เพื่อนบ้านแบบนี้ จะมีวิธีจัดการอย่างไร เราไม่ไหวแล้ว

อ่านเรื่องของคนอื่นก็เยอะค่ะ แต่ปัญหาที่เราเจอ มันทำลายสุขภาพจิตของคนในครอบครัวเรามากๆ เรื่องราวยาวมากๆ เพราะเรื่องเกิดมานานจนปัจจุบัน มันเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกินจะเยียวยา

ครอบครัวของเรามีกัน4คน พ่อแม่ เรา และน้องชาย เราอยู่โครงการบ้านจัดสรร แห่งหนึ่งย่านดอนเมือง ย้ายมาเมื่อ13ปีที่แล้ว เริ่มแรก เราก็ได้เจอกับเพื่อนบ้าน ที่เราคิดว่าเป็นมิตร ข้างบ้านซ้ายขวา อัธยาสัยดี บ้านตรงข้ามผู้มีจิตใจเอื้อเฟื้อ และหวังดีกับเรามากกกก เราเคยคิดว่าเราโชคดี แต่ความจริงนั้น นรกชัดๆ

บ้านตรงข้ามเราอยู่กัน 4คน มีลูกสาว ขอใช่ชื่อว่า พี่เอส ลูกเขยสามีของพี่เอสใช้ชื่อว่าพี่พี คุณยายแม่ของพี่เอส และลูกสาวพี่เอสใช้ชื่อว่าน้องซี ตอนเราย้ายบ้านไปใหม่ๆ น้องซีอายุประมาณ ขวบกว่าๆเกือบสองขวบกำลังน่ารักน่าเอ็นดู เราตอนนั้นอยู่ป.6ชอบเล่นกับเด็กก็จะสนิทกันเป็นพิเศษ คุณยายจะมีนิสัย ชอบทำอาหารแบ่งปันเพื่อนบ้าน น่ารักมากๆ เหตุการณ์ก็ดำเนินไปปกติ ในการอยู่ร่วมกันสังคมทาวน์โฮม

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น ข้างบ้านซ้ายขวาของเรา ไม่พูดกับบ้านเรา แม่เราก็เออช่างมัน ไม่รุ้เป็นไร ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย บาดหมางกันเกือบ2ปี หลังจากนั้นเจอก็ทักทายกันบ้าง สุดท้ายมารู้ว่า มีคนไปบอกข้างบ้านซ้ายขวาว่า บ้านเราเอาพวกเขาไปนินทา ว่ากล่าวเสียหาย ด่าว่าเรื่องการต่อเติมบ้าน อะไรอย่างเงี้ย จนผิดใจกัน แต่เค้าก็ยังไม่ได้บอกว่าใครเอาไปพูด

ผ่านไปเกือบ10ปี เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นเรื่อยๆกับบ้านนู้นที บ้านนี้ที เอาเรื่องเราไปว่าบ้านอื่น ต่อเติมเสริมไข่ ปั้นเรื่อง บางบ้านก็เชื่อ บางบ้านก็ไม่เชื่อ ก็แล้วแต่ วิจารณญาณ ก็ว่ากันไป

แต่เรื่องราวเริ่มดุเดือดขึ้น เมื่อประมาณ ปีที่แล้ว เราเรียนจบเลยออกคิดจะออกรถให้ที่บ้าน เราเรียนจบสาขาในวงการการแพทย์ ฝึกงานแล้วได้งานทำเลย ไม่มีปัญหา เราเป็นคนหัวดี มีแต่คนชม แต่ลับหลังก็เอาเราไปว่าอยู่ดี ไคลแม๊กซ์อยู่ตรงนี้แหละ พอเราออกรถมา เค้าก็หาว่าเรามีผู้ชายเลี้ยง เรียนไม่จบ (ลืมบอกค่ะว่าช่วงที่เราเรียนเราอยู่หอ นานๆกลับบ้านที เค้าก็ว่าเราไปอยู่กับผู้ชาย) ทำงานปีเดียว มีปัญญาที่ไหนออกรถ เอาเราไปว่าบ้านนู้นบ้านนี้ จนตอนนี้ในโซนบ้านเราไม่มีใครคบ แต่ก็ยังดีมีคนที่เค้าฟังหูไว้หูรู้จักไตร่ตรอง ค่ะ แม่เราทานข้าวเสร็จตอนเย็น ก็ออกไปเดินเล่นหน้าบ้านย่อยอาหาร ทีนี้ค่ะ มีคุณป้าทหารคนนึงที่เค้าอยู่บ้านหัวใุม เค้าเรียกแม่เราไปคุยค่ะ เค้าก็ถามว่าบ้านเรา เป็นยังไง ลูกสาวมีเสี่ยเลี้ยงหรอ ไปกู้เงินมาออกรถหรอ เอาเงินหมู่บ้านไปใช้หรอ ไปว่าบ้านนู้นอย่างนี้หรอ ต่างๆนานา ป้าทหารบอกว่าที่พี่ถามเพราะพี่ไม่เชื่อนะ เห็นเราก็ไม่ค่อยสุงสิงกะใคร พี่เลยอยากให้เรารู้นะว่ามีคนเค้าเอาบ้านพวกเธอมาว่าแบบนี้ เราถึงได้รู้ว่า คนแถวบ้านทำไมถึงไม่พูดกับบ้านเรา แม่เราถามว่า ใครเป็นคนมาพูด เค้าบอกว่าพี่เอส ตอนคุณยายแม่พี่เอสเสีย บ้านเราช่วยเหลือทุกอย่าง ในงานศพ กลายเป็นว่าเราเอาหน้า

เอาจริงๆนะคะ พี่เอส พี่พี ไม่ได้มีงานประจำทำ พี่พี เป็นเหมือนพวกอาร์ตติสอ่ะค่ะ มีงานเป็นจ๊อบๆ เวลาไม่มีเงินก็มาหยิบยืมบ้านเรา พี่เอสก็ไม่ได้ทำงาน พี่เอสมีกิ๊กค่ะ เรารู้ดีที่สุด ช่วงนึงเราเคยทำงานพาร์ทไทม์ที่โรงหนัง พี่เอสกะกิ๊กเค้า ไปดูหนังด้วยกันบ่อย ไปเที่ยวกัน ก็จะถ่ายรูปมาให้เราตัดต่อ ตัดแต่งภาพให้สวยๆ แต่เรื่องนี้เป็นความลับ มีแต่บ้านเรารู้ เราไม่เคยเอาไปพูดที่ไหน คุณยายเองก็รับรู้ว่าลูกสาวเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ห้าม ส่วนพี่พี รายนั้นได้เงินจากจ๊อบมา ก็กินเหล้าเปิดเพลง เสียงดัง เราเคยโพสลงเฟสบุ๊คเรื่องเสียงดัง เค้าเอาป้ายมาติดหน้าบ้านเลยค่ะ " พวกกูเยอะ พวกบ้านเดียว อยู่ไม่ได้ ก็ย้ายไป "

กลายเป็นบ้านเราผิดค่ะ ทำตัวแปลกแยก กระแหนะกระแหน บ้านเรา หลังๆเริ่มรุกรานไปบ้านโซนอื่นค่ะ พี่เอสเอาบ้านเราไปว่าต่างๆนานา เยอะมาก มากถึงมากที่สุด เราสงสารแม่เรา กลางวันเค้าอยู่บ้านคนเดียว เพื่อนบ้านที่แม่เรารักและเอ็นดู ให้กิน ให้ใช้เหมือนน้อง ทำแบบนี้ พี่เอสทำตัวไม่ดี เราก็ไม่เคยเอาไปพูดที่ไหน ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา พี่เอสไปมีกิ๊กอยู่โซนบ้านข้างๆค่ะ ไปมีอะไรกับผู้ชาย คนโซนนั้นเค้าก็พูดกันให้แซ่ด เค้าก็ไปแก้ตัวกับคนในโซนอื่น ว่าบ้านเราเอาไปปล่อยข่าว ไปบอกบ้านที่เป็นอิสลามว่า บ้านเราว่าเค้าเป็นแขกคบไม่ได้ ไปว่าคนอื่นเป็นเมียน้อย บลาๆๆๆๆๆ เยอะแยะมากมาย

ที่เล่ามายาวขนาดนี้ บอกตรงๆว่าเก็บกดค่ะ ไม่รู้จะไปพูดไประบายที่ไหน ใครเคยเจอเพื่อนบ้านประเภทนี้ มีวิธีแก้ปัญหายังไง เราเหนื่อยหน่าย และสงสารแม่มาก โดนเอาไปว่า เอาไปนินทาจนบ้านเราเละเทะไปหมด

ขอบคุณที่อ่านและรับฟังนะคะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่แบ่งปันนะครับ
จากนี้ผมขออนุญาตแนะนำเพียงไม่กี่ข้อ (แนะนำด้วยประสบการณ์ลักษณะคล้ายคลึงกันกับเรื่องราวของคุณ)

1.เรื่องนี้เข้าข่าย "นินทากาเลเป็นเทน้ำ"
มันเป็นเรื่องปกติมากครับเมื่อเวลาที่คนเราทำอะไรก็ตาม มันจะสร้างมุมมองที่แตกต่างให้กับคนที่เขาเฝ้าดู หรือแค่ผ่านมาเห็นชีวิตเรา
แล้วลักษณะนิสัยส่วนบุคคลนี่แหละครับที่เป็นตัวแปร ก่อให้เกิดการกระทำออกมา
คนที่คิดดี พื้นฐานการเลี้ยงดูค่อนข้างดี ก็จะไม่มีพฤติกรรมระรานคนอื่น
ตรงกันข้ามกัน หากได้รับการเลี้ยงดู หรือเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้ลูกหลานรับช่วงต่อๆกันมา
คนพวกนี้เวลาเห็นใครได้ดิบได้ดี (กว่าตนเอง) ก็จะมีอาการดูหมิ่นสารพัด
ด้วยเหตุผลที่ว่า ตนเองคือศูนย์กลางของจักรวาล ใครที่ดีกว่าฉันถือว่าไปคดไปโกงมา

ข้อนี้ไม่มีวิธีแก้ตายตัวครับ เพราะเรื่องของนิสัยส่วนบุคคลเป็นเรื่องของการสืบสันดาน เราแก้ไขอะไรไม่ได้แน่ๆ
สิ่งที่พอทำได้ก็เห็นจะมีเพียงทำที่ตัวคุณเองนะครับ คืออย่าได้สนใจอะไรๆที่มาจากเขา ไม่ว่าจะเป็นคติ ตรรกะ หรือวลีใดๆ
เมื่อเทียบคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นมันก็เป็นเพียงแค่ "ขยะ" ครับ ถามตัวเองว่าคุณอยากจะรับมันมาหรือเปล่า? ถ้าไม่ ก็ทิ้งไปเสีย

พระพุทธเจ้ายังบอกเลยครับว่า คำนินทา ถ้าไม่ถูกรับ มันก็จะกลับไปหาต้นตอของมันเอง
(เห็นมั้ยครับว่า พระพุทธเจ้ายังเคยโดนนินทาเลย)

2.เรื่องนี้เข้าข่าย "ยามจนย่ำยี ยามมีอิจฉา"
ลักษณะพื้นเพของเรื่องนี้ก็คล้ายๆกับข้อแรกนะครับ คือมีอิทธิพลมาจากการเลี้ยงดูเสียเป็นส่วนใหญ่ คุณอาจแก้ไขอะไรไม่ได้
แต่สิ่งที่คุณควรจะทำต่อไปนี่แหละคือทางแก้ นั่นคือ ทำให้ดียิ่งขึ้นครับ แล้วก็สอดแทรกวิธีแก้อย่างแรกไปด้วย คือ ไม่ต้องสนใจพวกเขา
(เนื่องจากเท่าที่คุณเล่ามาเห็นได้ว่า มีเวลาหนึ่งที่คุณเคยช่วยเหลือ แล้วเขากลับพูดลับหลังว่าคุณเอาหน้า)

3.เรื่องนี้คือการรบที่ไม่มีทางชนะได้อย่างแท้จริง
่บุคคลเหล่านี้คือคนที่คุณไม่สามารถเอาชนะตลอด คือ 1.ตำรวจ 2.เจ้านาย 3.เพื่อนบ้าน 4.อันธพาลทั้งหลาย
หมายความว่าถ้าชีวิตเราบังเอิญต้องไปเจอกับคนเหล่านี้เข้า เราทำได้แค่เพียง "ปรับสภาพ" ครับ
เพราะการที่เราเจอเพื่อนบ้านแบบนี้แล้วย้ายหนี มันก็ไม่ใช่เรื่อง (คนแบบนี้ไปที่ไหนก็เจอครับ)

4.เป็นเรื่องของกรรม
ถ้าพูดแบบนี้นี่ จบเลยครับ คุณต้องก้มหน้ายอมรับอย่างเดียว
แต่อย่าเพิ่งหมดหวังนะครับ คุณบรรเทาผลร้ายจากข้อนี้ได้ด้วยการหมั่นไปวัด ทำบุญตักบาตร ปล่อยนก-ปลา
อย่างน้อยๆ การที่คุณได้ต่อชีวิตให้กับอะไรสักอย่าง อานิสงส์ของมันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น
และอย่าลืมที่จะสวดมนต์ก่อนนอนด้วยนะครับ เพื่อที่คุณจะได้หลับสบายใต้ร่มพระพุทธคุณ

สรุป สิ่งที่คุณพอจะทำได้ ก็คือ ทำเฉยเสีย แล้วอะไรที่คิดว่าดี ก็ยึดมั่น แล้วก็ทำต่อไปครับ
สวัสดิภาพ คุณภาพ และประสิทธิภาพของครอบครัว เราอยู่ที่ตัวเรากำหนด หาใช่ปากคนพาลไม่

เอาใจช่วยให้ผ่านพ้นไปได้ และขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่