"เครื่องนุ่งห่มที่ดีที่สุดคือเครื่องนุ่งห่มแห่งความยำเกรง"

يَا بَنِي آدَمَ قَدْ أَنْزَلْنَا عَلَيْكُمْ لِبَاسًا يُوَارِي سَوْآتِكُمْ وَرِيشًا ۖ وَلِبَاسُ التَّقْوَىٰ ذَٰلِكَ خَيْرٌ
ۚ
ذَٰلِكَ مِنْ آيَاتِ اللَّهِ لَعَلَّهُمْ يَذَّكَّرُونَ

โอ้ บรรดาทายาทของอดัม!,แท้จริง เราได้ให้ เครื่องนุ่งห่มแก่เจ้าเพื่อปกปิดความอับอาย,
และทำให้แลดูดี,แต่เครื่องนุ่งห่มที่ดีที่สุดคือเครื่องนุ่งห่มแห่งความยำเกรง(ความทรงไว้ซึ่งคุณธรรม)นั่นเป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง,
นั่นคือส่วนหนึ่งจากนานาสัญญาณของอัลลอฮฺ บางทีพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ (7:26)



(ภาพ Native amazon tribe)


จากบัญญัติ 7:26 นี้ สอนให้เราเข้าใจว่า, อัลลอฮ์ทรงสร้างมนุษย์มาอย่าง "เปลือยและโดดเดี่ยว" (6:94) จิตวิญญาณในความบริสุทธิ์ที่เปลือยของเราไม่มีความละอายเพราะยังไม่มีความผิด, แต่หลังจากที่มันถูกสัมผัสด้วยความผิดที่ครอบคลุมจิตวิญญาณที่ บริสุทธิ์ของเรา มันทำให้เราเกิดความละอายในความเปลือยเปล่า, ดังนั้นเสื้อผ้าจึง กลายเป็นความจำเป็นสำหรับเราในการปกปิดร่างกาย, แต่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ดีที่สุดคือความชอบธรรม,ความมีคุณธรรมทางจิตใจ และความยำเกรงต่อ อัลลอฮ์ ซึ่งครอบคลุมความเปลือยเปล่าของบาปและประดับประดาผู้ที่ทรงไว้ด้วยคุณธรรม  

  จากคำสอนและคติธรรมที่ เราเรียนรู้จาก อัลกุรอานบัญญัตินี้ ทำให้เราเข้าใจได้ว่า ในบางสังคม ของมนุษยชาติ ที่ยังอยู่กันอย่างโดดเคี่ยว ไม่เคยสัมผัสกับอารยธรรมที่ ครอบคลุมไปด้วย ความบาป และสิ่งที่น่าอับอาย, ลามกอนาจาร  ดังเช่น ชาวบ้านพื้นเมืองของ ลุ่มแม่น้ำ อเมซอน (native amazon tribe)นั้น เป็นตัว อย่างให้ เห็นความแท้จริงของบัญญัติของพระเจ้า ว่า “เครื่องนุ่งห่มแห่งความยำเกรง” นั้นสำคัญกว่าเครื่องแต่งกายภายนอก

  ชาวบ้านพื้นเมืองของ ลุ่มแม่น้ำ อเมซอน ที่อยู่ในสังคม ที่ประกอบด้วยหลายๆครอบครัว,และสังคมของ คนหนุ่มสาว และผู้ที่มีครอบครัวแล้ว สามารถจะทำกิจการงาน ตามความรับผิดชอบของหน้าที่ของแต่ละคนในสังคมของพวกเขา ร่วมกัน โดยไม่ต้องเกรงว่าจะมีการข่มขืนและทำอนาจาร,  ที่กล่าวเช่นนี้ได้ ก็เพราะว่า ถ้าในสังคม ในสภาพเปลีอยเปล่า เช่นนี้ มีอาชญากรรมทางเพศ แล้ว สังคมของเขา ไม่อาจจะอยู่อย่างสงบสุขและมีลูกหลานสืบต่อๆกันมาได้, และอีกประการหนึ่ง ถ้าพวกเขาไม่มีการควบคุมทางคุณธรรมทางใจในเรื่องเพศแล้ว ประชากร คงจะสูงขึ้น แทนที่จะลดน้อยลง

   ดังนั้นในศาสนาอิสลามจึงย้ำเรื่องเครื่องนุ่งห่มที่ดีที่สุดคือเครื่องนุ่งห่มแห่งความยำเกรงเป็นข้อแรก, กำหนดมารยาทของชายในการสังคมกับเพศหญิงไว้อย่าง รัดกุมคือ มีบัญญัติให้ เพศชาย ควบคุมอารมณ์ใคร่ไว้ก่อนอื่นห้ามจ้องมองเพศหญิงอย่างหื่นกระหาย, อดกลั้นอารมณ์โดยการ ควบคุมอวัยวะเพศให้บริสุทธิ์จนถึงวันแต่งงาน ซึ่งพระเจ้าบัญญัติไว้ใน บัญญัติที่ 24:30 อย่างชัดเจน

{24:30} จงบอกแก่บรรดาบุรุษผู้มีศรัทธา ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาอวัยวะเพศของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ

    เราคงเคยได้ยิน การทดลอง ในนิวยอรค์ เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า “ฮิญาบป้องกันการลวนลามได้”  http://ppantip.com/topic/32830008
การทดลองนั้น มีข้อบกพร่อง หลายอย่าง เนื่องจาก ไม่ได้ทดลอง ใน “ประเทศมุสลิม” ในประชากรที่เป็นมุสลิม ที่ เรียนรู้บัญญัติที่ 24:30 ว่า ถ้าให้ผู้หญิงมุสลิม แต่งกายเช่นนั้น เดินผ่านชายมุสลิมอรับ(หรือมุสลิมไทย) แล้วเธอจะถูก มองหรือลวนลามหรือไม่?  การทดลองนั้นจะต้องทดลองใน หมู่ประชากร ที่มี วัฒนธรรมขนบธรรมเนียมเดียวกัน,  การสวมฮิญาบไม่มีหลักประกันในการป้องกัน อันตรายทางเพศได้แม้แต่ในประเทศมุสลิมที่มีกฏหมายบังคับให้สวมฮิญาบก็ตาม  เนื่องจากฝ่ายหญิงที่ถูกข่มขืนจะต้องหาพยาน 4 คน, มันเป็นการยาก, มันจะต้องเป็นการข่มขืนในที่สาธารณะเท่านั้น, แต่ถ้าท่าน เชค ข่มขืนสาวใช้ในบ้านตนเองแล้วไม่มีทางที่จะรู้สถิติที่แท้จริงได้เลย

     ในนิวยอร์ค เขาเรียกการกระทำลวนลามตามทางเท้าของชายเหล่านั้นว่า "การลวนลามทางเพศ" ผิดกฎหมายและ FBI  ได้ใช้ผู้หญิงเป็นเหยื่อล่อ ชายประเภทนี้ อยู่เสมอไม่มีอะไรเกี่ยวกับฮิญาบหรือการแต่งกายของหญิง, เรื่องเช่นนี้ เกิดในทุกๆสังคมทุกๆศาสนา ที่มีเพศชาย, ลองถามหนุ่มๆมุสลิมดูซิว่าเคยแอบมอง หญิงสวมสายเดี่ยวหรือไม่?   เรื่องการแต่งกายในนิวยอร์ค เช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก บางครั้งก็ไม่เป็นที่สนใจของผู้ใด, ในไชน่าทาวน์, ฮอลลี่วูด ฯลฯ  ยิ่งเป็นเรื่องธรรมดา  เมื่อสมัยก่อนหนุ่มๆมุสลิมตามตรอกสุเหร่า นั่งตามข้างทาง กระเซ้าหญิงทั้งมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมที่เดินผ่าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของชาวบ้านแถบนั้น

    ในกรณีชายมุสลิม ถ้าเธอถูกมอง หรือ ลวนลามมันจะเป็นความผิดของชายมุสลิมที่ไม่ เชื่อฟังบัญญัติ 24:30, ความผิดไม่ได้ตกอยู่ที่ฝ่ายหญิงมุสลิม, และเรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น ใน ชาวบ้านพื้นเมืองของ ลุ่มแม่น้ำ อเมซอน เมื่อเขามองเพศหญิงในหมู่บ้านของเขา เดินผ่านไปผ่านมา,เนื่องจากเขามีคุณธรรมเป็นเครื่องนุ่งห่มทางจิตใจของพวกเขา ที่ปกป้องความใฝ่ต่ำอยู่ตลอดเวลา

การบังคับเพศหญิงให้คลุมหัวปิดร่างกายเกินความหมายในหลักการของศาสนาอิสลาม,เพื่อป้องกันความหื่นกระหายทางเพศของเพศชาย ซึ่งไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ใคร่ ของตนเองได้นั้น เป็นการไม่ให้ความยุติธรรมแก่เพศหญิง, โดยที่ฝ่ายชายมุสลิมไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของ ศาสนาบัญญัติที่ 24:30 อย่างเคร่งคัด หรือ ไม่ปฏิบัติตามเลย, คือมีความหื่นกระหายทางเพศอยู่ตลอดเวลา เห็นเพียงแค่เส้นผมผู้หญิงบนหัว ก็ห้ามอารมณ์ไม่ได้แล้ว, เลยต้องอ้างศาสนาบังคับให้เพศหญิง คลุมหัว ซึ่งไม่มีบัญญัติไว้ในอัลกุรอาน ให้ผู้หญิงมุสลิมคลุมหัว

  ถ้าจะอ้างบัญญัติที่ 24:31 มายืนยันแล้ว, ในบัญญัตินั้นก็มีเพียงให้คลุมทรวงอก ด้วยผ้าที่คลุมหัวตามประเพณีอรับก่อนอิสลามแล้ว, ด้วยเหตุนี้ การคลุมฮิญาบจึงเป็นเรื่องของเพศหญิงที่จะตัดสินใจเองว่าจะคลุมหรือไม่คลุมหัวก็ได้  แต่ผู้หญิงมุสลิมจะต้องแต่งตัวอย่างสุภาพอย่างสำรวมไม่ประเจิดประเจ้อ โชว์ทรวดทรงจนเป็นการอุจาด

   ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นว่า ในสังคมมุสลิมไม่ว่าจะเป็นประเทศมุสลิม บางประเทศ หรือ ในสังคมไทย หรือ ในต่างประเทศในตะวันตกและยุโรปก็ตาม ผู้หญิงมุสลิม มีทั้งคลุมหัวและไม่คลุมหัว ซึ่งไม่ใช่ของแปลกอะไร, สำหรับในสังคมมุสลิมในประเทศไทยเรา การคลุมฮิญาบ นั้น มีเหตุผล 3ประการ

คือ  การคลุมหัวตามคำสอนในฮาดีษตามผู้รู้, ทางการเมือง,และทางการทำธุระกิจการค้า

   ถึงอย่างไรก็ตามอิสลามไม่มีข้อห้ามในการ คลุมหัว  แต่ไม่ควรมีการบังคับว่าเป็นหลักการของศาสนาอิสลาม, ผู้หญิง ยิว และ คริสเตียนก็คลุมหัว แต่เขามีเหตุผลว่าทำไมจึงต้องคลุม, ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องการป้องกันทางอารมณ์ของเพศชาย  เป็นการคลุมหัวที่ต่างวัตถุประสงค์กัน

แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากมุสลิมะส่วนมากเชื่อว่าฮิญาบได้เป็นหลักการของอิสลามเสียแล้ว  ดังนั้นทุกๆครั้งที่จะ เขียน,กล่าว,  ประพฤติ อะไรที่ออกนอกลู่นอกทางของหลักการของศาสนาอิสลาม ก็ขอให้นึกถึงฮิญาบที่อยู่บนศรีษะเป็นเครื่องเตือนใจ ว่า เรามีเครื่องหมายของศาสนาอยู่บนศรีษะของเรา ถ้าทำอะไรผิดไป เขาจะดูถูกสังคมมุสลิมได้

  ถ้าการคลุมฮิญาบเป็นหลักการของศาสนาอิสลามและเป็นข้อบังคับอย่างเคร่งครัดทางศาสนาแล้ว  ดร.ยูซุฟ อัมเกาะเราะฎอวีย์ หัวหน้าผู้นำมุสลิม ซุนนีย์ จะไม่ฟัตวา หรือ ออกบัญญัติ ให้ผู้หญิงมุสลิม แต่งตัวถอดฮิญาบ  ปลอม ตัวเป็นชาวตะวันตก หิ้วระเบิดพลีชีพทำจิฮาดกับชาวยิวได้โดยไม่ผิดหลักการของศาสนาอิสลาม.

ปล.
ภาพจาก
http://7wolu.blogspot.com/more
sis-komodos.blogspot
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่