"เห็บ" ภัยร้ายกว่าที่คิด กับ ไรเฟิลและวีลแชร์คู่ใจ

“ไรเฟิล” เป็นลาบราดอร์หนุ่ม ปัจจุบันอายุ 6 ขวบ เมื่อครั้งตอนอายุประมาณ 1 ขวบ ไรเฟิลป่วยเป็นพยายาธิเม็ดเลือดโดยมีพาหะมาจาก “เห็บ” ผลจากการป่วยครั้งนี้ทำให้ไรเฟิลพิการเป็นอัมพาตตั้งแต่สะโพกลงไป

เราเลี้ยงไรเฟิลแบบหมาปกติทั่วไป ไรเฟิลทำวัคซีนครบแล้วตั้งแต่ยังเด็กๆ และก็ฉีดกระตุ้นทุกๆ ปี ตามปกติ ให้กินข้าวคลุกตับต้มไก่ต้มบ้าง หรือให้อาหารเม็ดบ้าง และมีการหยดยากันเห็บเป็นประจำทุกเดือน และก็ไม่ได้ปล่อยให้มีเห็บ เพราะคลุกคลีกันทุกวัน คือแหวกหากันทุกวัน เพียงแต่ไรเฟิลอาจจะติดเห็บมาจากที่พื้นหรือหมาตัวอื่นมาบ้างเวลาปล่อยไปวิ่งเล่น เพราะเราไม่เคยรังเกียจที่จะให้หมาเราเล่นกับหมาแถวบ้าน แต่เราก็จะคอยหาและหยิบออกตลอด บ้านเราเปิดเป็นร้านเกมไม่ได้เป็นบ้านที่มีรั้วปิดมิดชิด และเป็นชุมชนที่มีพื้นที่เป็นสวนบ้าง ไรเฟิลก็ใช้ชีวิตตามปกติมาจนอายุ 1 ขวบ



จนมาวันนึงเรานั่งทำงานอยู่ แฟนโทรมาบอกว่าไรเฟิลขาหลังเดินไม่ได้ ไม่รู้เป็นอะไรตอนนี้พาไปตรวจอยู่ที่ รพส.สวนหลวง เราก็ตกใจ นึกว่าโดนรถชน หรือไม่ก็ไปซนจนโดนใครเค้าตีเอาหรือเปล่า ที่ รพส.สวนหลวง ก็เอ็กซเรย์ดูไม่พบว่ากระดูกผิดปกติใดๆ ทาง รพส.สวนหลวง จึงแนะนำให้ไปที่ รพส.เกษตร พอพาไปที่ รพส.เกษตร เค้าก็เจาะเลือดไปตรวจ และผลออกมาว่าไรเฟิลเป็นพยาธิเม็ดเลือดและเชื้อไปทำลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อตั้งแต่ช่วงสะโพกลงไป ทำให้ขาหลังเป็นอัมพาตไร้ความรู้สึก หากจะรักษาให้กลับมาเดินได้นั้นต้องฉีดสีเพื่อดูว่าระบบประสาทถูกทำลายถึงขึ้นไหน ซึ่งหมอไม่แนะนำให้รักษาเพราะไม่สามารถรับรองได้ว่าจะกลับมาเดินได้ปกติหรือไม่ เบื้องต้นไรเฟิลจึงได้รับการรักษาตามอาการ ก็คือรักษาอาการป่วยของพยายาธิเม็ดเลือดจนหาย จากนั้นหมอก็แนะนำให้ทำวีลแชร์เพื่อให้ไรเฟิลได้เดินบ้าง

ต้องบอกว่าก่อนไรเฟิลจะเดินไม่ได้นั้น ไม่มีสัญญาณใดๆ บอกกับเราเลยว่าไรเฟิลจะป่วย เพราะไรเฟิลดูปกติดีทุกอย่าง กินได้ เล่นได้ ร่าเริง ไม่ซึม จนเราไม่ทันได้สังเกตอะไรเลย



หลังจากที่ป่วยระยะแรกๆ ไรเฟิลก็ค่อนข้างจะตรอมใจ ไม่กิน จนผอมมากเหลือแต่กระดูก ใครๆ ที่เห็นก็บอกว่าไม่รอดแน่เลย (รูปไรเฟิลตอนป่วยแรกๆ แพรวไม่ค่อยได้ถ่ายไว้เลย มีถ่ายไว้บ้างในมอถือ แต่ได้หายไปพร้อมกับมือถือค่ะ) แต่หลังจากที่เราพยายามดูแลไรเฟิลให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ ไรเฟิลก็กลับมาร่าเริง กินได้ ซนเหมือนเดิมและมากกว่าเดิมด้วย

การเลี้ยงหมาพิการเป็นอัมพาตตัวนึงนั้นยอมรับว่าเป็นงานที่หนักเอาเรื่องนะคะ เพราะเค้าไม่สามารถช่วยตัวเองได้ในเรื่องของการเดิน ปล่อยให้ลากตัวมากๆ ก็ไม่ได้เป็นแผลต้องรักษากันอีก ที่สำคัญเรื่องการขับถ่าย ต้องคอยกดฉี่-อึ เป็นเวลา เป็นประจำทุกวัน (เรื่องการขับถ่ายเป็นสิ่งที่เราคิดว่าสำคัญมาก สำหรับหมาพิการที่ขับถ่ายเองไม่ได้) และต้องคอยดูแลเรื่องความสะอาดให้ดี แรกๆ แค่จะพาไรเฟิลใส่ล้อเดินเล่นยังเหนื่อยมากๆ เพราะยังไม่รู้ท่าทางที่จะยกเค้าขึ้นรถวีลแชร์ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการเรียนรู้และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ปรับตัวทั้งเรา ทั้งไรเฟิล คอยบอกเค้าอยู่เสมอว่าเราจะสู้ไปพร้อมๆ กัน

ตั้งแต่ไรเฟิลพิการเราร้องไห้แค่ครั้งเดียวคือวันแรกที่ไรเฟิลเดินไม่ได้ จากนั้นไม่เคยร้องอีกเลย ยอมรับว่าเหนื่อยมากแต่ไม่เคยท้อ และก็คิดเสมอว่าไม่มีอะไรยากเกินความสามารถ ถ้าเราทำสิ่งนั้นด้วยใจ ด้วยความรัก



“เห็บ” เพียงตัวเดียวที่มีเชื้อก็สามารถทำให้หมาของเราพิการได้ เลยอยากให้ระวังกันนะคะ “เห็บ” ตัวเล็กนิดเดียว แต่ภัยของมันร้ายกาจที่สุดเลย
ที่เล่าให้ฟังเพราะไม่อยากให้หมาของใครต้องพิการเพราะ “เห็บ” อีก
ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่เลี้ยงหมาพิการอยู่ด้วยนะคะ รู้นะคะว่าเหนื่อย แต่อย่าท้อนะคะ สู้ต่อไปค่ะ              




เข้ามาให้กำลังใจเฟิลได้นะคร๊าบบบ >>> https://www.facebook.com/riflelabrador
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่