ข้อมูลวันส้วมโลก>>>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จะมีสักกี่คนนะ ที่จะรู้วันที่ 19 พฤศจิกายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น "วันส้วมโลก" (world toilet day) ผู้ที่กำหนดวันนี้ขึ้นมาก็คือ องค์กรส้วมโลก หรือ World Toilet Organization ฟังชื่อแล้วอยากจะไปทำงานที่องค์กรนี้จังเวลาใครถามว่าทำงานที่ไหนจะได้ยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจว่าได้ทำงานอยู่ในองค์กรระดับโลก
ห้องส้วมหรือห้องน้ำ หรือห้องสุขาพื้นที่เล็กๆ ตรงนี้ (แต่ส้วมบางที่ก็ใหญ่นะ) เราใช้เป็นสถานที่สำหรับขับถ่ายของเสีย ชำระล้างร่างกาย อาบน้ำอาบท่า ล้างหน้า แปรงฟัน บางคนก็ใช้ซักเสื้อผ้า บางคนก็อาจใช้ทำกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย แม้จะไม่ใช่วัตถุประสงค์ของห้องน้ำโดยตรงก็ตาม
ซึ่งดูจากประโยชน์ใช้สอยของห้องน้ำแล้ว ก็เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยของทุกคน เพราะฉะนั้นจึงควรใส่ใจในการดูแลทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ เครื่องสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ใช้สอยต่างๆ ในห้องน้ำด้วย
ที่น่าสนใจก็คือมีคนอีกจำนวนมากบนโลกใบนี้ที่เข้าไม่ถึงห้องน้ำที่ถูกสุขอนามัย องค์การส้วมโลก หรือ World Toilet Organization จึงกำหนดให้วันที่ 19 พฤศจิกายนของทุกปี ตรงกับ "วันส้วมโลก" (world toilet day) เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นการรณรงค์กิจกรรมต่างๆ ทั่วโลก โดยให้ผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มีสุขอนามัยในการใช้ห้องส้วมตระหนักถึงความสำคัญของความสะอาดของห้องน้ำห้องส้วมให้มากขึ้น
ส้วมทาร์ซาน ที่สวนนายดำ
ในชีวิตของมนุษย์เรา สิ่งที่ควรดูแลเพื่อให้มีสุขภาพทั้งกายและใจที่แข็งแรงมีอยู่ง่ายๆ คือ อารมณ์ อาหาร และการออกกำลังกาย หรือ 3 อ. นั่นเอง แต่ถ้าจะพูดง่ายๆ ให้เข้าใจก็คือ การดูแลรักษาจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ การเลือกกินอาหารที่ครบ 5 หมู่ สะอาด ปลอดภัย มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญต้องมีการรักษาสุขอนามัยส่วนตัวที่ดีและการรักษาสุขอนามัยนี่เองที่เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆ อันจะเกิดขึ้นกับคนเราได้ โดยเฉพาะสุขอนามัยในการขับถ่าย ที่เกิดขึ้นได้ส่วนหนึ่งจากการดูแลตนเองให้มีการขับถ่ายเป็นเวลา อย่างสม่ำเสมอ และการดูแลห้องน้ำห้องส้วมให้มีอนามัยที่ดี ลองนึกดูว่า หากได้ใช้ห้องน้ำที่สะอาดสะอ้าน ได้เข้าไปขับถ่ายแล้วสบายตัวสบายใจ ไม่มีกลิ่นมารบกวน และยังมีความสุขเพราะปราศจากเชื้อโรคจากการใช้ห้องน้ำ จะดีแค่ไหนกับชีวิตของเรา การจัดการเกี่ยวกับส้วมในประเทศไทย ก็ยังต้องมีกฎหมายออกมารองรับ นั่นแสดงให้เห็นว่าส้วม หรือห้องน้ำนั้นมีความหมายมากเพียงใด อย่างล่าสุดก็เพิ่งมีประกาศมติ ครม. ออกมาให้ครัวเรือนไทยใช้ส้วมแบบนั่งราบ ร้อยละ 90 ภายในปี พ.ศ. 2559 (ยกเลิกการใช้ส้วมนั่งยอง) นัยว่าเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ และเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับการบริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นอกเหนือจากการดูแล ทำความสะอาดส้วม ให้สามารถใช้งานได้แล้ว การตกแต่งภายในส้วมก็นับเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้คนเลือกเข้าไปใช้บริการส้วมที่ใดที่หนึ่ง เพราะช่วยในเรื่องความเจริญหูเจริญตา จนกระทั่งแหล่งท่องเที่ยวหลายๆ สถานที่ หันมาแข่งขันกันตกแต่งประดับประดาส้วมธรรมดา ให้กลายเป็น “ส้วมน่าเที่ยว” ที่มีผู้คนแห่แหนกันไปสำรวจตรวจตรา เข้าไปดู เข้าไปใช้ เข้าไปถ่ายรูป จนประหนึ่งว่าส้วมนั้นกลายเป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งไปแล้ว
ส้วมน่าใช้ ที่วัดบางพลีใหญ่ใน
เช่นที่ “สวนนายดำ” ที่ อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร นอกจากจะมาเดินชม ชิม และชอปผลไม้สดๆ ตามฤดูกาล หรือจะมาศึกษาพืชพรรณธรรมชาติ จอดรถแวะพัก แวะกินข้าว หรือซื้อของฝากที่นี่แล้ว ไฮไลต์สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมุ่งหน้ามาก็คือ “ส้วม” ของสวนนายดำ เพราะส้วมของที่นี่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการประกวดสุดยอดส้วมแห่งปี 2549 ระดับประเทศ เจ้าของสวนนายดำมีความตั้งใจจะปรับปรุงสุขาของที่นี่ให้เป็นสถานที่ปลดทุกข์และสร้างสุขให้แก่ผู้คนที่แวะมา มีการตกแต่งแวดล้อมด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ และน้ำตก ใช้ใบเตยแทนน้ำยาดับกลิ่น ทำให้ได้บรรยากาศแบบธรรมชาติมากขึ้น และนอกจากความสะอาด สวยงามและสอดคล้องกับวิถีไทยแล้ว ส้วมของสวนนายดำยังได้รับการประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ส้วมสาธารณะไทย โดยเป็นที่ศึกษาดูงานด้านการพัฒนาส้วมให้แก่นักเรียน นักศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ทั่วไป โดยส้วมที่นี่มีรูปแบบต่างๆ หลากหลายจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น ส้วมตูดหมู ส้วมทาร์ซาน ส้วมเสมอภาค ส้วมอวตาร ส้วมใต้พิภพ เป็นต้น ซึ่งหน้าตาของแต่ละส้วมจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องลองไปชมกันเองที่สวนนายดำ แม้แต่ที่ร้านอาหาร “ตำนานป่า” ที่ จ.ระยอง ร้านนี้นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย บรรยากาศเป็นธรรมชาติ อุดมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์แล้ว เรื่องของส้วมก็ยังเป็นที่โจษจันกันไปทั่วว่าสวยงาม สะอาดสะอ้าน บรรยากาศดี และน่าใช้งานเป็นอย่างยิ่ง การันตีได้จากรางวัลส้วมสาธารณะดีเด่นระดับประเทศปี 2550 ประเภทร้านอาหาร แรงบันดาลใจของการพัฒนาส้วมของร้านเกิดจากการที่เจ้าของร้านไปท่องเที่ยวมาเกือบทั่วโลก ได้พบส้วมเกือบทุกรูปแบบ เลยนำมาปรับปรุงส้วมในร้านของตัวเอง ให้คนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าไปใช้ได้อย่างสะดวกสบาย มีส้วมสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และยังมีห้องเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กอีกด้วย ส่วนการออกแบบนั้นจะเน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติ ทั้งการตกแต่งและวัสดุที่ใช้ เพื่อให้ง่ายต่อการรักษาความสะอาด แม้แต่เรื่องของน้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดก็จะใช้วัสดุชีวภาพ โดยไม่มีสารเคมี
ส้วมอลังการ ที่วัดร่องขุ่น
แต่สำหรับห้องน้ำห้องส้วมที่เริ่ดหรูจนเข้าไปใช้บริการแล้วไม่อยากจะออกมาเลยคงเป็นที่ “วัดบางพลีใหญ่ใน” จ.สมุทรปราการ แต่เดิมนั้นที่วัดก็มีพุทธศาสนิกชนมากมายเดินทางไปกราบสักการะหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของอำเภอบางพลี ในภายหลัง ทางวัดได้มีการทุ่มเงินหลายล้านบาทเพื่อจัดสร้างห้องน้ำขึ้นมาเพิ่มเติมเพื่อบริการญาติโยมที่มาเยี่ยมเยียนวัด โดยเนรมิตห้องน้ำสวยๆ สะอาดสะอ้าน ราวกับห้องน้ำในโรงแรมห้าดาว ลบความคิดห้องน้ำวัดแบบเก่าๆ ออกไปได้เลย ในห้องน้ำติดแอร์เย็นฉ่ำ มีการตกแต่งผนังด้วยโคมไฟและกระจกเงาเจียระไนสวยงาม ปูพื้นกระเบื้องมีลวดลาย จัดทำสวนหย่อมและน้ำพุจำลองไว้กลางโถงของห้องน้ำ สุขภัณฑ์ทุกชิ้นทันสมัย และยังมีพนักงานทำความสะอาดดูแลอยู่ตลอดเวลา แถมให้อีกแห่งกับห้องน้ำภาพลักษณ์เริ่ดหรู นั่นก็คือ ห้องน้ำที่ “วัดร่องขุ่น” จ.เชียงราย วัดนี้ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องความงดงามของศิลปะแขนงต่างๆ ในสไตล์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และเมื่อเป็นห้องน้ำของที่นี่ก็ต้องงดงามไม่แพ้สิ่งก่อสร้างอื่นๆ ภายในวัดเช่นกัน เพราะความงามวิจิตรนั้นดูภายนอกแล้วคล้ายหับหอพระ หรือพระวิหารอีกแห่งของวัดเลยทีเดียว ใครไม่รู้อาจเผลอยกมือไหว้ห้องน้ำเลยก็เป็นได้ การตกแต่งประดับประดาภายนอกนั้นเป็นลายกนกแบบของอาจารย์เฉลิมชัย ส่วนภายในก็สะอาดสะอ้านน่าใช้ด้วยเช่นกัน นอกจากส้วมที่ยังใช้ได้ในปัจจุบัน และสามารถไปเที่ยวชมได้แล้ว ก็ยังมีส้วมโบราณ ที่เป็นส้วมน่าเที่ยวไม่แพ้กัน เพราะถึงแม้จะไม่ได้สวยงามอลังการ ไม่สามารถใช้งานได้ แต่ก็มีความเป็นมาทางด้านประวัติศาสตร์มากมายให้ได้เรียนรู้
เว็จกุฎี ณ อุทยานฯ กำแพงเพชร
ส้วมโบราณแห่งแรกมาชมกันได้ที่ “อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร” ในพื้นที่ของวัดพระนอน โบราณสถานเก่าแก่ในอุทยานฯ ส้วมที่ว่านี้เป็นส้วมสำหรับพระสงฆ์เท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาในยุคก่อนหรือในยุคนี้ก็ต้องไม่เคยใช้ ส้วมโบราณของพระสงฆ์ จะอยู่ในเขตพุทธาวาสของวัดพระนอน โดยจะมีทั้งกุฏิ ศาลา บ่อน้ำ รวมไปถึงเว็จกุฎี หรือห้องส้วมของพระนั่นเอง เว็จกุฎีนี้แข็งแรงมากเพราะสร้างด้วยศิลาแลง ก่อเป็นฐานสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร ตรงกลางมีหลุมสำหรับรองรับสิ่งปฏิกูล เวลาที่พระจะเข้าห้องน้ำก็ต้องขึ้นไปนั่งยองๆ บนเว็จกุฎินี้ ไม่ต้องไปทุ่งเหมือนอย่างชาวบ้านในยุคนั้น และยังมีส้วมของพระสงฆ์ที่หน้าตาคล้ายๆ กันให้ได้ชมกันอีกแห่งที่ “วัดใหญ่สุวรรณาราม” จ.เพชรบุรี เว็จกุฎี หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ถาน” ของที่นี่เหลืออยู่เพียง 2 หลัง ซึ่งได้อนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมกันเพราะว่าเป็นของที่หาได้ยากยิ่งแล้ว เว็จกุฎี ที่วัดใหญ่สุวรรณารามเป็นอาคารทรงไทยขนาดย่อม ยกพื้นสูง ข้างในเป็นไม้ตีกรอบสี่เหลี่ยมให้นั่งยองๆ พร้อมรูให้มองออกไปข้างนอก ส่วนด้านล่างมีช่องระบายลม ทำให้ช่วยลดมลภาวะของกลิ่นและความเหม็นได้ไม่น้อย ส้วม หรือห้องน้ำ นั้นถือว่าเป็นเรื่องของสุขอนามัยพื้นฐานของคนเราที่จะต้องมี ไม่ว่าส้วมจะสวยหรูสักเพียงใด สร้างมาด้วยงบประมาณเท่าไหร่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ความสะอาด และการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าใช้บริการเท่านั้นเอง
ขอบคุณข้อมูล >>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.manager.co.th/Travel/viewNews.aspx?NewsID=9560000055271
คุยเรื่องส้วม ในวันส้วมโลก 19 พฤษจิกายน......ตามดู “ส้วมน่าเที่ยว” เมื่อต้องไปถ่าย (รูป) ในส้วม
ในชีวิตของมนุษย์เรา สิ่งที่ควรดูแลเพื่อให้มีสุขภาพทั้งกายและใจที่แข็งแรงมีอยู่ง่ายๆ คือ อารมณ์ อาหาร และการออกกำลังกาย หรือ 3 อ. นั่นเอง แต่ถ้าจะพูดง่ายๆ ให้เข้าใจก็คือ การดูแลรักษาจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ การเลือกกินอาหารที่ครบ 5 หมู่ สะอาด ปลอดภัย มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญต้องมีการรักษาสุขอนามัยส่วนตัวที่ดีและการรักษาสุขอนามัยนี่เองที่เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆ อันจะเกิดขึ้นกับคนเราได้ โดยเฉพาะสุขอนามัยในการขับถ่าย ที่เกิดขึ้นได้ส่วนหนึ่งจากการดูแลตนเองให้มีการขับถ่ายเป็นเวลา อย่างสม่ำเสมอ และการดูแลห้องน้ำห้องส้วมให้มีอนามัยที่ดี ลองนึกดูว่า หากได้ใช้ห้องน้ำที่สะอาดสะอ้าน ได้เข้าไปขับถ่ายแล้วสบายตัวสบายใจ ไม่มีกลิ่นมารบกวน และยังมีความสุขเพราะปราศจากเชื้อโรคจากการใช้ห้องน้ำ จะดีแค่ไหนกับชีวิตของเรา การจัดการเกี่ยวกับส้วมในประเทศไทย ก็ยังต้องมีกฎหมายออกมารองรับ นั่นแสดงให้เห็นว่าส้วม หรือห้องน้ำนั้นมีความหมายมากเพียงใด อย่างล่าสุดก็เพิ่งมีประกาศมติ ครม. ออกมาให้ครัวเรือนไทยใช้ส้วมแบบนั่งราบ ร้อยละ 90 ภายในปี พ.ศ. 2559 (ยกเลิกการใช้ส้วมนั่งยอง) นัยว่าเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ และเพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับการบริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นอกเหนือจากการดูแล ทำความสะอาดส้วม ให้สามารถใช้งานได้แล้ว การตกแต่งภายในส้วมก็นับเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้คนเลือกเข้าไปใช้บริการส้วมที่ใดที่หนึ่ง เพราะช่วยในเรื่องความเจริญหูเจริญตา จนกระทั่งแหล่งท่องเที่ยวหลายๆ สถานที่ หันมาแข่งขันกันตกแต่งประดับประดาส้วมธรรมดา ให้กลายเป็น “ส้วมน่าเที่ยว” ที่มีผู้คนแห่แหนกันไปสำรวจตรวจตรา เข้าไปดู เข้าไปใช้ เข้าไปถ่ายรูป จนประหนึ่งว่าส้วมนั้นกลายเป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งไปแล้ว
เช่นที่ “สวนนายดำ” ที่ อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร นอกจากจะมาเดินชม ชิม และชอปผลไม้สดๆ ตามฤดูกาล หรือจะมาศึกษาพืชพรรณธรรมชาติ จอดรถแวะพัก แวะกินข้าว หรือซื้อของฝากที่นี่แล้ว ไฮไลต์สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมุ่งหน้ามาก็คือ “ส้วม” ของสวนนายดำ เพราะส้วมของที่นี่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการประกวดสุดยอดส้วมแห่งปี 2549 ระดับประเทศ เจ้าของสวนนายดำมีความตั้งใจจะปรับปรุงสุขาของที่นี่ให้เป็นสถานที่ปลดทุกข์และสร้างสุขให้แก่ผู้คนที่แวะมา มีการตกแต่งแวดล้อมด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ และน้ำตก ใช้ใบเตยแทนน้ำยาดับกลิ่น ทำให้ได้บรรยากาศแบบธรรมชาติมากขึ้น และนอกจากความสะอาด สวยงามและสอดคล้องกับวิถีไทยแล้ว ส้วมของสวนนายดำยังได้รับการประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ส้วมสาธารณะไทย โดยเป็นที่ศึกษาดูงานด้านการพัฒนาส้วมให้แก่นักเรียน นักศึกษา และหน่วยงานต่างๆ ทั่วไป โดยส้วมที่นี่มีรูปแบบต่างๆ หลากหลายจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น ส้วมตูดหมู ส้วมทาร์ซาน ส้วมเสมอภาค ส้วมอวตาร ส้วมใต้พิภพ เป็นต้น ซึ่งหน้าตาของแต่ละส้วมจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องลองไปชมกันเองที่สวนนายดำ แม้แต่ที่ร้านอาหาร “ตำนานป่า” ที่ จ.ระยอง ร้านนี้นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย บรรยากาศเป็นธรรมชาติ อุดมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์แล้ว เรื่องของส้วมก็ยังเป็นที่โจษจันกันไปทั่วว่าสวยงาม สะอาดสะอ้าน บรรยากาศดี และน่าใช้งานเป็นอย่างยิ่ง การันตีได้จากรางวัลส้วมสาธารณะดีเด่นระดับประเทศปี 2550 ประเภทร้านอาหาร แรงบันดาลใจของการพัฒนาส้วมของร้านเกิดจากการที่เจ้าของร้านไปท่องเที่ยวมาเกือบทั่วโลก ได้พบส้วมเกือบทุกรูปแบบ เลยนำมาปรับปรุงส้วมในร้านของตัวเอง ให้คนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าไปใช้ได้อย่างสะดวกสบาย มีส้วมสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และยังมีห้องเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กอีกด้วย ส่วนการออกแบบนั้นจะเน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติ ทั้งการตกแต่งและวัสดุที่ใช้ เพื่อให้ง่ายต่อการรักษาความสะอาด แม้แต่เรื่องของน้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดก็จะใช้วัสดุชีวภาพ โดยไม่มีสารเคมี
แต่สำหรับห้องน้ำห้องส้วมที่เริ่ดหรูจนเข้าไปใช้บริการแล้วไม่อยากจะออกมาเลยคงเป็นที่ “วัดบางพลีใหญ่ใน” จ.สมุทรปราการ แต่เดิมนั้นที่วัดก็มีพุทธศาสนิกชนมากมายเดินทางไปกราบสักการะหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของอำเภอบางพลี ในภายหลัง ทางวัดได้มีการทุ่มเงินหลายล้านบาทเพื่อจัดสร้างห้องน้ำขึ้นมาเพิ่มเติมเพื่อบริการญาติโยมที่มาเยี่ยมเยียนวัด โดยเนรมิตห้องน้ำสวยๆ สะอาดสะอ้าน ราวกับห้องน้ำในโรงแรมห้าดาว ลบความคิดห้องน้ำวัดแบบเก่าๆ ออกไปได้เลย ในห้องน้ำติดแอร์เย็นฉ่ำ มีการตกแต่งผนังด้วยโคมไฟและกระจกเงาเจียระไนสวยงาม ปูพื้นกระเบื้องมีลวดลาย จัดทำสวนหย่อมและน้ำพุจำลองไว้กลางโถงของห้องน้ำ สุขภัณฑ์ทุกชิ้นทันสมัย และยังมีพนักงานทำความสะอาดดูแลอยู่ตลอดเวลา แถมให้อีกแห่งกับห้องน้ำภาพลักษณ์เริ่ดหรู นั่นก็คือ ห้องน้ำที่ “วัดร่องขุ่น” จ.เชียงราย วัดนี้ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องความงดงามของศิลปะแขนงต่างๆ ในสไตล์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และเมื่อเป็นห้องน้ำของที่นี่ก็ต้องงดงามไม่แพ้สิ่งก่อสร้างอื่นๆ ภายในวัดเช่นกัน เพราะความงามวิจิตรนั้นดูภายนอกแล้วคล้ายหับหอพระ หรือพระวิหารอีกแห่งของวัดเลยทีเดียว ใครไม่รู้อาจเผลอยกมือไหว้ห้องน้ำเลยก็เป็นได้ การตกแต่งประดับประดาภายนอกนั้นเป็นลายกนกแบบของอาจารย์เฉลิมชัย ส่วนภายในก็สะอาดสะอ้านน่าใช้ด้วยเช่นกัน นอกจากส้วมที่ยังใช้ได้ในปัจจุบัน และสามารถไปเที่ยวชมได้แล้ว ก็ยังมีส้วมโบราณ ที่เป็นส้วมน่าเที่ยวไม่แพ้กัน เพราะถึงแม้จะไม่ได้สวยงามอลังการ ไม่สามารถใช้งานได้ แต่ก็มีความเป็นมาทางด้านประวัติศาสตร์มากมายให้ได้เรียนรู้
ส้วมโบราณแห่งแรกมาชมกันได้ที่ “อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร” ในพื้นที่ของวัดพระนอน โบราณสถานเก่าแก่ในอุทยานฯ ส้วมที่ว่านี้เป็นส้วมสำหรับพระสงฆ์เท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาในยุคก่อนหรือในยุคนี้ก็ต้องไม่เคยใช้ ส้วมโบราณของพระสงฆ์ จะอยู่ในเขตพุทธาวาสของวัดพระนอน โดยจะมีทั้งกุฏิ ศาลา บ่อน้ำ รวมไปถึงเว็จกุฎี หรือห้องส้วมของพระนั่นเอง เว็จกุฎีนี้แข็งแรงมากเพราะสร้างด้วยศิลาแลง ก่อเป็นฐานสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร ตรงกลางมีหลุมสำหรับรองรับสิ่งปฏิกูล เวลาที่พระจะเข้าห้องน้ำก็ต้องขึ้นไปนั่งยองๆ บนเว็จกุฎินี้ ไม่ต้องไปทุ่งเหมือนอย่างชาวบ้านในยุคนั้น และยังมีส้วมของพระสงฆ์ที่หน้าตาคล้ายๆ กันให้ได้ชมกันอีกแห่งที่ “วัดใหญ่สุวรรณาราม” จ.เพชรบุรี เว็จกุฎี หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ถาน” ของที่นี่เหลืออยู่เพียง 2 หลัง ซึ่งได้อนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมกันเพราะว่าเป็นของที่หาได้ยากยิ่งแล้ว เว็จกุฎี ที่วัดใหญ่สุวรรณารามเป็นอาคารทรงไทยขนาดย่อม ยกพื้นสูง ข้างในเป็นไม้ตีกรอบสี่เหลี่ยมให้นั่งยองๆ พร้อมรูให้มองออกไปข้างนอก ส่วนด้านล่างมีช่องระบายลม ทำให้ช่วยลดมลภาวะของกลิ่นและความเหม็นได้ไม่น้อย ส้วม หรือห้องน้ำ นั้นถือว่าเป็นเรื่องของสุขอนามัยพื้นฐานของคนเราที่จะต้องมี ไม่ว่าส้วมจะสวยหรูสักเพียงใด สร้างมาด้วยงบประมาณเท่าไหร่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ความสะอาด และการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าใช้บริการเท่านั้นเอง
ขอบคุณข้อมูล >>>[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้