราจนมอดไหม้ ก็จงมามอดไหม้จมกองไฟไปด้วยกัน
Napat's Rating : (B+) , 8.5/10
Update เรื่องหนัง ทันใจ คลิ๊กLIKE!! : https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -
OVERVIEW (No Spoiled) : สำหรับหนังฮังเกอร์เกมส์ภาคนี้ จะไม่มีการอารัมภบทถึงตอนก่อนหน้าใดๆทั้งสิ้น แต่จะรัยเหตุการณ์ต่อเลย ซึ่งตัวหนังภาคนี้ได้มีการดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาและการวางแผนมากกว่าจะได้ชมฉากแอ๊คชั่นมันส์ๆแบบในภาคก่อน
แต่กระนั้นในสายตาที่หลายคนมองว่าจุดนี้ทำให้หนังมันดูน่าเบื่อลง ดูเอื่อย ดูเนื้อเรื่องไม่ค่อยเดินไปข้างหน้า เล่าเนิบไป เหมือนพยายามยืดหนังให้เป็นสองพาร์ท แต่ส่วนตัวแล้วผมเห็นต่าง
ผมมองว่าภาคนี้มันเป็นภาคแห่งการจุดชนวนที่จะทำให้เกิดไฟโหมกระหน่ำในภาคจบ มันเป็นการปูเรื่องของความเป็นดราม่าในใจตัวละคร และขยายให้เห็นถึง "ความกลัว" ในฝ่ายของแคปิตอลเองด้วย ซึ่งรายละเอียดจุดนี้หนังก็ทำได้ดี และตัวหนังเองก็ไม่ได้มีความน่าเบื่อแต่อย่างใดในสายตาผม แถมผมยังคิดว่าภาคนี้สามารถเล่าเรื่องการเตรียมยุทธวิธี การที่ต้องเอาตัวรอดในจังหวะของสงครามเย็น ระหว่างที่แต่ละฝ่ายกำลังสะสมกำลังและเตรียมการ มันก็ได้ทวีเนื้อหาที่เข้มข้นเรื่อยๆในแบบที่ควรจะเป็นผ่านตัวบท ภาพ เสียง เอฟเฟค และการแสดงดีๆจากทีมชุดเก่า เป็นต้นว่าเจย์ลอว์ ฟิลลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน และเสริมทัพด้วยนักแสดงตัวแม่อีกคนอย่างจูลี่แอนน์ มัวร์ในบทบาทประธานาธิบดีของเขต13 ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะนำไปสู่ตอนจบที่ชวนอารมณ์ค้างไม่แพ้ภาคก่อนหน้า เชื่อเถอะว่าถึงตอนนั้น ปรับอารมณ์กันไม่ทันแน่นอน!!
.
.
.
REVIEW (Spoiledบางส่วน) : "IF WE BURN YOU BURN WITH US"
นี่คือประโยคที่เป็นหัวใจเด็ดของหนังภาคนี้
ถ้าแปลเอาคงได้ใจความประมาณว่า ถ้าคุณเผาเราจนมอดไหม้ ก็จงมามอดไหม้จมกองไฟไปด้วยกัน
ถูกแล้ว สิ่งที่แคปิตอลกำลังพยายามกดขี่ผู้ต่อต้านนั้น นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะแคปิตอลก็กลัวฝ่ายกบฏหาทางเล่นงาน ส่วนประชาชนก็ต้องอยู่อย่างกลัวการข่มเหงของเจ้าหน้าที่ปกครองต่อไป
เราต่างเผชิญ "ความกลัว" ซึ่งกันและกัน
ในช่วงเวลาที่เราสับสนและกำลังอยู่ในความกลัว
น้อยนักที่เราจะพบเจอ "ผู้กล้า" จริงๆ
แต่ความลำบากก็จะทำการคัดตัวผู้กล้าตัวจริงออกมาเอง
และถึงเวลานั้น พวกเขาเหล่านั้นนี่แหละ ที่จะต้องเป็นตัวแทนให้กับคนมากมายในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่า "ความกลัว"
แม้ตัวแคทนิสเอง ก็มีความกลัวเต็มไปหมด
แต่สิ่งที่ทำให้เธอ "กล้า"
ใครจะไปคิดว่าบางทีสิ่งนั้นอาจจะเรียกว่า "ความรัก" ก็ได้
แม้ว่า "รัก" นั้นจะไม่สมหวัง แม้ว่ารักนั้นอาจเป็นกับดักที่ทำให้เราหลงทาง
แต่ถ้าจะหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาเป็นแรงผลักดันมากเท่ากับ"ความรัก" แล้วล่ะก็ เห็นทีว่าคงจะยาก
เพราะ "ความรัก" ใช่ไหม เราจึงยังมี "ความหวัง"
หวังที่จะได้ช่วยเหลือคนที่ตัวเองรักออกมาให้พ้นจากภัยอันตราย
หวังที่จะทำให้คนที่อยู่เคียงข้างหันมาสนใจ แม้คนที่อยู่ใกล้อาจกำลังสนใจใครสักคนที่ไกลตัวก็ตาม
ผมชอบประโยคนึงที่เกลกล่าวไว้มาก เขาบอกกับแคทนิสว่า
"จะต้องมีเรื่องที่ทำให้ต้องเสียใจก่อนใช่ไหม เธอถึงจะมาสนใจ"
ใครจะรู้ว่าบางที เราอาจกำลังมองข้ามความสำคัญของอะไรสักอย่างหรือใครสักคนใกล้ๆตัว
จนเมื่อเรามองข้าม มันอาจมีภัยเข้ามาแทรกซึมเข้ามาโดยที่เราไม่ทันระวัง
และมันอาจจะทำให้เกิดเรื่องที่น่าเศร้าขึ้นจริงๆก็ได้
ดังนั้นถ้าไม่อยากใช้วิธีจนตรอกแบบ
ถ้าคุณเผาเราจนมอดไหม้ ก็จงมามอดไหม้จมกองไฟไปด้วยกัน
ก็อาจจะต้องมีมาตรการในการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ว่าไหมครับ?
.
.
.
.
.
จบสปอยส์
สุดท้ายนอกเรื่องหน่อย อยากให้ลองสละเวลาสักนิดมาชมกันครับ
ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆและผลงานหนังสั้นต่อได้ที่นี่ครับ
ใครชอบอ่านรีวิวหรืออยากติดตามเรื่องราวข่าวสารดีๆจากผม
ผมจะไป"แชร์"ให้ทุกท่านโดยตรงในเพจด้านล่างนี้นะคร้าบ มาLikeเยอะๆนะคร้าบ คลิกไปแล้วไม่ผิดหวังครับ!!
https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ