ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? ---
http://ppantip.com/topic/32725920
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 2) ---
http://ppantip.com/topic/32740476
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 3) ---
http://ppantip.com/topic/32753406
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 4) ---
http://ppantip.com/topic/32762364
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 5) ---
http://ppantip.com/topic/32790614
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 6) ---
http://ppantip.com/topic/32840508
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 8) ---
http://ppantip.com/topic/32888779
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 9) ---
http://ppantip.com/topic/32913989
วันที่ 10 (10-05-14) จางมู่ - กาฎมัณฑุ (เนปาล)
--- เช้าวันนี้พวกเราตื่นกันแต่เช้าแต่ไม่เช้ามาก ทานอาหารเช้าที่โรงแรม และไกด์นัดพวกเราตอน 8.30 น. เพื่อเดินทางไปด่านทำเรื่องข้ามไปเนปาลค่ะ (ด่านเปิด 9.30 น. อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก แต่ที่เค้าเผื่อเวลาคงกลัวรถติดมั้ง) >> เค้าว่าคนเยอะมากๆ แล้วด่านก็ตรวจเข้มมาก ต้องเปิดกระเป๋าให้ค้นด้วย....แม่เจ้า!! คือยัดของแบบเต็มมาก เต็มจนจะล้น กระเป๋าแทบปิดไม่ได้....ตายแน่ๆงานนี้
เปิดตัวไกด์สาวชาวฑิเบต นางทั้งอึด ทั้งทนมาก นับถือนางจิงๆ บอขคุณนางด้วยที่ดูแลพวกเราตลอด 7 วันเต็มๆ
ขอบคุณนะค่ะ "มิหม่า"
--- พวกเราไปถึงด่านกันก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ ต้องยืนรอด้านนอกเพราะประตูยังไม่เปิด หนาวก็หนาว ลมก็แรง งือออออออ.....((คือไม่ได้เตรียมมาไงว่าจะหนาว เพราะรู้ว่าไปเนปาลร้อนแน่ๆ)) ก็ยืนทนกันไป....ตอนไปถึงคนยังไม่มากค่ะ แถวยังไม่ยาว แต่รอไปไม่นานคนมาจากไหนไม่รู้ แถวยาวเชียว รอกันซัก 30 นาทีตามคาดด่านก็เปิดให้พวกเราเข้าไป ((ด้านในอุ่นเชียว))
วิวบริเวณด่านชายแดนเมืองจางมู่ไปเนปาล
--- พวกเราช่วยกันสังเกตุว่าเค้าจะเปิดกระเป๋าพวกเราค้นดิบรึป่าว เท่าที่ดูก็ไม่ได้เปิดกระเป๋าคนนะ ทุกคนก็ผ่านเครื่องสแกน ((คือมีเครื่องสแกนแล้วก็ไม่น่าเปิดค้นดิบนะ...พวกเราคิด)) >> ตรงนี้ไกด์มีเตือนพวกเราว่าที่เค้าต้องเปิดกระเป๋าค้นเพราะว่ามีของบางอย่างต้องห้ามไม่ให้เอาออกนอกฑิเบต ขอที่เราอึ้งและคาดไม่ถึงว่าเป็นของต้องห้าม คือ หนังสือ Lonely Planet สาเหตุที่ไม่ให้เอาหนังสือเล่มนี้ออกนอกฑิเบตเพราะว่าในนั้นมีรูปดาไลลาม่ะ ((องค์ที่ 5 มั้งค่ะ....ลองไปหาอ่านประวัติท่านนี้ดูนะค่ะ จะทราบว่าทำไมเค้าถึงห้าม)) เค้ากลัวว่าคนจะเอาไปเผยแพร่อะไรทำนองนั้น....แต่ในพวกเราไม่มีกันก็เลยคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร น่าจะผ่านด่านสบายๆ แต่เบียร์ที่เราขนมาเค้าจะโอเคมั้ยอ่า....((เป็นกังวนกันไป)) แต่สุดท้ายก็ผ่านไปแบบไม่มีปัญหาค่ะ
--- ไกด์สาวส่งพวกเราและลากันตรงนี้ ((แอบเศร้าเล็กน้อย ก็อยู่ด้วยกันมาตั้ง 7 วัน 7 คืนเนอะ)) ต่อจากนี้เราต้องเผชิญโลกกว้างกันเองแล้ววววว หลังจากผ่านด่านออกมาก็มีพวกรถรับจ้างมาเรียกพวกเราให้ไปรถพวกเค้า แต่ว่าพวกเราได้จ้างรถของทางที่พักไว้แล้วให้มารับพวกเราประมาณ 9.30-10.00 น. (เวลาจีน) ที่เนปาลช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมงค่ะ ฑิเบตเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงค่ะ...งงเวลาเลยทีนี้
--- หลังจากผ่านด่านตรงนี้มาได้พวกเราต้องเดินข้ามสะพานข้ามแดนไป ตรงนี้มีคนจากฝั่งเนปาลจำนวนมากทยอยข้ามสะพานและกำลังถูกตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ามายังฑิเบต พอข้ามสะพานไปได้ (อย่างทุลักทุเล ทางไม่ค่อยดีด้วย ก็ลากกระเป๋ากันไป ฮึ้ยยยยย) จากนี้พวกเราต้องไปทำวีซ่าค่ะ สถานที่ทำวีซ่าเป็นห้องเล็กๆ ในนั้นมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างวุ่นวายค่ะ ค่าวีซ่า 25 USD ค่ะ พวกเราไปถึงเร็วเลยต่อแถวกันไม่นานเท่าไหร่ การทำวีซ่าผ่านไปด้วยดี ไม่ถึง 20 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย
--- จากนั้นพวกเราเดินออกมาเพื่อจะไปขึ้นรถที่พวกเราจ้างไว้ ((หวังว่าเค้าจะมารอพวกเราแล้วนะ)) เดินไปแบบไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ละคนกระเป๋าใหญ่ๆกันทั้งนั้น ถุงเสบียงใบใหญ่อีกที่ยังรับผิดชอบกันไม่หมด ทุลักทุเลมากๆๆๆ ....
--- แต่ยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ เดินไปถึงทางก่อนที่จะไปถึงท่ารถเจอด่านตรวจอีกค่าาาาา..... ตรงนี้แหละที่ไกด้บอกไว้ว่าเค้าจะค้นดิบค่ะ ต้องเปิดกระเป๋าให้เค้าควักๆล้วงๆทีละคน แล้วยังไงอ่ะ เจ้าหน้าที่ผู้ชายหมดเลย บางคนใส่เครื่องแบบ บางคนแต่งตัวธรรมดา คือเชื่อถือไม่ได้เลยซักคน ((พวกเค้าค้นแบบอยากรู้อยากเห็นว่าในกระเป๋าพวกเรามีอะไรบ้าง ค้นแบบไม่ค่อยมีมารยาทอ่ะค่ะ สงสัยเพราะเห็นเป็นคนต่างชาติมั้งค่ะ)) เฮ้อ.....เหนื่อยมากตรงนี้ หงุดหงิดมากด้วย....
--- เสร็จจากการตรวจค้นก็ต้องเดินต่อไปค่ะ ตรงนี้เป็นทางลงเขาค่ะ ทางค่อนข้างแย่ ทางไม่เรียบ การลากกระเป๋าเป็นไปด้วยความยากลำบากมากจริงๆ แต่ก็ต้องลากกันไป!! พวกไปถึงทางที่พอจะหยุดพักได้พวกเราก็หาทางติดต่อกับรถที่จะมารับ มองหาโทรศัพท์กัน ที่เปิดโรมมี่งมาใช้ไม่ได้ค่ะ เพราะที่นี่ไม่มีสัญญาณโรมมี่ค่าโทรศัพท์ที่พวกเราเปิดมาเลย....ทำไงหล่ะทีนี้...??? มองไปรอบๆเจอชายหนุ่มรูปร่างสูง หุ่นดี หน้าตาก็แอบดีด้วย ^___^ เค้ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เพื่อนเราเห็นดังนั้นเลยสวมวิญญาณ "ใจกล้า หน้าด้าน....ด้านได้อายอด" จัดการเจรจากับชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้น....ขอยืมโทรศัพท์โทรหาคนขับรถ 555 เค้าก็ให้ยืมนะเออ ((เค้าคงคิด "กล้าขอก็กล้าให้")) เพื่อนเราเลยรีบจัดแจงโทรศัพท์หาคนขับรถตามเบอร์ที่ทางโรงแรมให้มาแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง เลยขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นให้ช่วยคุยให้หน่อย คุยเสร็จได้ความว่า "คนขับรถจะมาถึงนอีก 2 ชั่วโมง!!!!" ตายห่า....เวลาที่เหลือทำไรหล่ะ มองไปรอบๆคือไม่มีอะไรให้ทำเลย ร้านอาหารก็ไม่กล้าเข้าไปกินไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ทางเดินก็ลำบาก กระเป๋า สัมภาระอีก โอ้ยยยย.....นั่งมันตรงนั้นแหละ ข้างๆร้านชายหนุ่มหน้าตาดี รู้สึกจะสะดวกและปลอดภัยสุดละ นั่งรอกันไป บ่นกันไป เม้าส์กันไป กินกันไป
ร้านข้างๆฝั่งซ้ายเป็นร้านของชายหนุ่มหน้าตาดีที่ช่วยเหลือพวกเรา
ระหว่างรอ รอ รอ รวมเวลารอแล้ว 2 ชั่วโมงเต็มๆ
--- พอครบ 2 ชั่วโมง รถตู้คันโตก็วนเข้ามาตรงที่เรานั่งรอกัน >> คิดในใจรู้ได้ไงว่ะพวกเรานั่งอยู่ตรงนี้?? (สงสัยชายหนุ่มหน้าตาดีบอกพิกัดไว้มั้ง)
ลูกชายคนขับรถชาวเนปาล ซนมากกกก
--- พอรถจอดปุ๊บพวกเราก็จัดแจงช่วยกันขนสัมภาระขึ้นรถแล้วจับจองที่นั่งกัน ยังเฮาฮาสนุกสนานโดยที่ยังไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้าวาจะเป็นยังไง แล้วจะเจออะไรกันบ้าง!!...หึหึ >> พอรถออกเท่านั้นแหละ ตัวใครตัวมันเลยจ้า หาที่จับแทบไม่ทัน แทบจะคว้า Safety Belt มาคาดกันเลยทีเดียว.... เราเลยรีบถามคนขับทันทีโดยไม่ลังเลว่า....
เรา: จากที่นี่ถึงโรงแรมใช้เวลานานเท่าไหร่??
คนขับรถ: 4 ชั่วโมง
เรา: แม่เจ้า!!!!!!! >> หันไปขอยาแก้เมาจากเพื่อนทันที....
ต่อไปนี้คือเส้นทางไปกาฎมัณฑุ หฤหรรษมากกกกกกกกกก
มีสวนสนุกในหุบเขาด้วย!!! ไม่ธรรมดาจิงๆ....ว่าแต่....มาได้ไง???
พื้นที่เขียวๆยังพอมีให้เห็นเหมือนกันนะ
--- กินยาแก้เมายังลำบากเลยค่ะ รถเด้งไปเด้งมา น้ำหกเต็มคอเสื้อ เลอะเทอะไปหมด คือแบบ....เด้งมากอ่าาาาา พอกินยาเสร็จก็ใช่ว่าจะหลับได้ในทันที ใช้เวลาอีกนานมากๆๆๆๆๆกว่าจะข่มตาหลับได้ แต่ก็ใช่ว่าจะหลับได้สนิทนะค่ะ >> อย่าเรียกว่าหลับเลยดีกว่า แค่ปิดตาพักสายตาก็พอ....คือไม่ไหวจริงๆ ทางโหดมาก ทั้งขรุขระ ไม่เรียบ เป็นลูกลัง มีแต่ฝุ่น แล้วทางก็แคบเป็นไหล่เขา รถแทบจะสวนกันไม่ได้เลยค่ะ....ฮื้ยยยยยย โหดเกิ๊น!!!
--- ระยะเวลา 4 ชั่วโมง พวกเราก็มาถึงที่พักค่ะ เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเม้นเล็ก มี 6 ชั้น ชั้นดาดฟ้าเป็นห้องอาหารสำหรับทานอาหารเช้าค่ะ ทางที่พักได้จัดห้องพักให้เรา 3 ห้อง แต่อยู่กันคนละชั้นเลยอ่า....แย่จัง
Service apartment : Namaste Nepal
--- เก็บสัมภาระเข้าห้องแล้วแยกย้ายกันพักผ่อนประมาณครึ่งชั่วโมง หวังจะเปิดแอร์เย็นๆนอนงีบซักหน่อย แต่ไม่เป็นดังหวังค่ะ "ไม่มีไฟค่ะ" "ไม่มีไฟค่ะ" งงมาก....ไม่รีรอเดินลงไปถามที่เค้าเตอร์ทันทีว่า (ตั้งแต่ที่เนปาลพวกเราจะใช้ภาษาอังกฤษหมดค่ะ)....
เรา: ทำไมแอร์เปิดไม่ได้ค่ะ?
พนักงาน: อ๋อ...แอร์จะเปิดได้ตอนเย็นครับ หลังจากที่พวกคุณไปเที่ยวกลับมาแอร์ก็จะเปิดได้ครับ
เรา: ห๊ะ....(แบบเสียมารยาทมาก)
พนักงาน: ครับ...ไฟฟ้าจะใช้ได้ตอน 2 ทุ่มครับ
เรา: ห๊ะ (อีก) แล้วใช้ได้ถึงกี่โมงค่ะ?
พนักงาน: ตี 3
เรา: ห๊ะ!! (บ่นในใจแบบทำไรไม่ได้เลยจริงๆ) แล้วก็เดินกลับห้องไปแบบเซ็งๆ
--- ถึงเวลานัดพวกเราก็ลงมาเจอกันเพื่อจะออกไปหาอะไรกิน เพราะตั้งแต่เช้าได้กินแค่อาหารเช้าที่โรงแรมจางมู่ ((แอบหิวเบาๆ))
***เดี๋ยวมาต่อมื้อแรกที่เนปาลพวกเราจะกินอะไรกัน และผู้ชนะจากการแข่งขันเมื่อคืนจะได้กินอะไรฟรีเป็นของรางวัล!!!
[CR] ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 7)
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 2) --- http://ppantip.com/topic/32740476
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 3) --- http://ppantip.com/topic/32753406
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 4) --- http://ppantip.com/topic/32762364
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 5) --- http://ppantip.com/topic/32790614
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 6) --- http://ppantip.com/topic/32840508
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 8) --- http://ppantip.com/topic/32888779
ไปเที่ยว "หลังคาโลก" กันมั้ย?? (ตอนที่ 9) --- http://ppantip.com/topic/32913989
--- เช้าวันนี้พวกเราตื่นกันแต่เช้าแต่ไม่เช้ามาก ทานอาหารเช้าที่โรงแรม และไกด์นัดพวกเราตอน 8.30 น. เพื่อเดินทางไปด่านทำเรื่องข้ามไปเนปาลค่ะ (ด่านเปิด 9.30 น. อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก แต่ที่เค้าเผื่อเวลาคงกลัวรถติดมั้ง) >> เค้าว่าคนเยอะมากๆ แล้วด่านก็ตรวจเข้มมาก ต้องเปิดกระเป๋าให้ค้นด้วย....แม่เจ้า!! คือยัดของแบบเต็มมาก เต็มจนจะล้น กระเป๋าแทบปิดไม่ได้....ตายแน่ๆงานนี้
เปิดตัวไกด์สาวชาวฑิเบต นางทั้งอึด ทั้งทนมาก นับถือนางจิงๆ บอขคุณนางด้วยที่ดูแลพวกเราตลอด 7 วันเต็มๆ
ขอบคุณนะค่ะ "มิหม่า"
--- พวกเราไปถึงด่านกันก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ ต้องยืนรอด้านนอกเพราะประตูยังไม่เปิด หนาวก็หนาว ลมก็แรง งือออออออ.....((คือไม่ได้เตรียมมาไงว่าจะหนาว เพราะรู้ว่าไปเนปาลร้อนแน่ๆ)) ก็ยืนทนกันไป....ตอนไปถึงคนยังไม่มากค่ะ แถวยังไม่ยาว แต่รอไปไม่นานคนมาจากไหนไม่รู้ แถวยาวเชียว รอกันซัก 30 นาทีตามคาดด่านก็เปิดให้พวกเราเข้าไป ((ด้านในอุ่นเชียว))
วิวบริเวณด่านชายแดนเมืองจางมู่ไปเนปาล
--- พวกเราช่วยกันสังเกตุว่าเค้าจะเปิดกระเป๋าพวกเราค้นดิบรึป่าว เท่าที่ดูก็ไม่ได้เปิดกระเป๋าคนนะ ทุกคนก็ผ่านเครื่องสแกน ((คือมีเครื่องสแกนแล้วก็ไม่น่าเปิดค้นดิบนะ...พวกเราคิด)) >> ตรงนี้ไกด์มีเตือนพวกเราว่าที่เค้าต้องเปิดกระเป๋าค้นเพราะว่ามีของบางอย่างต้องห้ามไม่ให้เอาออกนอกฑิเบต ขอที่เราอึ้งและคาดไม่ถึงว่าเป็นของต้องห้าม คือ หนังสือ Lonely Planet สาเหตุที่ไม่ให้เอาหนังสือเล่มนี้ออกนอกฑิเบตเพราะว่าในนั้นมีรูปดาไลลาม่ะ ((องค์ที่ 5 มั้งค่ะ....ลองไปหาอ่านประวัติท่านนี้ดูนะค่ะ จะทราบว่าทำไมเค้าถึงห้าม)) เค้ากลัวว่าคนจะเอาไปเผยแพร่อะไรทำนองนั้น....แต่ในพวกเราไม่มีกันก็เลยคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร น่าจะผ่านด่านสบายๆ แต่เบียร์ที่เราขนมาเค้าจะโอเคมั้ยอ่า....((เป็นกังวนกันไป)) แต่สุดท้ายก็ผ่านไปแบบไม่มีปัญหาค่ะ
--- ไกด์สาวส่งพวกเราและลากันตรงนี้ ((แอบเศร้าเล็กน้อย ก็อยู่ด้วยกันมาตั้ง 7 วัน 7 คืนเนอะ)) ต่อจากนี้เราต้องเผชิญโลกกว้างกันเองแล้ววววว หลังจากผ่านด่านออกมาก็มีพวกรถรับจ้างมาเรียกพวกเราให้ไปรถพวกเค้า แต่ว่าพวกเราได้จ้างรถของทางที่พักไว้แล้วให้มารับพวกเราประมาณ 9.30-10.00 น. (เวลาจีน) ที่เนปาลช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมงค่ะ ฑิเบตเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงค่ะ...งงเวลาเลยทีนี้
--- หลังจากผ่านด่านตรงนี้มาได้พวกเราต้องเดินข้ามสะพานข้ามแดนไป ตรงนี้มีคนจากฝั่งเนปาลจำนวนมากทยอยข้ามสะพานและกำลังถูกตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่เพื่อเข้ามายังฑิเบต พอข้ามสะพานไปได้ (อย่างทุลักทุเล ทางไม่ค่อยดีด้วย ก็ลากกระเป๋ากันไป ฮึ้ยยยยย) จากนี้พวกเราต้องไปทำวีซ่าค่ะ สถานที่ทำวีซ่าเป็นห้องเล็กๆ ในนั้นมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างวุ่นวายค่ะ ค่าวีซ่า 25 USD ค่ะ พวกเราไปถึงเร็วเลยต่อแถวกันไม่นานเท่าไหร่ การทำวีซ่าผ่านไปด้วยดี ไม่ถึง 20 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย
--- จากนั้นพวกเราเดินออกมาเพื่อจะไปขึ้นรถที่พวกเราจ้างไว้ ((หวังว่าเค้าจะมารอพวกเราแล้วนะ)) เดินไปแบบไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่ละคนกระเป๋าใหญ่ๆกันทั้งนั้น ถุงเสบียงใบใหญ่อีกที่ยังรับผิดชอบกันไม่หมด ทุลักทุเลมากๆๆๆ ....
--- แต่ยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ เดินไปถึงทางก่อนที่จะไปถึงท่ารถเจอด่านตรวจอีกค่าาาาา..... ตรงนี้แหละที่ไกด้บอกไว้ว่าเค้าจะค้นดิบค่ะ ต้องเปิดกระเป๋าให้เค้าควักๆล้วงๆทีละคน แล้วยังไงอ่ะ เจ้าหน้าที่ผู้ชายหมดเลย บางคนใส่เครื่องแบบ บางคนแต่งตัวธรรมดา คือเชื่อถือไม่ได้เลยซักคน ((พวกเค้าค้นแบบอยากรู้อยากเห็นว่าในกระเป๋าพวกเรามีอะไรบ้าง ค้นแบบไม่ค่อยมีมารยาทอ่ะค่ะ สงสัยเพราะเห็นเป็นคนต่างชาติมั้งค่ะ)) เฮ้อ.....เหนื่อยมากตรงนี้ หงุดหงิดมากด้วย....
--- เสร็จจากการตรวจค้นก็ต้องเดินต่อไปค่ะ ตรงนี้เป็นทางลงเขาค่ะ ทางค่อนข้างแย่ ทางไม่เรียบ การลากกระเป๋าเป็นไปด้วยความยากลำบากมากจริงๆ แต่ก็ต้องลากกันไป!! พวกไปถึงทางที่พอจะหยุดพักได้พวกเราก็หาทางติดต่อกับรถที่จะมารับ มองหาโทรศัพท์กัน ที่เปิดโรมมี่งมาใช้ไม่ได้ค่ะ เพราะที่นี่ไม่มีสัญญาณโรมมี่ค่าโทรศัพท์ที่พวกเราเปิดมาเลย....ทำไงหล่ะทีนี้...??? มองไปรอบๆเจอชายหนุ่มรูปร่างสูง หุ่นดี หน้าตาก็แอบดีด้วย ^___^ เค้ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เพื่อนเราเห็นดังนั้นเลยสวมวิญญาณ "ใจกล้า หน้าด้าน....ด้านได้อายอด" จัดการเจรจากับชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้น....ขอยืมโทรศัพท์โทรหาคนขับรถ 555 เค้าก็ให้ยืมนะเออ ((เค้าคงคิด "กล้าขอก็กล้าให้")) เพื่อนเราเลยรีบจัดแจงโทรศัพท์หาคนขับรถตามเบอร์ที่ทางโรงแรมให้มาแต่คุยกันไม่รู้เรื่อง เลยขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นให้ช่วยคุยให้หน่อย คุยเสร็จได้ความว่า "คนขับรถจะมาถึงนอีก 2 ชั่วโมง!!!!" ตายห่า....เวลาที่เหลือทำไรหล่ะ มองไปรอบๆคือไม่มีอะไรให้ทำเลย ร้านอาหารก็ไม่กล้าเข้าไปกินไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ทางเดินก็ลำบาก กระเป๋า สัมภาระอีก โอ้ยยยย.....นั่งมันตรงนั้นแหละ ข้างๆร้านชายหนุ่มหน้าตาดี รู้สึกจะสะดวกและปลอดภัยสุดละ นั่งรอกันไป บ่นกันไป เม้าส์กันไป กินกันไป
ร้านข้างๆฝั่งซ้ายเป็นร้านของชายหนุ่มหน้าตาดีที่ช่วยเหลือพวกเรา
ระหว่างรอ รอ รอ รวมเวลารอแล้ว 2 ชั่วโมงเต็มๆ
--- พอครบ 2 ชั่วโมง รถตู้คันโตก็วนเข้ามาตรงที่เรานั่งรอกัน >> คิดในใจรู้ได้ไงว่ะพวกเรานั่งอยู่ตรงนี้?? (สงสัยชายหนุ่มหน้าตาดีบอกพิกัดไว้มั้ง)
ลูกชายคนขับรถชาวเนปาล ซนมากกกก
--- พอรถจอดปุ๊บพวกเราก็จัดแจงช่วยกันขนสัมภาระขึ้นรถแล้วจับจองที่นั่งกัน ยังเฮาฮาสนุกสนานโดยที่ยังไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้าวาจะเป็นยังไง แล้วจะเจออะไรกันบ้าง!!...หึหึ >> พอรถออกเท่านั้นแหละ ตัวใครตัวมันเลยจ้า หาที่จับแทบไม่ทัน แทบจะคว้า Safety Belt มาคาดกันเลยทีเดียว.... เราเลยรีบถามคนขับทันทีโดยไม่ลังเลว่า....
เรา: จากที่นี่ถึงโรงแรมใช้เวลานานเท่าไหร่??
คนขับรถ: 4 ชั่วโมง
เรา: แม่เจ้า!!!!!!! >> หันไปขอยาแก้เมาจากเพื่อนทันที....
ต่อไปนี้คือเส้นทางไปกาฎมัณฑุ หฤหรรษมากกกกกกกกกก
มีสวนสนุกในหุบเขาด้วย!!! ไม่ธรรมดาจิงๆ....ว่าแต่....มาได้ไง???
พื้นที่เขียวๆยังพอมีให้เห็นเหมือนกันนะ
--- กินยาแก้เมายังลำบากเลยค่ะ รถเด้งไปเด้งมา น้ำหกเต็มคอเสื้อ เลอะเทอะไปหมด คือแบบ....เด้งมากอ่าาาาา พอกินยาเสร็จก็ใช่ว่าจะหลับได้ในทันที ใช้เวลาอีกนานมากๆๆๆๆๆกว่าจะข่มตาหลับได้ แต่ก็ใช่ว่าจะหลับได้สนิทนะค่ะ >> อย่าเรียกว่าหลับเลยดีกว่า แค่ปิดตาพักสายตาก็พอ....คือไม่ไหวจริงๆ ทางโหดมาก ทั้งขรุขระ ไม่เรียบ เป็นลูกลัง มีแต่ฝุ่น แล้วทางก็แคบเป็นไหล่เขา รถแทบจะสวนกันไม่ได้เลยค่ะ....ฮื้ยยยยยย โหดเกิ๊น!!!
--- ระยะเวลา 4 ชั่วโมง พวกเราก็มาถึงที่พักค่ะ เป็นเซอร์วิสอพาร์ตเม้นเล็ก มี 6 ชั้น ชั้นดาดฟ้าเป็นห้องอาหารสำหรับทานอาหารเช้าค่ะ ทางที่พักได้จัดห้องพักให้เรา 3 ห้อง แต่อยู่กันคนละชั้นเลยอ่า....แย่จัง
Service apartment : Namaste Nepal
--- เก็บสัมภาระเข้าห้องแล้วแยกย้ายกันพักผ่อนประมาณครึ่งชั่วโมง หวังจะเปิดแอร์เย็นๆนอนงีบซักหน่อย แต่ไม่เป็นดังหวังค่ะ "ไม่มีไฟค่ะ" "ไม่มีไฟค่ะ" งงมาก....ไม่รีรอเดินลงไปถามที่เค้าเตอร์ทันทีว่า (ตั้งแต่ที่เนปาลพวกเราจะใช้ภาษาอังกฤษหมดค่ะ)....
เรา: ทำไมแอร์เปิดไม่ได้ค่ะ?
พนักงาน: อ๋อ...แอร์จะเปิดได้ตอนเย็นครับ หลังจากที่พวกคุณไปเที่ยวกลับมาแอร์ก็จะเปิดได้ครับ
เรา: ห๊ะ....(แบบเสียมารยาทมาก)
พนักงาน: ครับ...ไฟฟ้าจะใช้ได้ตอน 2 ทุ่มครับ
เรา: ห๊ะ (อีก) แล้วใช้ได้ถึงกี่โมงค่ะ?
พนักงาน: ตี 3
เรา: ห๊ะ!! (บ่นในใจแบบทำไรไม่ได้เลยจริงๆ) แล้วก็เดินกลับห้องไปแบบเซ็งๆ
--- ถึงเวลานัดพวกเราก็ลงมาเจอกันเพื่อจะออกไปหาอะไรกิน เพราะตั้งแต่เช้าได้กินแค่อาหารเช้าที่โรงแรมจางมู่ ((แอบหิวเบาๆ))
***เดี๋ยวมาต่อมื้อแรกที่เนปาลพวกเราจะกินอะไรกัน และผู้ชนะจากการแข่งขันเมื่อคืนจะได้กินอะไรฟรีเป็นของรางวัล!!!