ใครเคยดู Spirited Away บ้างงงง ขอความเห็นหน่อยจ้าาาา

พอดีเรากำลังทำ final project ศึกษาเกี่ยวกับหนังเรื่อง Spirited Away อย่าเพิ่งปิดกระทู้หนีเราน้า ช่วยเก๊าหน่อย) ประจวบกับเราเพิ่งมีโอกาสได้ดู Spirited Away (ช้าไปแปดล้านปี) อาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นเปิดให้ดูในคลาสเรียน ตอนแรกเราก็นึกโอ่ยการ์ตูนคงจะน่าเบื่อ เพราะเราไม่ชอบดูการ์ตูนเท่าไร จะดูแต่เรื่องที่ชอบจริงๆ ส่วนใหญ่ชอบซีรี่ย์ฝรั่ง แต่พอได้มาดูเรื่องนี้จากตอนแรกก็รู้สึกเฉยๆ แต่พอเริ่มดูเรื่องยิ่งดำเนินไปมากเท่าไรยิ่งสนุก ยิ่งน่าติดตาม จนหมดคาบเรียน หนังเพิ่งเล่นไปได้แค่ 1 ใน 4 ของเรื่อง พอกลับบ้านจึงรีบเสิร์ชเน็ตหาดูต่อทันที ดูจนจบก็อึ้งเลยจ้าาาพร้อมน้ำตาซึมอีก 555 มันเป็นการ์ตูนที่ให้อะไรมากกว่าคำว่าการ์คูนจริงๆ ทุกตัวละคร ทุกรายละเอียดในหนังมีความหมายแฝงได้อย่างน่าทึ่งและแยบยล เห็นเค้าบอกกันว่าหนังเรื่องนี้มีอะไรที่มากกว่าความสนุก เล่นประเด็นต่างๆเยอะมาก เยอะเสียจนดูครั้งเดียวอาจเก็บไม่หมดทุกเม็ด เหมือนเป็นการ์ตูนเด็กๆ แต่ที่จริงๆผู้ใหญ่ก็ดูได้ จนเราต้องมาเสิร์ชหาคำตอบถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ในการ์ตูนเรื่องนี้ และก็ได้กระจ่าง หาใครที่เคยดูหนังเรื่องนี้แล้วคงจะทราบกันดีถึงความยอดเยี่ยมของมัน มีรางวัลมาการันตีมากมาย

เราประทับใจในหนังเรื่องนี้จึงอยากนำมาศึกษาวิเคราะห์ถึงประเด็นที่แอบแฝงอยู่ในหนัง ที่เล่นประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้นจริงในสังคมเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อัตลักษณ์ (ความมีตัวตน) เรื่องการเลี้ยงเด็ก เรื่องบริโภคนิยมและทุนนิยม และเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ จึงอยากจะถามคำถามเพื่อนำไปทำ Final Project ต่อหนังเรื่องนี้ดังนี้ (ช่วยเก๊าหน่อยยยยน้าาาาา)

1. Spirited Away คือภาพสะท้อนตัวตนของคนในโลกสมัยใหม่ คุณคิดอย่างไร?
2. คุณคิดว่าภาพยนตร์การ์ตูน Spirited Away ให้อะไรได้มากกว่าการดูการ์ตูนเพื่อความสนุกหรือไม่ อย่างไร?
3. คุณคิดว่าการ์ตูนสามารถเข้าถึงผู้ชมได้ทุกวัยหรือไม่? อย่างไร?
4. คุณคิดว่า "การ์ตูน" สามารถเป็นเครื่องมือในการสอนคน มีส่วนช่วยในการอบรมบ่มเพาะและสามารถกระตุ้นเตือนคนได้จริงหรือไม่ อย่างไร?
  
ขอบคุณผู้ที่เข้ามาตอบจากใจ คำตอบของทุกคนจะเป็นประโยชน์ต่อเราในการศึกษาหนังเรื่อง Spirited Away อย่างมาก ขอบคุณมากๆค่ะ <3

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13


เท่าที่ดู เรื่องสปิริตอเวย์นี่เล่นประเด็นต่าง ๆ เยอะมาก เยอะเสียจนดูครั้ง
เดียวอาจจะเห็นไม่หมด เพราะซ่อนอยู่ตรงโน้นตรงนี้ ทำเหมือนเป็นการ์ตูน
เด็ก แต่จริง ๆ ดูอีกระดับหนึ่งก็ได้ ประเด็นที่เห็นชัดตั้งแต่ดูครั้งแรก  
คือเรื่องอัตลักษณ์ ( ความเป็นตัวตน ) เรื่องการเลี้ยงเด็ก
กับระบบทุนนิยมบริโภคนิยม และเรื่องธรรมชาติ ประเด็นพวกนี้สานกันเอง
จนแยกแทบไม่ออก เพราะอย่างนั้นจะเริ่มตรงอัตลักษณ์ก่อน

เรื่องแรกคืออัตลักษณ์ อัตลักษณ์คือความรู้สึกว่าตัวเราเป็นตัวเรา และมีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ อัตลักษณ์ในเรื่องนี้เห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่
ตอนแรก ๆ "จิฮิโระ" ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "เซน" เด็กเข้าสู่สังคม และสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองเมื่ออายุถึงระดับหนึ่งเราจะไม่สามารถอยู่โดยพึ่งพิงพ่อแม่ต่อไปได้อีก ต้อง
เข้าสังคม เมื่ออยู่ในสังคม เราจะต้องต่อสู้เพื่อให้เป็นตัวเราเอง แต่ว่า
บางครั้ง อย่างเวลาอยู่ในโรงเรียนหรือในที่ทำงาน เราจะถูกครอบงำโดยสิ่ง
อื่นซึ่งสังคมหยิบยื่นมาให้ ฐานะของเขาจะถูกกำหนด เช่น "เป็นลูกจ้างของ
บริษัทนี้" ก็เหมือนมีคนอื่นหยิบยื่นชื่อใหม่ให้เรา เวลาอยู่ในสังคมจริง ๆ
ไม่มีใครเขาสนใจหรอกว่าเราชื่ออะไร เขาสนใจแต่ว่าเราจะให้ผลประโยชน์กับ
เขาได้แค่ไหน และถ้าหากยังอยากจะเป็นตัวเราอยู่ เราก็ต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง

จิฮิโระถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเซน แต่เซนยังจำชื่อเก่าของตนเองได้ นอกจากนั้น
เด็กผู้ชายฮาคุที่เจอกันตอนแรกและช่วยเซนไว้อีกหลายครั้งก็บอกเธอว่า "อย่า
ลืมชื่อเดิม" เพราะถ้าลืมชื่อเดิมเหมือนตัวฮาคุเอง จะถูกป้ายูบะบะเจ้าของโรง
อาบน้ำควบคุม ถ้าเราลืมตัวตนของเราเอง ปล่อยไปตามกระแสสังคม เรา
ก็จะเป็นคนว่างเปล่า



เรื่องอัตลักษณ์นี้ยังแสดงอยู่ในตัวละครอีกตัวหนึ่งคือ "ปีศาจไร้หน้า" ปีศาจ
ไร้หน้าเป็นตัวละครที่พิลึกที่สุดในเรื่องสปิริตอเวย์ โผล่มาแบบลอย ๆ เป็น
เงาใส่หน้ากาก ปีศาจไร้หน้าชอบจิฮิโระ เลยตามมาเรื่อย ๆ วันหนึ่งจิฮิโระ
เปิดประตูข้างโรงอาบน้ำทิ้งไว้ ปีศาจไร้หน้าเลยเข้ามาข้างในได้

ปีศาจไร้หน้าก็คือความรู้สึกอย่างหนึ่งในสังคมญี่
ปุ่นปัจจุบัน เป็นความรู้สึกของคนจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่มีหน้าเพราะไม่รู้
ว่าเป็นของใคร ความรู้สึกนั้นคือความเหงาความว่างเปล่า เพราะมีชีวิตอยู่ใน
ระบบทุนนิยมซึ่งสุขสบาย แต่ก็สูญเสียตัวตนไปกับสังคม ตอนหลังจิฮิโระ
ถามปีศาจไร้หน้าว่า "เธอชื่ออะไร" "เธอมาจากไหน" "พ่อแม่ของเธอเป็นใคร"
ปีศาจไร้หน้าก็ตอบไม่ได้ เหมือนคนที่อยู่สังคมก็คิดว่าควรจะ "ตาม ๆ กันไป"
และ "เหมือนกันไปหมด" จนแยกหน้าตาไม่ออกว่าตนเองเป็นใครกันแน่ มีเงิน
ตั้งมากมายแต่กลับไม่แน่ใจว่าตนเองเป็นใคร



ในสังคมทุนนิยมซึ่งทุกคนมีสิทธิ์จะจับจ่ายความสุขมาเป็นของตนเองได้ มี
คนไม่น้อยใช้ "ทอง" ซื้อหาหนทางเติมเต็มความว่างเปล่าทางวิญญาณ แต่อัน
ที่จริง หากวิญญาณว่างเปล่า หากไม่มีตัวตนและไหลเรื่อยไปตามกระแสสัง
คม ถึงกินเข้าไปมากมายเท่าไรก็ยังหิว ซ้ำร้ายยังจะถูกอิทธิพลที่ตนไปเลียน
อย่างครอบงำ ปราศจากความเป็นตัวของตัวเองมากกว่าเดิม

หนังเรื่องนี้ชี้ทางใหม่ให้กับเด็กที่ต้องพ้นครอบครัวไปอยู่ในสังคมจริง บอก
ว่าถึงแม้แรก ๆ ของรอบตัวจะดูน่ากลัวเหมือนผีเหมือนปีศาจ ไม่คุ้นเคยและ
แปลกหน้า เหมือนจิฮิโระที่ตกไปอยู่ในโลภของภูตผี แต่เมื่อจิฮิโระอยู่นานไป
เธอก็พบว่าผีปีศาจทั้งหลายที่จริงแล้วส่วนใหญ่เป็นคนใจดี ถึงแม้ว่าต้องอยู่
ในสังคมด้วยลำแข้งของตนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่ด้วยความกลัว
และถ้าหากจำ "ชื่อ" ของตัวเองได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเสียตัวตนไป ใน
ที่สุดทั้งจิฮิโระและทารกก็เติบโตขึ้น ทารกสามารถเดินได้ด้วยตนเอง หากทั้ง
สองไม่พยายาม เอาแต่หนีความจริง คงไม่มีทางเป็นเช่นนั้นได้

ประเด็นธรรมชาติ

มีอยู่วันหนึ่ง เป็นวันฝนตก มีตัวอะไรเป็นเมือก ๆ โคลน ๆ น่าขยะแขยง
และส่งกลิ่นเหม็นกระดื้บมาถึงโรงอาบน้ำ จิฮิโระโดนสั่งให้ดูแลแขกคนนี้
หลังจากที่พยายามต่าง ๆ มากมาย เธอก็พบว่ามีอะไรบางอย่างเหมือน
"หนาม" ติดอยู่ที่ตัวคุณโคลน เธอพยายามดึงแต่ดึงไม่ออก ดังนั้นป้ายู
บะบะจึงให้เอาเชือกพัน แล้วไปเรียกคนเกือบทั้งโรงอาบน้ำมาช่วยกันดึง
มาช่วยกันเชียร์
เรื่องมันจะไม่มีอะไรเลย ถ้า "หนาม" ที่ออกมานั้นไม่ใช่จักรยานทั้งคัน พ่วง
ด้วย "ขยะ" ประดามีทั้งหลายจำนวนมหาศาล เท่าที่เห็นผ่าน ๆ ดูเหมือนจะ
มีจำพวกหม้อหุงข้าวไปจนถึงกระดาษและเศษโน่นเศษนี่ หลังจากนั้นแขก
ขี้โคลนที่มาอาบน้ำก็กลายเป็นมังกรที่มีหน้าเป็นผู้ชายแก่บินขึ้นไปบนฟ้าป้า
ยูบะบะบอกว่านั่นคือเทพแห่งแม่น้ำ



ถึงจะไม่มีใครบอกอะไรเลย แต่เราก็รู้ใช่ไหมว่าขยะที่ติดอยู่บนตัวเทพแม่น้ำ
นั้นใครเป็นคนทิ้ง ที่จริงแล้ว ความจริงก็ไม่ได้แตกต่างไปจากสิ่งที่เห็นใน
การ์ตูนเลยแม้แต่น้อย แม่น้ำถูกทำให้สกปรก และเมื่อเหม็นมีแต่ขี้โคลนมาก
นัก ก็สำแดงความน่ารังเกียจนั้นออกมาให้ปรากฏ โดยเฉพาะในวันที่ฝนตก
วันที่น้ำล้นฝั่ง แม่น้ำที่ "สกปรก"นั้นมีอำนาจมากขนาดที่ไม่มีใครสามารถต่อต้านได้
ถึงจะดึงจะดันยังไง แกก็ยังมาถึงโรงอาบน้ำ และยืนยันว่าจะอาบน้ำให้ได้อยู่ดี

เรื่องนี้มี "เทพแห่งแม่น้ำ" สองคน คนหนึ่งคือเทพที่สกปรกจนต้องอาบน้ำ
อีกคนคือฮาคุ ฮาคุเป็นมังกร เป็นเทพของแม่น้ำ "โคะฮาคุ" ซึ่งในเวลาปัจ
จุบันถูก "สร้างอาคารทับไปแล้ว" มีอยู่ตอนหนึ่งในเรื่อง จิฮิโระนึกขึ้นได้
ว่าตนเคยลงไปในแม่น้ำสายนั้นเพื่อคว้ารองเท้าที่ตกลงไป และจมน้ำ ฮาคุ
เป็นคนช่วยเธอไว้ เหมือนกับที่ช่วยที่โรงอาบน้ำ และช่วยในเรื่องต่าง ๆ เสมอมา

ทีนี้ธรรมชาติมันไม่เหมือนมนุษย์เพราะบางทีเราจะไม่สามารถรับรู้ "จิตใจ"
ของธรรมชาติได้ ดังนั้นมนุษย์จึงถือสิทธิ์ในการ "กด" ธรรมชาติไว้ตลอด
เพราะนึกว่ามันไม่ร้องไม่เรียกอะไรก็จะทำนี่ละ คิดจะตัดป่าก็ตัด ๆ ไปโดย
ไม่คำนึงถึงอะไร ธรรมชาติถูกมนุษย์ใช้มานานแล้ว และเป็นเครื่องมือของ
เราเสียก่อนที่เราจะหันมาใช้มนุษย์ด้วยกันในฐานะทรัพยากรเสียอีก ดังนั้น
ฮาคุจึงถูกกดไว้มากกว่าจิฮิโระ ตกเป็นเครื่องมือของป้ายูบะบะแทบเต็มตัว



ฮาคุนั้นเป็นธรรมชาติที่ถูกบิดเบือนไปแล้ว และถูกนำกลับมาใช้เป็นอาวุธเพื่อ
ทำร้ายธรรมชาติ ( ป้าซานิบะ ) อีกทอดหนึ่ง แต่ในที่สุดแล้ว หนังก็ยังบอก
เราว่าไม่มีอะไรสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ อีกอย่างหนึ่ง ในที่สุดแล้ว คน
ที่ทำร้ายฮาคุจริง ๆ ก็ไม่ใช่ป้าซานิบะ แต่เป็นป้ายูบะบะที่เอาอะไรประหลาด ๆ
ไปใส่ไว้ในท้องฮาคุจิฮิโระตัดสินใจจะช่วยฮาคุด้วยการไป "ขอโทษ" ป้าซานิบะ
เอาตราประทับไปคืน

แต่คิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากของหนัง ถ้าตีออกมาเป็นระบบสัญลักษณ์
แล้ว เราจะได้ว่า "มนุษย์" ได้ตัดสินใจเอา "ตัวตน" ( ตราประทับในสังคม
ญี่ปุ่นใช้แทนลายเซ็นต์ ) ไปคืนให้กับ "ธรรมชาติ" เพื่อเยียวยา "ธรรมชาติ
ที่ถูกทำลาย"นี่เองที่ทำให้ลุงคามาจิบอกว่าสิ่งที่สัมพันธ์ระหว่างจิฮิโระกับฮาคุคือ
"ความรักที่ลึกซึ้ง"



ฮาคุเป็นผู้พาจิฮิโระกลับ และในที่นี้ เราจะเห็นความสัมพันธ์อีกอย่างหนึ่งที่
ไม่ใช่ความสัมพันธ์ไม่มีใครเป็นผู้สอนแต่ฝ่ายเดียว
ไม่มีใครเป็นผู้รุกรานและเป็นผู้ถูกกระทำ ทว่าทั้งฮาคุและจิฮิโระ
ต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฮาคุปกป้องจิฮิโระและจิฮิโระปกป้องฮาคุ แก้
ปัญหาและรักอีกฝ่าย ความปรารถนานี้สะท้อนให้เห็นความปรารถนาของผู้
สร้างที่อยากเห็นมนุษย์เดินเคียงคู่ไปกับธรรมชาติในฐานะ "เพื่อน" และปรารถนา
จะให้ทั้งสองฝ่ายมีความรักที่ใหญ่หลวงต่อกัน จิฮิโระกับฮาคุจับมือกันแล้ว
ก็บินไปในท้องฟ้า ปลดปล่อยตนเองจากพันธนาการทั้งปวง ทั้งจากความ
จอมปลอม จากชื่อที่ถูกหลงลืมและความทรงจำที่หายไป



เมื่อป้ายูบะบะให้จิฮิโระเลือกว่าหมูตัวไหนเป็นพ่อแม่ จิฮิโระจึงบอกว่า "ไม่มีเลย"
นี่เป็นเครื่องหมายว่าจิฮิโระได้เติบโตขึ้นแล้ว
ถ้าหากก่อนนี้ จิฮิโระตกอยู่ในสภาพเหมือนวัยรุ่นญี่ปุ่นทั่วไป คือเห็นว่าพ่อ
แม่เป็นหมู อยู่แต่ในสังคมทุนนิยมตะกรุมตะกราม เวลานี้จิฮิโระก็ได้ข้าม
พ้นสิ่งนั้น และเกิด "ความเข้าใจ" ขึ้นแล้ว เหตุที่ข้ามพ้นได้ก็เพราะจิฮิโระได
้เข้ามาอยู่ในสังคมที่พ่อแม่อยู่ เข้าใจความจริงว่าเราไม่สามารถธำรงตัวตน
อยู่ได้เสมอไปในสังคมเช่นนี้ จิฮิโระเข้าใจว่าเหตุใดพ่อแม่จึงเป็นเช่นนั้น
เมื่อสามารถเข้าใจและให้อภัยได้ เราก็ไม่มีวันมองคนอื่นเป็นอะไรด้านเดียว
ได้อีก เราจะเห็นตัวตนของเขา ทั้งในด้านที่ดีงามและด้านที่น่าสงสาร ด้วย
เหตุนี้ พ่อแม่จึงเป็นพ่อแม่ และไม่ได้เป็นอะไรอื่นนอกจากสิ่งที่พ่อแม่เป็น

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่