[18+ ยิ่งกว่า“ความรักกับความลับ”] เป็นผู้บริหารไอทีใช่ว่าฉลาดเสมอไปนะ โง่เพราะความรักโดนเกย์ด้วยกันหลอกก็มี ผมนี่ผวาเลย


ความรู้สึกมันแก้ไขกันยากครับ แม้จะเศร้าแค่ไหน ร้อยเท่าพันทวี ก็คงบรรยายใส่ลงช่อง Pantip ที่จำกัดแค่หมื่นตัวอักษรคงไม่หมด

"เพื่อความเป็นกลาง เรื่องที่ผมจะเล่า จะไม่พาดพิงข้อมูลถึงใครในโลกความจริงนะครับ หากจะตีความหรือเดาเอานั่นก็คงใช่ แต่มันก็ "เป็นเรื่องจริง" ทั้งหมดล่ะครับ"

ผมทำงานไอทีครับ อยู่ส่วนบริหาร ควบคุมทิศทางผลิตภัณฑ์และสื่อออนไลน์ทั้งหมด ชีวิตวันๆ กินแต่ข้าวอีเว้นต์ เช็คเมล์ผ่านมือถือ โทรคุยกับพาร์ทเนอร์ นอนให้น้อย คิดให้เยอะ เหงาได้บ้าง แต่ก็ทำได้ไม่นาน เอางานมาก่อน

ผมเป็นเกย์คนนึงครับ แต่อย่างที่บอก ไม่มีโอกาสและเวลามากนักที่จะ workout หรือเข้าคอร์สหน้าใสให้ตัวลีนๆ หน้าใสๆ และใช้ของแบรนด์เนมให้ดูน่าสนใจในสายตาเกย์คนอื่น ส่วนใหญ่ทำงานเสียมากกว่า เพราะมีทั้งงานประจำธุรกิจไอทีระดับใหญ่ที่ต้องวิ่งไปคุยงาน เตรียมเอกสารนำเสนอ และเทรนน้องเรื่องงานยากๆ บวกกับมีงานส่วนตัวเช่นพวกสอนภาษาอังกฤษ เป็นวิทยากรพิเศษ แปลหนังสือ ที่ซึ่งทั้งหมดทำให้ "เวลา" คือเรื่องที่ลืมไปเลยว่าต้องเอาไปใช้ทำเรื่องอื่นเช่นเข้ายิมหรือร้านเสริมสวย

นั่นล่ะครับคือที่มาของความเหงา (ก็เหมือนเกย์ทั่วไปล่ะนะครับ ทั้งเยอะ ทั้งมโน เพราะเหงา) จึงตัดสินใจไปร่วมทริปสมาคมหรือกลุ่มนิยมเกย์ที่เขาจัดๆ กันตามอินเทอร์เน็ต (เป็นทริปสีขาวครับ ไม่มีมั่วสุม) เพราะอยากหาประสบการณ์ใหม่ เปลี่ยนบรรยากาศ และได้พบเจอเกย์แปลกหน้าคนอื่นที่เขามีความรู้สึกคล้ายกันกับผมบ้าง

ก็ได้ไปจริงครับทริปนั้น พอไปก็ได้เจอคนหลากหลายได้พบปะพูดคุย จนเจอกับคนคนหนึ่ง (ไม่ต้องอุปโหลกชื่อหรอกครับเรียกว่า "เขา" กับ "ผม" ก็พอในเรื่องนี้) เขาดูดีครับ หน้าตาใช้ได้สมตามวัยแต่หุ่นนี่ดูแลอย่างดี ไม่ได้กล้ามแน่นมากแต่ไม่อ้วนไม่ผอม ดูดีในระดับนั้นเลย เราได้เจอกันเพราะนั่งรถข้างกันจนถึงที่พัก ได้คุยกันตลอด ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ต่างๆ นานา

เป็นความรู้สึกที่ดีครับ ที่ได้เจอ

และแน่นอนครับอันนี้ไม่โกหกไม่ปิดบัง เรื่อง sex ที่ตามมาคืนนั้นก็ต้องมี ซึ่งพูดกันแบบคนโตๆ กันแล้ว มันก็ทำให้รู้สึกดีและประทับใจ จนถึงรุ่งเช้าก็ได้ทำให้โลกทั้งใบและวันต่อๆ มาจนถึงวันก่อนที่จะตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ เป็นวันที่สวยงามและมีอะไรมากกว่าแป้นคีย์บอร์ดกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานอยู่ประจำ

จากนั้นก็คุย Line กันเรื่อยๆ ครับ โทรหากันบ้างเพราะต่างคนต่างทำงาน แต่เขาก็ยืนยันว่าเขาผิดหวังเรื่องความรักมากจากคนเก่าที่คบกันมานาน แล้วต่อไปนี้เขาไม่อยากผูกมัดอะไร อยากมีเพื่อนสนิทที่คบแบบสนิทแต่อยากให้เขามีโลกส่วนตัวแบบเดิม ไม่ต้องมายุ่งว่าเขาจะเที่ยวที่ไหนทำอะไร หรือชอบแอบหนีเที่ยวที่อื่นๆ ผมเองก็ไม่ติดขัดอะไรครับ ไม่คิดว่าจะตามตัวหรือแสดงความเป็นเจ้าของอะไร ก็คุยกันไปฉันท์เพื่อนทักทายยามเช้าและก่อนนอน เหมือนเดิม

หลังจากเจอกันสักพัก เดือนถัดมาก็ชวนกันไปเที่ยวหัวหินวันวาเลนไทน์ด้วยนะครับ เรียกว่าฮันนี่มูนเกย์สองคนแบบที่ private สุดๆ กับรีสอร์ทที่มีหาดส่วนตัวและโลกทั้งใบที่เป็นของเราสองคน โรแมนติกดีนะครับ (เรื่อง sex ไม่ต้องพูดถึงหรอกเนอะ ข้ามไปเถอะ ช่วงดีๆ มันก็ต้องมีตามปกติ)

มันก็ดีในช่วงสี่ห้าเดือนแรกครับ กลับมาแล้วก็คุยกันทักทายกัน เขาเองก็เที่ยวพวกสถานเริงรมย์เอยู่บ่อย ผมเองผมก็เที่ยว ยังเจอกันตามซาวน่าแหล่งเกย์อยู่บ้าง เจอหน้ากันแล้วก็แปลกๆ ตอนแรก งงว่าอ้าวมาเที่ยวแบบนี้ด้วย แต่ก็อย่างที่บอกครับว่า เราตกลงกันจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ใครอยากจะเที่ยวหาความสุขที่ไหนก็เรื่องตัวใครตัวมัน แต่เราไม่มี sex กันที่ข้างนอกสถานที่ที่ไม่ใช่ห้องของพวกเราแน่นอน

นั่นก็ไม่ได้ดูแปลกครับ ที่มันเกิดมาเป็นเรื่องคือ เขาเองมาบอกว่าร้านขายของบริการสปาเล็กๆ ของแฟนหรือ(อีหนู)ของพี่ชายเขากำลังจะไปไม่รอด เพราะขายไม่ดีและทะเลาะกันเอง เลยอยากจะทำร้านเองเปลี่ยนเป็นร้านขายเครื่องสำอางค์กับผลิตภัณฑ์ความงามนำเข้าแทน โดยแม่เขาจะช่วยลงทุนและสอบถามผมเรื่องจัดแจงทำเว็บไซต์ออกแบบและวางพวกเรื่องของไอทีพื้นฐานสำหรับในร้าน

เรื่องนี้มันไม่ยากหรอกครับ แค่สั่งน้องคลิกเดียว ก็เสร็จแล้ว

ผมก็ดำเนินการให้ วานให้น้องออกแบบโลโก้ร้านตามชื่อแบบที่เขาต้องการและสั่งซื้อโฮสต์กับชื่อเว็บพร้อมจัดระบบอีเมลจาก Google เลยด้วยซ้ำ ทั้งหมดราคาเต็มตัดบัตรเครดิตผมพร้อมตั้งเว็บและระบบทั้งหมดให้เขาได้ชั่วข้ามคืน [ราคาเกือบ 7,000 บาทต่อปี]

แล้วเขาก็ทิ้งมันไว้อย่างนั้น ผมถามว่าจะใส่คอนเท้นต์เมื่อไหร่จะเอารูปสินค้าลงได้หรือยัง เขาก็ยังได้แต่บอกว่า "เดี๋ยวก่อน" เสมอ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเข้าใจกันว่างานประจำยุ่งมาก

ระหว่างนั้นก็มีงานประจำของเขาที่เขาวานให้ผมช่วย เช่น ช่วยทำ PowerPoint ให้เขาหน่อยเพราะเขาทำไม่เก่ง และผู้บริหารอยากดูพรีเซ้นต์ช่วงเปิดปีงบประมาณ ก็ช่วยครับ นัดกันทานข้าวกัน และช่วยเขาทำให้จนเสร็จพร้อมแก้แล้วแก้อีกแต่ละครั้งตามที่เขาต้องการ

รวมทั้งวานให้ผมจ้างเด็กดีไซเนอร์ที่ทำงานผมทำงานออกแบบ Artwork แบบด่วนที่จะเอาไปลงซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยครับ ผมก็แจกเงินสดน้องมันเลย 3000 บาทสั่งการเสร็จสรรพจัดแจงทำให้เขาเสร็จพร้อมส่งแค่ชั่วข้ามคืน พร้อมกับออกหน้าจ่ายเงินก้อนนั้นให้น้องไปก่อน พร้อมกับคำว่า "เดี๋ยวก่อน" จากเขาอีกเช่นเคย

กลับมาเรื่องเว็บของร้าน วันดีคืนดี เขาก็มาบอกว่าชื่อร้านเดิมแบบแนวญี่ปุ่นที่เคยให้ผมทำเว็บไว้ ไม่เอาแล้ว จะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนโลโก้ใหม่ เปลี่ยนหมดเลย คือที่ผมทำไว้ให้ไม่เอาแล้ว (อย่าลืมว่าเกือบ 7000 บาทเลยนะครับ) ก็อยากจะเปลี่ยนใหม่เพราะทางบัญชีจดทะเบียนบริษัทเป็นชื่อนั้นไม่ได้

ผมก็อ่ะ ไม่เป็นไรครับ มันแค่ของเล็กน้อยสำหรับผม รอเวลาไปสักพัก จนเขากลับมาว่าตกลงให้น้องเขาเองออกแบบโลโก้ใหม่แล้วจะทำเว็บใหม่แล้วชื่อใหม่เลย ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็จัดใหม่ทั้งเซ็ต (แต่คราวนี้ใช้ระบบอื่นที่ถูกหน่อย) จัดให้ (คราวนี้ 2000 บาท) ก็ตั้งใหม่ให้ได้เลยเหมือนกัน แล้วก็ได้แต่รอว่าเขาจะเอาเนื้อหาอะไรมาใส่บนเว็บไซต์ของผมเสียที

ผมก็จัดแจงต่อครับ เตรียมหาพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยดันให้เว็บเหล่านี้ (เว็บแรกผมก็ยังเก็บไว้นะครับ คิดว่าไหนๆ เปิดแล้วน่าจะเอาของอย่างอื่นมขายได้ด้วย) ขึ้นอันดับ Google บ้าง มองว่าเป็นการลงทุนไว้ก่อนครับแบบระยะยาว

มันสะดุดอีกรอบตรงที่ผมจะต้องเชื่อมต่อ Facebook เข้ากับตัวเว็บ ผมรู้ครับว่า Facebook ของเขาชื่ออะไร แต่ก็ไม่เคยเข้าไปขอแอดอะไรกัน เพราะเขาเคยทำโทรศัพท์หายแล้วให้มช่วยดึงรูปเก่าจาก Facebook มาเข้าเครื่องมือถือใหม่ ผมเลยรู้

คราวนี้ก็เข้าไปดู ก็ไม่ได้คิดอะไร แค่ต้องประเมินก่อนว่า Facebook ของคนที่จะมาเชื่อมต่อและเป็น admin ของ Fan Page นั้นจะต้องมีความน่าเชื่อถือ ไม่มีกิจกรรมอะไรที่ทำให้ Google บล็อกเข้า blacklist ได้ พอดีกับช่วงสัปดาห์นั้น เขาบอกว่าเขาไม่สบาย เลยกลับบ้านมานอน แต่ดันไปเห็นว่า วันนั้นอ่ะแหล่ะไป check-in อยู่บางแสน แล้วไงอ่ะครับ ป่วยทาง Line แล้ว Facebook check-in อยู่บางแสน

ผมทำไงเหรอ? ผมก็นั่งคิดนอนคิด ไม่รู้จะเอายังไง จะแกล้งต่อหรือจะเงียบไปหรืออะไรดี จนสุดท้ายก็แอบเอาเฟสบุ๊คตัวเองไปกด share ไอ้ตัวเช็คอันของเขาแหล่ะครับ พร้อมเขียนไปว่า "เที่ยวแบบนี้บ้างก็คงนี้นะ 555" แน่ละครับ เขาก็คงต้องรู้ว่าผมเข้าไปแชร์โพสของเขา

ต่อมาเขาก็ปิดเฟสบุ๊คเขาไปซิครับ ผมก็ปล่อยไปเพราะยังไงก็ไม่คิดว่าจะต้องใช้เฟสบุ๊คอันนั้นอยู่แล้วนี่ครับกับการเอามาทำเว็บนี้ เพราะเฟสบุ๊คเขานั้นมีแต่เรื่องกะเลกะลาส หาสาระไม่ได้วันๆ มีแต่เรื่องหาความสุข และเรื่องกินเรื่องเที่ยว

เรื่องร้านก็เรื่อยๆ ยังไม่จบไม่สิ้นครับ ระว่างนั้นก็มีมาหาผมวันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งปกติเสาร์อาทิตย์ผมสอนภาษาอังกฤษที่ชลบุรี ซึ่งทุกคนรู้อยู่ วันแรกๆ ที่รู้ตัวต้องไปสอน เคยถามเขาว่าไปเที่ยวชลบุรีไหมเหห็นอยากพักผ่อน เขาก็ปฏิเสธทันที พร้อมกับคำว่า "ขอโทษทีนะ" ตอนนั้นก็ไม่ติดอะไรเพราะเราก็เข้าใจดี แต่วันหนึ่งเหมือนเขาต้องทำพรีเซ้นต์ (อีกแล้ว) จึงต้องขับมาถึงเซนทรัลชลบุรี เพื่อให้ผมทำพรีเซ็นต์ให้ และที่แย่เลยคือ ทำไม่เสร็จ ห้างปิดก่อน จึงขับกลับกันมา กทม แล้วหาโรงแรมเช่านอนกันแถวๆ ใกล้ๆ ออฟฟิสเขาเพื่อทำสไลด์ต่อให้เสร็จ

ก็ไม่มีปัญหาครับ ผมทำงานไม่มีเวลาตอกบัตรอะไรมีแต่คิวประชุม ก็นอนค้างนอกบ้านได้ถ้าจำเป็น ก็หาโรงแรมจนเจอครับแถววิภาวดี แต่เขาเองบอกว่าไม่ีเงินสด จะเบิกต้องใช้สมุดเท่านั้น ห้างปิดหมดแล้ว ให้ผมจ่ายไปก่อน ก็โอเคครับ ผมใช้บัตรเครดิตไปสำหรับค่าห้อง พร้อมเอาเงินสดให้เขาไปซื้อของเซเว่นอีกส่วนหนึ่ง รวมๆ ค่าห้องหนึ่งคืนกับเงินสดสำรองจ่ายคราวนี้ ก็สองประมาณ 2500 บาทได้

ที่สำคัญนี้คือ เป็นการนอนร่วมห้องกันในแบบที่ไม่มี sex กันเลย ปล่อยให้ผมทำพรีเซ้นต์ทั้งคืน พร้อมตบท้ายคืนนั้นว่า เขาไข้ขึ้นไม่สบายไปซื้อยาพารามากินแล้วก็นอนก่อนผมไปเลย (sex ไม่ต้องมีครับ เช่าห้องโรงแรมสามดาวแบบนี้ แต่ไม่มี sex ผมว่าผมไปซื้อเด็กขายตามร้านนนวดดีกว่ามั้ยครับ แทนที่จะต้องมาเปิดโรงแรมนอนทุเรศๆ แบบนี้) เช้ามาก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ผมตื่นมาก่อนเพราะวันนั้นเช้าวันจันทร์ผมต้องเคลียร์งานหลายอย่างให้น้องๆ ได้ทำงานทัน และอีกอย่างวุ่นวายเพราะเมื่อคืนก่อนมัวแต่ทำงานเขาไม่ได้ทำงานผมเลยนี่หน่า

แถมเขายังเร่งจะให้ check-out ก่อนเที่ยงเพราะเขาตองรีบไปประชุม ส่วนผมยังไงก็แล้วแต่ ไม่ต้องสนผมก็ได้ เพราะเรานอนแค่ตรงข้ามออฟฟิสเขา ใกล้เขา แต่ก็ไกลผมอยู่ ผมก็ไม่ได้อะไร กลับบ้านนอน ทำงานต่อที่บ้านเอา

เรื่องมันก็ทุลักทะลุแบบนี้แหล่ะครับ จนวันก่อน (ตกช่วงต้นเดือน พย 2557) วันเกิดผมทุกคนก็ say birthday ครับ แต่เขาลืม จนเย็นย่ำ จนผมต้องบอกว่าผมได้บัตรฟรีวันเกิดได้ไปกินข้าวรืมน้ำที่โรงแรมริมน้ำเจ้าพระยา เขาก็เพิ่งจะถามตอนหนึ่งทุ่มของวันเกิดผมว่า "วันเกิดคุณเหรอ HBD นะวันหลังนัดทานข้าวกัน" ทั้งๆ ที่วันเกิดเขา (เดือน กย 2557) ผมสั่ง Miss Lilly ไปส่งที่ออฟฟิสเข้าเลยด้วยซ้ำ แต่เขายังโทรมาขอบคุณนะครับ แต่ติงต่อด้วยว่าอายคน ผมบอกให้ถ่ายรูปช่อดอกไม้มาให้ดูบ้างก็ไม่เห็นถ่ายมา แต่เขาก็เซอร์ไพรส์นะ บอกผมว่า "มีคุณเท่านั้นที่ทำอะไรแบบนี้ได้" ผมก็นึกในใจว่า "แล้วผู้ชายกากๆ ที่คุณไปลากได้มาจากซาวน่ามันทำแบบนี้ไม่ได้เหรอไงครับ?"

ผมนี่อึ้งเลย นัดทานข้าว แล้วใครจ่ายเหรอครับ ผมนึกในใจ แล้ววันที่ว่าคือวันไหนเหรอครับ ผมก็สงสัย ทุกวันทำงานบางทีช่วงเย็นๆ ก็เจอเขาไปซาวน่า เวลาผมเจอเขาช่วงหลังๆ ผมก็เครียด เพราะคิดว่าเขาจะเที่ยวแบบนี้ เรื่องร้านเรื่องเว็บเรื่องเงินติดค่าดีไซน์เนอร์ที่ผมออกไปก่อน ทั้งหมดไม่ทำอะไรแต่มาเที่ยวระบายความใครืที่ซาวน่าอยู่เนื่องๆ

มีก่อนหน้านี้ที่เขาไม่สบายนอนโรงพยาบาล ผมไปเยี่ยมครับ เวลางานผมเองด้วย ไปงานสัมมนาเสร็จแล้วแวะหาเขาก่อนที่จะกลับบ้าน ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าจะอ้อนใครให้มาเยี่ยมเขา แต่ผมก็ไปสภาพป่วยเพราะสูบบุหรี่ไม่คิดและเครียดกับชีวิตตัวเองเพราะความเหลวแหลก ผมก็เห็นตอนเขาป่วยแล้วก็ทุเรศทุรังนะครับ ขัดกับตอนนี้ที่เขาสบายดีกลับมาเที่ยวหาความเพิดเพลินตามสถานที่อโคจรแล้ว (แกล้ง) "ลืม" เรื่องของที่ผมช่วยเหลือไป

สุดท้ายแล้ว ผมเครียดเองครับ บัตรเครดิตก็หนี้บานไปเรื่อยๆ ร่วมค่าโอสต์สองอัน ค่าดีไซเนอร์ ค่าห้องโรงแรม สิริรวมที่ลงทุนไปให้ร้านกับงานประจำของเขาน่าจะหมื่นกว่าบาทแล้วครับ ยอดมันไม่เยอะหรอกครับ แต่มันเสียความรู้สึกจนสุดท้าย ผมเจอเขาที่สถานเริงรมย์เกย์ แล้วลองเทสต์ถามรื่องมี sex กันดู เขาปฏิเสธพร้อมนิ่งเฉย คราวนี้ตัดเป็นตัดตายเลยดีกว่าครับ ผมจะเครียดเองแล้วต้องหาหมออีกรอบเสียเปล่าๆ (ก่อนหน้านี้ไปหามาแล้วนะ เครียดเพราะเรื่องที่เขาทำนี่แหล่ะ) เขียนความในใจสุดท้ายใส่กระดาษแล้วสอดเข้าล็อกเกอร์ไปว่า

"ถ้าคุณไม่มีอารมณ์กับผมแล้ว ก็ไม่เป็นไรครับ อะไรที่ผ่านไปแล้วให้มันผ่านไปผมไม่ติดใจเอาคืน ไม่ต้องบล็อกหนีกันไปหรอกครับ ยังไงก็คนรู้จักกัน ยังรักเหมือนเดิม - [ลงชื่อผมเอง]"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่