พรหมลิขิต กับความบังเอิญ แท้จริงแล้วคือเรื่องเดียวกันใช่มั๊ย???

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าเขียนผิดๆถูกๆ หรือทำอะไรผิดขออภัยก่อนเลยนะคะ สาวแว่น

เราเคยเชื่อเรื่องของพรหมลิขิตนะคะ เชื่อว่าสักวันจะเจอคนที่ใช่สำหรับเรา (ออกแนวเพ้อฝันตามประสาสาวโสดค่ะ ตอนนี้ 25 แล้ว) การได้เจอใครสักคนที่อยู่กันไกลคนละจังหวัด แล้วโคจรมาพบกันเคยเชื่อว่ามันคือพรหมลิขิตค่ะ งานที่เราทำต้องเดินทางบ่อยทำให้ได้เจอคนมากมาย ได้รู้จัก ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า
                เราขอเล่าเกริ่นๆก่อนนะคะ เราเคยมีแฟนคนนึงค่ะคบกันได้ 9 ปี เราคิดว่ามันคือพรหมลิขิตนะที่ทำให้คนสองคนได้รู้จัก ได้รัก ได้รู้สึกดีๆต่อกัน
(คบมานานคิดว่าคนนี้แหละคือคนที่เราจะต้องแต่งงานด้วย) แต่แล้วก็เหมือนทั่วๆไปนะเมื่อถึงเวลาของมัน ความรักกลับต้องยุติลง เอาจริงๆไม่ถึง 9 ปีด้วยซ้ำค่ะ เพราะปีที่ 9 เค้ามีคนอื่นไปแล้ว แต่ด้วยสัญชาตญาณของผุ้หญิงก็จับได้น่ะแหละค่ะว่านอกใจกัน ก็เลิกลากันไป แฟนใหม่เค้านี่แสบสุดๆค่ะอยู่บริษัทเดียวกันแต่คนละแผนก มีไลน์มาต่อว่าเราว่าอย่าไปยุ่งกับแฟนคนอื่น แถมยังไปบอกเพื่อนๆที่ทำงานให้เกลียดเรา โพสหน้าทามไลน์แขวะบ้าง เค้าก็ปกป้องคนใหม่ของเค้านะคะ เรานี่โทรมเป็นเดือนๆเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราก็กลับมาแข็งแกร่งได้ (เวลาสมานแผลได้จริงๆนะ) วันนี้เพื่อนๆก็บอกว่าเราดูดีกว่าตอนมีแฟนเยอะ อมยิ้ม01 ก็ต้องขอบคุณผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้เราเป็นอิสระเพื่อจะได้เจอคนดีๆอีกครั้ง ความเจ็บปวด และความแค้นในใจของเรา เลยทำให้เราแอบหมดศรัทธาในรักไปครึ่งหนึ่งค่ะ สร้างกำแพงให้ตัวเองมากขึ้น มีเพื่อนร่วมงานจีบบ้าง มีมาคุยบ้าง เราก็พยายามเลี่ยงๆ ไม่กล้ารักใครเลย (เพื่อนในแผนกจะแต่งงานกันหมดละ) กลายเป็นคนไม่เชื่อในพรหมลิขิตซะงั้น มองว่ามันคือเรื่องบังเอิญไปซะหมด (ตอนรักก็มองว่าคือพรหมลิขิต พอเลิกลาไม่รักก็กลายเป็นเรื่องบังเอิญ มันต่างกันมากมั๊ยคะ) ตอนนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ในที่สุดก็เหมือนจะมีคนมาพังกำแพงซะอย่างงั้น เมื่อมีหัวหน้าแผนกคนใหม่เข้ามา เป็นผู้ชายที่ดูดีคนหนึ่งเลยค่ะ เขาดูมาดๆเก็กๆค่ะ เวลาประชุมคนอื่นออกความเห็นเขาก็พูดคุยปกตินะคะ แต่พอเราเสนออะไรเขาดูเมินๆ ก็ไม่คิดอะไรค่ะ พอได้ทำงานด้วยกันมากขึ้น มีโอกาสออกไปเจอลูกค้าด้วยกัน (พี่อีกคนไม่สบายเราก็เลยได้ไปแทนค่ะ) ก็เลยได้คุยกันนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆค่ะถามคำตอบคำ!! เราแอบมองเขานะคะเพราะเขาดูดีจริงๆ พอมองไปที่มือเขามีแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายซะแล้ว เห้อ จบข่าวเลยค่ะท่านผู้โช้มมมมมมม (เราเริ่มชอบเขามากขึ้น แต่รู้ว่ามันผิดก็จะไม่แสดงออกอะไรค่ะ ที่สำคัญก็ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าเขาแต่งงานแล้วจริงมั๊ย) ก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
                 แต่แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันคือความบังเอิญหรือพรหมลิขิตนะคะ เราไปเดินซุปเปอร์ทุกๆสิ้นเดือนอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ที่ไม่เหมือนทุกครั้งเพราะเราเจอหัวหน้าแผนกคนนี้แหละค่ะ เราจอดรถด้านหลังเยื้องรถเขาค่ะ เรากลัวเขาเห็นเลยหลบๆไว้ (เขามาคนเดียว) เราก็เดินเลี่ยงไปเข้าประตูอื่น เดินไกลมากไม่อยากเจอค่ะ (ไม่อยากมโนเพ้อรักข้างเดียว) พอเข้าไปก็ปวดฉิ้งฉ่องค่ะ เลยซะแว้บไปเข้าห้องน้ำ แล้วตอนเดินออกมาแม่เจ้า!! เขาเดินผ่านหน้าห้องน้ำพอดี เรานี้หลบแทบไม่ทันเลยค่ะคิดว่าเขาคงไม่ทันเห็น หัวใจนี่แทบทะลุออกจากอกค่ะ เราก็เดินเลือกซื้อของเรื่อยๆ อย่างกับในละครแน่ะค่ะเจออีกแล้ว (ห้างตั้งใหญ่ ทำไมวนมาเจออยู่ได้) ก็เหมือนเดิมค่ะหลบแต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้เขาเห็นหรือเปล่า เหนื่อยกว่าเดินซื้อของอีกต้องเดินเลี่ยงๆหลบๆเพราะไม่อยากเจอ เฮ้ออออ เราก็มองๆเขาเพื่อที่จะได้หลบเลี่ยงก็มองหาไม่เจอค่ะ พอคิดเงินเท่านั้นแหละเท่านั้นจริงๆเดินมาจ๊ะเอ๋เต็มๆเลยจะคิดเงินช่องเดียวกันซะด้วยเขาเดินมาก่อนนะคะ แต่เขาให้เราคิดเงินก่อนเราก็ทักทายสวัสดีตามประสาลูกน้องเขาก็ยิ้มรับ อมยิ้ม04 ค่ะ ยิ้มรับ!!! พอคิดเงินเสร็จเรานี่รีบเดินจ้ำๆๆๆๆ ไปที่รถทันทีเลย แล้วมันก็บังเอิญแบบนี้บ่อยขึ้นไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านชำหน้าบริษัท ร้านกาแฟ ฟิตเนต (ทั้งๆที่ไม่น่ามาเจอกันได้) เคยมีครั้งนึงนะคะเรากำลังขึ้นรถแล้วมีพี่ที่เป็นเกย์ขอติดรถไปด้วยเขาอยู่ชั้นสองของร้านกาแฟค่ะ มองตามเข้ามาในรถมองแบบจ้องสุดๆเลย ไม่รู้ทำไมจนเราขับรถออกไป มันคงเป็นความบังเอิญซะมากกว่าซินะ ดูจากมือแล้วเขาก็คงมีคู่อยู่แล้ว เรื่องส่วนตัวคนที่ทำงานก็ไม่มีใครกล้าถามเขา เขาก็เป็นคนอารมณ์ดีกับลูกน้องทุกๆคนนะคะ แซวๆ หยอดมุกตลกบ้าง เขาน่ารักเป็นกันเองดี แต่ไม่เคยกับเราคนเดียวค่ะ (เราก็หน้าตากลางๆนะ ไม่ได้แย่มากมาย ทำไมเขาถึงเลือกปฏิบัติ) พอจะรู้สึกดีกับใครก็เป็นแบบนี้ซะ หดหู่เลยค่ะ เดี๋ยวต้นธันวาเราก็ต้องยื่นใบลาออกแล้วเพราะจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัวกับที่บ้าน ป๊าไม่อยากให้ขับรถไปต่างจังหวัดคนเดียวบ่อยๆ เราก็คงไม่ได้เจอกับเขาแล้วล่ะ จะได้ไปให้ไกลๆหูไกลๆตาเค้าซะที
                 สุดท้ายแล้วเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาก็คงเป็นแค่เรื่องของความบังเอิญล้วนๆ ไม่ใช่ พรหมลิขิต ใช่มั๊ยคะ?????? อายุก็มากขึ้นทุกวันจะไปหาพรหมลิขิตได้จากที่ไหนอีก ยิ่งไปทำงานกับที่บ้านก็คงเจอคนน้อยลง ขอบคุณนะคะที่ทำให้หัวใจมีเลือดสูบฉีดได้ระยะหนึ่ง เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนที่จะทำงานร่วมกัน เฮ้อออออออออออออ



ขอบคุณนะคะสำหรับคนที่สละเวลาอันมีค่ามาอ่าน มาแชร์กันนะคะว่า พรหมลิขิต กับความบังเอิญของคุณเป็นแบบไหน แล้วตกลงคำสองคำนี้มันเหมือนหรือแตกต่างหรือเปล่า แล้วคุณเชื่อในพรหมลิขิตไหม?????

ถ้าเขียนผิดๆถูกๆก็ต้องขออภัยด้วยนะคะมือใหม่หัดเล่นค่ะ คืออึดอัดมากๆค่ะเลยอยากระบาย ขอบคุณล่วงหน้าทุกคอมเม้นต์ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่