ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงเหมือนกัน ไม่เคยเขียนไดอารี่ตัวเองแบบยาวขนาดนี้ แบบที่กำลังจะเล่าเรื่องราวต่อไปนี้ให้ฟัง หากว่าสำนวนบางครั้งมันดูงงๆไปบ้าง หรือวนไปวกมา ผมขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เข้าเรื่อง ประเด็นของเรื่องนี้ ผมคิดทบทวนว่าจะเขียนเพื่อแชร์เล่าสู่กันฟังกันดีมั้ย เป็นเวลาแล้วเกือบปี ผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมจะเขียนไปนี้มันจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านรึปล่าว หรือเป็นเพียงแค่การบรรยายเรื่องราวอันน่าสมเพชของตัวผมเอง แต่ตอนนี้ ผมตัดสินใจแล้วละ ว่าผมจะเล่า
เรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม ของปี 2013และสิ้นสุดแค่เพียง มกราคม 2014จะว่ามันสั้นมากก็ใช่แต่เพราะมันอาจจะเป็นความรักครั้งแรกของผมและอาจเป็นความรักครั้งสุดท้ายในอารมย์ของหนุ่มสาว
ผมซึ่งเป็นคนธรรมดาคนนึง ที่ใช้ชีวิตสนุกๆ กับกิจกรรมสนุกๆต่างเรื่อยมาตั้งแต่เล็ก ไม่เคยคิดและสนใจในเรื่องความรักเลย แม้สักครั้งเดียว! เพราะผมให้นิยามเรื่องความรักว่าแบบหนุ่มสาว ว่ามันคือเรื่องของคนสวยหล่อเค้าเท่านั้น เราคนหน้าตาไม่ดี ไม่มีสิทธิ์ อย่าได้แม้แต่คิดซักนิดเดียว เดี๋ยวจะเจ็บช้ำเอาปล่าวๆ ผมคิดแบบนี้จริงๆโดยบริสุทธิ์ใจ เพราะตลอดเวลาชั่วชีวิตของผม ทำให้ผมเห็นคนรอบข้างที่ผิดหวังกับความรัก อกหัก แล้วต้องเจ็บปวดอยู่มากมาย ซักพัก พอหายก็เริ่มไปรักใหม่ แล้วพอผิดหวังก็กลับมาเจ็บอีก วนไปวนมา อยู่อย่างนั้น มันยิ่งทำให้ผมไม่กล้าที่จะรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นเลย โดยส่วนตัวผมเป็นโรคกลัวการผิดหวังมากๆ ผมรู้ตัวดี นั้นจึงทำให้เวลาผมจะทำอะไรก็ตาม ผมจะทำอย่างพยายามด้วยความตั้งใจ ให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด
เข้าเรื่องผมตอนนั้นอายุ 29 กำลังเป็นช่วงที่กำลังสนุกกับทุกๆอย่างในชีวิตเลยจริงๆ ทั้งเรื่องงาน สังคม เพื่อนฝูง คือมันทำอะไรก็เข้าเป้าไปซะทุกอย่าง แล้วที่สำคัญผมกำลังบ้างานเป็นพิเศษ ผมทำงานอยู่ organize design agency แห่งหนึ่ง ใน กทม. ชีวิตผมวันๆคือ ดีไซน์ วิจารณ์ ขายงาน วนอยู่แบบนี้ทุกวัน โดยที่ไม่เคยตันเลยซักครั้ง เวลาเราทำงานพวกนี้ ยิ่งมีคนชอบ เรายิ่งมีกำลังใจทำงานชิ้นต่อไป เป็นเหมือนการเติมพลัง บวกกับยังมี side project เป็น motion graphic ที่ทำกับกลุ่มเพื่อนด้วยกัน คือทำ party event เอา Dj producer มาจัดงาน มันยิ่งทำให้เราสนุกกับสิ่งที่ทำเอามากๆ ช่วงต้นOCT 2014 ผมก็ได้จัดงานๆนึง ซึ่งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนี้ ในงานนั้นผมได้ช่วยกันทำ visual กับเพื่อน ซึ่งมันถือว่าเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก เพราะเป็น Artist คนนึงที่จะได้มาเล่นในงานที่ผมชอบเค้ามาก เลยเต็มที่ในงานนี้เป็นพิเศษ ระหว่างที่งานกำลัง sound check ก่อนที่งานจะเริ่มนั้นผมก็อัพรูปบรรยากาศงาน ลง page ทั่วๆไป ก็มี comment มาทักทายกันปกติกันธรรมดา แต่แล้วก็มีคน add friend เข้ามาที่ผม ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่ง party เริ่มขึ้น
ในวันนั้น ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี artist เล่นกันเต็มที่ ออกมาดีกันทุกคน จนกระทั่งงานจบลง ก็ได้มี message เข้ามาทักทายผมกันปกติ เช่นคำชื่นชมที่งานจัดออกมาดี ผมที่ด้วยความที่วันนั้นมันสนุกมาก ผมก็หลุดชวนมา after party กันต่อที่บ้านที่ร้านผม ก็มีคนอยากตามกันมาอยู่บ้าง คุณเข้าใจใช่ป่ะว่าเวลาคุณจัดงานอะไรซักอย่างแล้วคนมางานคุณ และมันสนุก มัน Proud มากแค่ไหน
ต่อมาอีก2 วันโดยประมาณ ก็ได้มีคนที่ inbox มาชวนผมคุย โดยตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากคุย เพราะสำหรับคนจากทาง online แล้ว ผมไม่เคยคิดจะสนใจเลย ต้องบอกก่อนว่าช่วงนั้น ผมมีแผนที่กำลังจะไปเรียนต่อ ที่ต่างประเทศอยู่ แต่ผมยังไม่ได้บอกใครนะ ตอนนั้น เพราะมันเป็นแค่แผน คนที่จะรู้เรื่องนี้ จะเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันจริงๆที่จะรู้ แต่แล้วเธอคนนนี้ก็เข้ามาพร้อมกับ topic การไปเรียนต่อต่างประเทศ นั้นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทั้งหมดที่กำลังจะเริ่มขึ้น
หลายๆคนคงจะรู้ว่า ช่วงปลายปีเนี่ย บ้านเราจะมีงานและเทศกาลต่างๆเยอะมาก แต่สำหรับตัวผมเองมันได้รวมเอาวันเกิดของตัวผมเองเอาไว้ด้วย มันจึงทำให้มันดูพิเศษเอากว่าชาวบ้านคนอื่นเอามากๆ ท่าไล่เรียงกันตามวัน ก็จะประกอบไปด้วย Halloween ลอยกระทง my birthday X'mass และจบด้วย New year eve
ใน inbox นั้น เธอได้ชวนคุยถึงที่ๆเธอกำลังเลือกที่จะไปเรียนต่อ โดยที่เธอมีตัวเลือกอยู่3-4ที่ ระหว่างนั้น ผมก็ได้ถามว่า แล้วจะไปเรียนต่อด้านไหนหรอ ที่ถามตอนแรกไป เพราะความอยากรู้ เฉยๆ เพราะผมคิดว่า คนแปลกหน้าคุยกัน ก็คงไม่มีความสำคัญอะไรกันหรอกมั้ง? เธอบอกว่า จะไปเรียนต่อด้าน investment and financial ซึง่ผมบอกตามตรงว่า พอได้คำตอบนี้มา ผมอยากจะปิดเครื่องหนี เพราะผมห่างไกลกับเรื่องพวกนี้มากๆ ไม่รู้เรื่องอะไรกับพวกงานสายนี้เลย ผมเลยถามเธอว่า แล้วเธอทำงานอะไร? เธอตอบว่า เธอ trade หุ้น ผมก็เลยไม่ได้คุยต่อถึงประเด็นที่เธอจะไปเรียนต่อ แต่กลับไปถามถึงลักษณะงานว่าเป็นไง ยากมั้ย บลาๆๆ มาถึงซักพักอยู่ดีๆ เธอก็ให้โหวตว่า ควรไปเรียนที่ไหนดี ผมมก็งง เพราะอยู่ดีๆมาถามคนแปลกหน้าได้ไง แถมไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ด้วย ผมก็เลยเลี่ยงจะไม่ตอบ และหยุดการสนทนาในครั้งแรกไว้แค่นั้น
แต่อีกวันต่อมา เธอก็ทักมาอีก ชวนคุยเรื่องทั่วๆไปถามมาผมก็ตอบไป ไม่ได้สนใจมากมาย จนอยู่ๆเธอก็ให้ผมโหวตอีกครั้ง โดยเธออ้างว่า ตอนนี้เพื่อนๆเธอโหวตประเทศที่จะไปเรียนต่อกันครบแล้ว เหลือผมเป็นเสียงสุดท้าย ผมก็ด้วยความที่อยากจะตัดรำคาญ เลยบอกไปมั่วๆ พร้อมกับบอกว่า อย่าอิงอะไรกับเรามากนะ เอามั่ว แนะนำเธอจริงๆจังไม่ได้หรอก และหลุดไปว่า แต่ถ้าเป็นสาย ART เรายังพอแนะนำได้ เพราะผมมีแผนจะไปเรียนต่อที่ San Francisco มันมีอยู่ที่นึงที่ค่อนข้าง แข็งอยู่พอสมควรสำหรับสายนี้<<<<<นี่คือการหลุดสำหรับคนอย่างผม เพียงเพื่อจะได้ให้จบประเด็นนี้ไป แต่ไม่เลย เธอกลับบอกว่า จริงๆเธอเลือกที่นี่เป็นที่แรกสำหรับการไปเรียนต่อ แต่ไม่ได้เอาลงไปในตัวเลือก สำหรับการโหวต พร้อมกับถามว่า แล้วผมเองจะไปเรียนต่อเมื่อไหร่......
แหะๆในใจผม เกิดความงงพร้อมกับประหลาดใจ ปนดีใจว่าเห้ย จริงอ่ะ นี่จะกำลังไปเรียนต่อแบบเงียบๆแบบเหงาๆแน่ๆ ดันมีคนแปลกหน้าจะไปเรียนที่เดียวกันเลย จริงดิวะ
นาทีนั้นไม่ได้คิดไรอย่างอื่นเลย เรื่องชู้สาวหรืออยากจีบนี่ไม่มีในหัวเลย ผมหน้าตาไม่ดี เจียมตัวเองอยู่แล้ว ไม่คิดแน่นอน
คุยกันไปคุยกันมาดันเริ่มค่อยๆสนิทโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะเธอจะชอบทักมา ช่วงที่ผมกำลังว่างหรือนั่งเล่นเรื่อยเปื่อยแบบได้จังหวะตลอด เออ แปลกดีไหมละ คือหลังจากคุยกันไปซักพักจากที่แค่ทักทายกันธรรมดา ก็เริ่มมีเรื่อง life Style แนวดนตรี Fashion เข้ามาเรื่อยๆ โดยที่ซักพักหลังจากนั้นประมาณเกือบเดือน คุยกันเกือบทุกเรื่อง โดยเฉพาะ เรื่องดนตรี คือเธอ ชอบ EDM เหมือนๆกัน ณ ตอนนั้น
มีครั้งนึงช่วงระหว่างนั้นเพื่อนผมมันกำลังจะแต่งงาน+กับตอนนั้น “Curfew” ผมแมร่งตอนนั้นกะจะจัดงานปาร์ตี้สละโสดให้เพื่อน แต่จากที่ถามๆเพื่อนด้วยกันเองเนี่ย ก็ไม่ชัวร์ว่าร้านเหล้ามันจะเปิดกันรึปล่าว บางคนบอกปิด บางคนบอกเปิด ตอนนี้งง ใจนึงก็อยากให้เพื่อนได้สนุกในช่วงสุดท้ายก่อนแต่งงาน "เอ่อ....ขอบอกกันก่อนนะว่าสำหรับพวกกลุ่มผมเนี่ย ออกไปกินปาร์ตี้สละโสดเนี่ย คือออกไปกินเหล้า ออกไปสนุก ออกไปเมา ออกไปแจม ไม่ได้ต้องการปาร์ตี้แบบหาผัวหาเมีย กลุ่มเพื่อนผมและตัวผมเนี่ย ไม่เคยมีแบบนั้นแน่นอน เมากันแล้วกลับบ้านอย่างเดียว" เพราะงั้นตัดไปได้เลยการไป lounge Karaoke ลงอ่าง ไม่มีในหัวผมแน่นอน ผมค่อนข้างแอนตี้เรื่องพวกนี้มาก เพราะผมคิดว่าการที่เราไม่ไปในที่อโคจร จะช่วยให้เราไม่ต้องเจอกับวงโคจร กับคนแย่ๆ ที่จะเข้ามา พวกเราคิดแบบนี้ ด้วยความที่ไม่รู้ไปไหน แต่แล้วอยู่ๆเธอก็ทักเข้ามา ผมก็เลยบอกเรื่องพวกนี้ไปว่า อยากจัดงานให้เพื่อนแต่ไม่รู้ไปไหนดี คำตอบที่ได้คือ อยากได้สาวสวยแค่ไหน ผมนี่งงเลย คือไม่ได้คิดไรเยอะ แค่นึกในใจ เอาสาวสวยไปทำไมวะ กูอยากได้เพลงเปิดมันๆ เฉพาะทางแปลกๆน้อ ไรแบบนี้ เธอก็ร่ายชื่อร้านมา ผมก็จำๆ แล้วเอาไปบอกต่อเพื่อนอีกที เพื่อนคนนึงบอก จะไปทำไมวะร้านพวกนั้น มัน Koyoty ชัดๆ ไม่เอา วู้ววว!! ผมก็ อ่าวหรอ กูก็ว่าไม่คุ้นนึกว่าเปิดใหม่ ฮ่าๆ ผมคงอ่อนกับที่พวกนี้จริงๆ ** ฮ่าๆ สรุป เลยออกไปหาร้านนั้งกินกันเอง แต่ไปได้ไม่เท่าไหร่ก็กลับ ล่ม เพราะเมียเพื่อนผมโทรตาม จบไปอีกวัน
พอวันต่อมา เธอก็ทักมาถามว่า **เป็นไงร้านที่เลือกให้ ดีมั้ย? ผมก็ตอบ อืม ไม่ได้ไปอ่ะ มันคนละแบบกัน อ่อ ผมลืมบอกไปว่าคืนที่พวกผมออกไป party กันอ่ะ เธอก็ไปของเธอมานะ แถมเป็นครั้งแรกที่เธอส่งรูปให้ผมดูว่าเธอแต่งตัวแบบนี้ ดีมั้ย และยังเล่าให้ผมฟังว่าเธอโดนฝรั่งลวนลาม ผมก็คิดในใจ อืม ไม่ค่อยดีเลยเนอะแต่ลึกๆแบบกวนประสาท แมร่งเกี่ยวไรกับกูวะ ไม่ได้รู้จักกันซักหน่อย บอกทำไม? จากนั้นก็คุยนั้นนี่ไปเรื่อย
ตั้งแต่เราคุยกันมา เราคุยกันแค่ทาง inbox facebook ตลอดนะ ไม่เคยโทรคุยเลย คือในครั้งต่อไปนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราโทรคุยกัน โดยที่เธอขอไลน์ผม ผมก็ให้ไปเป็นปกติ แต่ไม่ได้คิดไรนะ เพราะเธออ้างว่า ช่วงนี้ facebook เธอค้างบ่อย line น่าจะสะดวกกว่า ไม่รู้ผมทำอีท่าไหน เธอได้เบอร์ผมมาเฉย และเธอก็โทรมาหาผมเป็นครั้งแรกนะ ที่เราได้คุยกัน เราได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ โดยเธอชื่อว่า YY
**คือจุดที่เป็นที่สังเกตุที่จะมาเชื่อมโยงเมื่อผมเล่าไปเรื่อยๆ,ความผิดปกติ
***ขอขั้นไว้ก่อนนะตรงนี้ ระหว่างที่ผมกำลังพิมพ์นี้ มือผมสั่นไปหมด เพราะมันคือการระลึกถึงความเจ็บช้ำ และล้มลงในหลุมลึกที่สุด ที่เคยเจอมา+กับวันนี้คือวันเกิดผมเอง วันที่ผมเลือกที่จะอยู่เงียบเพื่อเขียนระบายบางอย่างออกมา
***ผมเคยเชื่อว่าความรักที่ดี มันจะต้องเกิดขึ้นเองโดยที่เราไม่ต้องไขว้คว้า
***ผมกลับมาเชื่อคำของผู้ใหญ่หลายๆคนอีกครั้ง ว่าคบคนอย่าดูที่ภายนอก ต้องศึกษากันนานๆ
***ปัญหาที่แย่ที่สุดคือเมื่อชีวิตคุณมีพร้อมทั้งงานและอนาคต คุณจะไม่เชื่อฟังใครทั้งนั้น เพราะคุณคิดว่าคุณแน่ EGO คุณมันจะบังตาทุกอย่างไปหมด ใครเตือนอะไรไม่เคยฟัง!
****เดี๋ยวมาต่อครับ
แด่ความรักครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของชายวัย30 ^_T
เข้าเรื่อง ประเด็นของเรื่องนี้ ผมคิดทบทวนว่าจะเขียนเพื่อแชร์เล่าสู่กันฟังกันดีมั้ย เป็นเวลาแล้วเกือบปี ผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมจะเขียนไปนี้มันจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านรึปล่าว หรือเป็นเพียงแค่การบรรยายเรื่องราวอันน่าสมเพชของตัวผมเอง แต่ตอนนี้ ผมตัดสินใจแล้วละ ว่าผมจะเล่า
เรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม ของปี 2013และสิ้นสุดแค่เพียง มกราคม 2014จะว่ามันสั้นมากก็ใช่แต่เพราะมันอาจจะเป็นความรักครั้งแรกของผมและอาจเป็นความรักครั้งสุดท้ายในอารมย์ของหนุ่มสาว
ผมซึ่งเป็นคนธรรมดาคนนึง ที่ใช้ชีวิตสนุกๆ กับกิจกรรมสนุกๆต่างเรื่อยมาตั้งแต่เล็ก ไม่เคยคิดและสนใจในเรื่องความรักเลย แม้สักครั้งเดียว! เพราะผมให้นิยามเรื่องความรักว่าแบบหนุ่มสาว ว่ามันคือเรื่องของคนสวยหล่อเค้าเท่านั้น เราคนหน้าตาไม่ดี ไม่มีสิทธิ์ อย่าได้แม้แต่คิดซักนิดเดียว เดี๋ยวจะเจ็บช้ำเอาปล่าวๆ ผมคิดแบบนี้จริงๆโดยบริสุทธิ์ใจ เพราะตลอดเวลาชั่วชีวิตของผม ทำให้ผมเห็นคนรอบข้างที่ผิดหวังกับความรัก อกหัก แล้วต้องเจ็บปวดอยู่มากมาย ซักพัก พอหายก็เริ่มไปรักใหม่ แล้วพอผิดหวังก็กลับมาเจ็บอีก วนไปวนมา อยู่อย่างนั้น มันยิ่งทำให้ผมไม่กล้าที่จะรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นเลย โดยส่วนตัวผมเป็นโรคกลัวการผิดหวังมากๆ ผมรู้ตัวดี นั้นจึงทำให้เวลาผมจะทำอะไรก็ตาม ผมจะทำอย่างพยายามด้วยความตั้งใจ ให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด
เข้าเรื่องผมตอนนั้นอายุ 29 กำลังเป็นช่วงที่กำลังสนุกกับทุกๆอย่างในชีวิตเลยจริงๆ ทั้งเรื่องงาน สังคม เพื่อนฝูง คือมันทำอะไรก็เข้าเป้าไปซะทุกอย่าง แล้วที่สำคัญผมกำลังบ้างานเป็นพิเศษ ผมทำงานอยู่ organize design agency แห่งหนึ่ง ใน กทม. ชีวิตผมวันๆคือ ดีไซน์ วิจารณ์ ขายงาน วนอยู่แบบนี้ทุกวัน โดยที่ไม่เคยตันเลยซักครั้ง เวลาเราทำงานพวกนี้ ยิ่งมีคนชอบ เรายิ่งมีกำลังใจทำงานชิ้นต่อไป เป็นเหมือนการเติมพลัง บวกกับยังมี side project เป็น motion graphic ที่ทำกับกลุ่มเพื่อนด้วยกัน คือทำ party event เอา Dj producer มาจัดงาน มันยิ่งทำให้เราสนุกกับสิ่งที่ทำเอามากๆ ช่วงต้นOCT 2014 ผมก็ได้จัดงานๆนึง ซึ่งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนี้ ในงานนั้นผมได้ช่วยกันทำ visual กับเพื่อน ซึ่งมันถือว่าเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก เพราะเป็น Artist คนนึงที่จะได้มาเล่นในงานที่ผมชอบเค้ามาก เลยเต็มที่ในงานนี้เป็นพิเศษ ระหว่างที่งานกำลัง sound check ก่อนที่งานจะเริ่มนั้นผมก็อัพรูปบรรยากาศงาน ลง page ทั่วๆไป ก็มี comment มาทักทายกันปกติกันธรรมดา แต่แล้วก็มีคน add friend เข้ามาที่ผม ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่ง party เริ่มขึ้น
ในวันนั้น ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี artist เล่นกันเต็มที่ ออกมาดีกันทุกคน จนกระทั่งงานจบลง ก็ได้มี message เข้ามาทักทายผมกันปกติ เช่นคำชื่นชมที่งานจัดออกมาดี ผมที่ด้วยความที่วันนั้นมันสนุกมาก ผมก็หลุดชวนมา after party กันต่อที่บ้านที่ร้านผม ก็มีคนอยากตามกันมาอยู่บ้าง คุณเข้าใจใช่ป่ะว่าเวลาคุณจัดงานอะไรซักอย่างแล้วคนมางานคุณ และมันสนุก มัน Proud มากแค่ไหน
ต่อมาอีก2 วันโดยประมาณ ก็ได้มีคนที่ inbox มาชวนผมคุย โดยตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากคุย เพราะสำหรับคนจากทาง online แล้ว ผมไม่เคยคิดจะสนใจเลย ต้องบอกก่อนว่าช่วงนั้น ผมมีแผนที่กำลังจะไปเรียนต่อ ที่ต่างประเทศอยู่ แต่ผมยังไม่ได้บอกใครนะ ตอนนั้น เพราะมันเป็นแค่แผน คนที่จะรู้เรื่องนี้ จะเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันจริงๆที่จะรู้ แต่แล้วเธอคนนนี้ก็เข้ามาพร้อมกับ topic การไปเรียนต่อต่างประเทศ นั้นคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทั้งหมดที่กำลังจะเริ่มขึ้น
หลายๆคนคงจะรู้ว่า ช่วงปลายปีเนี่ย บ้านเราจะมีงานและเทศกาลต่างๆเยอะมาก แต่สำหรับตัวผมเองมันได้รวมเอาวันเกิดของตัวผมเองเอาไว้ด้วย มันจึงทำให้มันดูพิเศษเอากว่าชาวบ้านคนอื่นเอามากๆ ท่าไล่เรียงกันตามวัน ก็จะประกอบไปด้วย Halloween ลอยกระทง my birthday X'mass และจบด้วย New year eve
ใน inbox นั้น เธอได้ชวนคุยถึงที่ๆเธอกำลังเลือกที่จะไปเรียนต่อ โดยที่เธอมีตัวเลือกอยู่3-4ที่ ระหว่างนั้น ผมก็ได้ถามว่า แล้วจะไปเรียนต่อด้านไหนหรอ ที่ถามตอนแรกไป เพราะความอยากรู้ เฉยๆ เพราะผมคิดว่า คนแปลกหน้าคุยกัน ก็คงไม่มีความสำคัญอะไรกันหรอกมั้ง? เธอบอกว่า จะไปเรียนต่อด้าน investment and financial ซึง่ผมบอกตามตรงว่า พอได้คำตอบนี้มา ผมอยากจะปิดเครื่องหนี เพราะผมห่างไกลกับเรื่องพวกนี้มากๆ ไม่รู้เรื่องอะไรกับพวกงานสายนี้เลย ผมเลยถามเธอว่า แล้วเธอทำงานอะไร? เธอตอบว่า เธอ trade หุ้น ผมก็เลยไม่ได้คุยต่อถึงประเด็นที่เธอจะไปเรียนต่อ แต่กลับไปถามถึงลักษณะงานว่าเป็นไง ยากมั้ย บลาๆๆ มาถึงซักพักอยู่ดีๆ เธอก็ให้โหวตว่า ควรไปเรียนที่ไหนดี ผมมก็งง เพราะอยู่ดีๆมาถามคนแปลกหน้าได้ไง แถมไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ด้วย ผมก็เลยเลี่ยงจะไม่ตอบ และหยุดการสนทนาในครั้งแรกไว้แค่นั้น
แต่อีกวันต่อมา เธอก็ทักมาอีก ชวนคุยเรื่องทั่วๆไปถามมาผมก็ตอบไป ไม่ได้สนใจมากมาย จนอยู่ๆเธอก็ให้ผมโหวตอีกครั้ง โดยเธออ้างว่า ตอนนี้เพื่อนๆเธอโหวตประเทศที่จะไปเรียนต่อกันครบแล้ว เหลือผมเป็นเสียงสุดท้าย ผมก็ด้วยความที่อยากจะตัดรำคาญ เลยบอกไปมั่วๆ พร้อมกับบอกว่า อย่าอิงอะไรกับเรามากนะ เอามั่ว แนะนำเธอจริงๆจังไม่ได้หรอก และหลุดไปว่า แต่ถ้าเป็นสาย ART เรายังพอแนะนำได้ เพราะผมมีแผนจะไปเรียนต่อที่ San Francisco มันมีอยู่ที่นึงที่ค่อนข้าง แข็งอยู่พอสมควรสำหรับสายนี้<<<<<นี่คือการหลุดสำหรับคนอย่างผม เพียงเพื่อจะได้ให้จบประเด็นนี้ไป แต่ไม่เลย เธอกลับบอกว่า จริงๆเธอเลือกที่นี่เป็นที่แรกสำหรับการไปเรียนต่อ แต่ไม่ได้เอาลงไปในตัวเลือก สำหรับการโหวต พร้อมกับถามว่า แล้วผมเองจะไปเรียนต่อเมื่อไหร่......
แหะๆในใจผม เกิดความงงพร้อมกับประหลาดใจ ปนดีใจว่าเห้ย จริงอ่ะ นี่จะกำลังไปเรียนต่อแบบเงียบๆแบบเหงาๆแน่ๆ ดันมีคนแปลกหน้าจะไปเรียนที่เดียวกันเลย จริงดิวะ
นาทีนั้นไม่ได้คิดไรอย่างอื่นเลย เรื่องชู้สาวหรืออยากจีบนี่ไม่มีในหัวเลย ผมหน้าตาไม่ดี เจียมตัวเองอยู่แล้ว ไม่คิดแน่นอน
คุยกันไปคุยกันมาดันเริ่มค่อยๆสนิทโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะเธอจะชอบทักมา ช่วงที่ผมกำลังว่างหรือนั่งเล่นเรื่อยเปื่อยแบบได้จังหวะตลอด เออ แปลกดีไหมละ คือหลังจากคุยกันไปซักพักจากที่แค่ทักทายกันธรรมดา ก็เริ่มมีเรื่อง life Style แนวดนตรี Fashion เข้ามาเรื่อยๆ โดยที่ซักพักหลังจากนั้นประมาณเกือบเดือน คุยกันเกือบทุกเรื่อง โดยเฉพาะ เรื่องดนตรี คือเธอ ชอบ EDM เหมือนๆกัน ณ ตอนนั้น
มีครั้งนึงช่วงระหว่างนั้นเพื่อนผมมันกำลังจะแต่งงาน+กับตอนนั้น “Curfew” ผมแมร่งตอนนั้นกะจะจัดงานปาร์ตี้สละโสดให้เพื่อน แต่จากที่ถามๆเพื่อนด้วยกันเองเนี่ย ก็ไม่ชัวร์ว่าร้านเหล้ามันจะเปิดกันรึปล่าว บางคนบอกปิด บางคนบอกเปิด ตอนนี้งง ใจนึงก็อยากให้เพื่อนได้สนุกในช่วงสุดท้ายก่อนแต่งงาน "เอ่อ....ขอบอกกันก่อนนะว่าสำหรับพวกกลุ่มผมเนี่ย ออกไปกินปาร์ตี้สละโสดเนี่ย คือออกไปกินเหล้า ออกไปสนุก ออกไปเมา ออกไปแจม ไม่ได้ต้องการปาร์ตี้แบบหาผัวหาเมีย กลุ่มเพื่อนผมและตัวผมเนี่ย ไม่เคยมีแบบนั้นแน่นอน เมากันแล้วกลับบ้านอย่างเดียว" เพราะงั้นตัดไปได้เลยการไป lounge Karaoke ลงอ่าง ไม่มีในหัวผมแน่นอน ผมค่อนข้างแอนตี้เรื่องพวกนี้มาก เพราะผมคิดว่าการที่เราไม่ไปในที่อโคจร จะช่วยให้เราไม่ต้องเจอกับวงโคจร กับคนแย่ๆ ที่จะเข้ามา พวกเราคิดแบบนี้ ด้วยความที่ไม่รู้ไปไหน แต่แล้วอยู่ๆเธอก็ทักเข้ามา ผมก็เลยบอกเรื่องพวกนี้ไปว่า อยากจัดงานให้เพื่อนแต่ไม่รู้ไปไหนดี คำตอบที่ได้คือ อยากได้สาวสวยแค่ไหน ผมนี่งงเลย คือไม่ได้คิดไรเยอะ แค่นึกในใจ เอาสาวสวยไปทำไมวะ กูอยากได้เพลงเปิดมันๆ เฉพาะทางแปลกๆน้อ ไรแบบนี้ เธอก็ร่ายชื่อร้านมา ผมก็จำๆ แล้วเอาไปบอกต่อเพื่อนอีกที เพื่อนคนนึงบอก จะไปทำไมวะร้านพวกนั้น มัน Koyoty ชัดๆ ไม่เอา วู้ววว!! ผมก็ อ่าวหรอ กูก็ว่าไม่คุ้นนึกว่าเปิดใหม่ ฮ่าๆ ผมคงอ่อนกับที่พวกนี้จริงๆ ** ฮ่าๆ สรุป เลยออกไปหาร้านนั้งกินกันเอง แต่ไปได้ไม่เท่าไหร่ก็กลับ ล่ม เพราะเมียเพื่อนผมโทรตาม จบไปอีกวัน
พอวันต่อมา เธอก็ทักมาถามว่า **เป็นไงร้านที่เลือกให้ ดีมั้ย? ผมก็ตอบ อืม ไม่ได้ไปอ่ะ มันคนละแบบกัน อ่อ ผมลืมบอกไปว่าคืนที่พวกผมออกไป party กันอ่ะ เธอก็ไปของเธอมานะ แถมเป็นครั้งแรกที่เธอส่งรูปให้ผมดูว่าเธอแต่งตัวแบบนี้ ดีมั้ย และยังเล่าให้ผมฟังว่าเธอโดนฝรั่งลวนลาม ผมก็คิดในใจ อืม ไม่ค่อยดีเลยเนอะแต่ลึกๆแบบกวนประสาท แมร่งเกี่ยวไรกับกูวะ ไม่ได้รู้จักกันซักหน่อย บอกทำไม? จากนั้นก็คุยนั้นนี่ไปเรื่อย
ตั้งแต่เราคุยกันมา เราคุยกันแค่ทาง inbox facebook ตลอดนะ ไม่เคยโทรคุยเลย คือในครั้งต่อไปนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราโทรคุยกัน โดยที่เธอขอไลน์ผม ผมก็ให้ไปเป็นปกติ แต่ไม่ได้คิดไรนะ เพราะเธออ้างว่า ช่วงนี้ facebook เธอค้างบ่อย line น่าจะสะดวกกว่า ไม่รู้ผมทำอีท่าไหน เธอได้เบอร์ผมมาเฉย และเธอก็โทรมาหาผมเป็นครั้งแรกนะ ที่เราได้คุยกัน เราได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ โดยเธอชื่อว่า YY
**คือจุดที่เป็นที่สังเกตุที่จะมาเชื่อมโยงเมื่อผมเล่าไปเรื่อยๆ,ความผิดปกติ
***ขอขั้นไว้ก่อนนะตรงนี้ ระหว่างที่ผมกำลังพิมพ์นี้ มือผมสั่นไปหมด เพราะมันคือการระลึกถึงความเจ็บช้ำ และล้มลงในหลุมลึกที่สุด ที่เคยเจอมา+กับวันนี้คือวันเกิดผมเอง วันที่ผมเลือกที่จะอยู่เงียบเพื่อเขียนระบายบางอย่างออกมา
***ผมเคยเชื่อว่าความรักที่ดี มันจะต้องเกิดขึ้นเองโดยที่เราไม่ต้องไขว้คว้า
***ผมกลับมาเชื่อคำของผู้ใหญ่หลายๆคนอีกครั้ง ว่าคบคนอย่าดูที่ภายนอก ต้องศึกษากันนานๆ
***ปัญหาที่แย่ที่สุดคือเมื่อชีวิตคุณมีพร้อมทั้งงานและอนาคต คุณจะไม่เชื่อฟังใครทั้งนั้น เพราะคุณคิดว่าคุณแน่ EGO คุณมันจะบังตาทุกอย่างไปหมด ใครเตือนอะไรไม่เคยฟัง!
****เดี๋ยวมาต่อครับ