สปอยล์*** Interstellar เรื่องเวลา(พุทธศาสนา)

ใครเป็นเหมือนผมบ้าง ตอนที่กลุ่มนักสำรวจไปติดอยู่ที่ดาวอะไรซักอย่างนึง ที่เทียบเวลาจากทฤษฎีสัมพัทธภาพแล้วเวลาหนึ่งชั่วโมงของที่นั่นเทียบเท่ากับเจ็ดปีของโลกมนุษย์ ผมชอบมากนะฉากที่ แม็คคอนนาเฮย์เผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมงานที่แก่ลง 23 ปี แล้วก็ร้องให้ตอนที่เห็นลูกชายตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่ผ่านวีดีโอกำลังอุ้มหลานของเค้า ที่ในหนังเหมือนจะพยายามแพนกล้องให้เราเห็นฉากที่พ่อกำลังมองดูลูกชายที่ดูเหมือนอายุเท่ากัน? ซึ่งเกิดจากการบิดเบี้ยวของกาลเวลาในอวกาศ... ถัดจากนั้นก็ขนลุกคือ มานั่งนึกๆดู ในพุทธศาสนา หรือในศาสนาฮินดู ที่บอกว่าเวลาในโลกมนุษย์ และ สวรรค์เวลาไม่เท่ากัน?

ในไตรภูมิพระร่วงนั้น เปรียบเวลาของสวรรค์กับมนุษย์ไว้ ดังนี้
1 วันของสวรรค์ชั้น จาตุมมหาราชิกา = 50 ปีโลกมนุษย์
1 วันของสวรรค์ชั้น ดาวดึงส์  = 100 ปีโลกมนุษย์
1 วันของสวรรค์ชั้น ยามา  = 200 ปีโลกมนุษย์
1 วันของสวรรค์ชั้น ดุสิต  = 400 ปีโลกมนุษย์
1 วันของสวรรค์ชั้น นิมมานรดี  = 800 ปีโลกมนุษย์
1 วันของสวรรค์ชั้น ปรนิมมิตวสวัตตี  = 1,600 ปีโลกมนุษย์


สวรรค์แต่ละที่ หรือแต่ละดวง? เวลาไม่เท่ากัน....ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์โดยส่วนตัวสำหรับผมนะ มันอาจจะเหมือนใน Interstellar ก็ได้นะ คือสวรรค์สำหรับผม คืออาจจะว่าเพ้อเจ้ออะนะแต่ว่าผมคิดมานานแล้ว แล้วก็มาเห็นอะไรที่สนับสนุนแบบนี้(คิดเอาเอง) เป็นไปได้หรือไม่ว่าสวรรค์แท้จริงแล้ว เวลาที่เราตาย วิญญาณ หรือว่า  ดวงจิตที่อาจจะหลุดพ้นจากขอบเขตทางด้านกาลเวลา มุ่งตัวมันเองไปสู่ อาจจะเป็นดาว.. ดวงดาวแบบ ดาวในกาแล็คซี่อื่น เที่มีโครงสร้างทางกายภาพ หรือ สิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาสุดๆในรูปแบบของมิติที่แปลกออกไป "ไกล" เกินที่เราจะจินตนาการได้ ...ทั้งๆที่เรื่องเวลาโลก สวรรค์ นรก อะไรแบบนี้มันแฟนตาซีมาก เป็นเหมือนกับเรื่องเล่า ในพรไตรปิฎกสมัยก่อนหลายพันปีทำไมมันดันมามีบางอย่างที่คล้องจองกับหนังไซไฟปัจจุบันที่พยายามสื่อถึงวิวัฒนาการ ความก้าวล้ำของมนุษย์ชาติในอนาคต?

เหมือนที่ส่วนตัวแล้วผมเคยคิดไว้ว่าเรื่องลึกลับ ไสยศาสตร์ หรือ เวทย์มนตร์ อะไรที่เราบอกว่าเพ้อเจอ (คือแบบที่เป็นสากลหน่อยนะครับ ไอ้แบบที่เอะอะก็จุดธูปไหว้ขอหวยแบบบ้านเรานี่ไม่เอานะ) ในปัจจุบันนี้ ในอีกหลายๆปีข้างหน้า ร้อยปีพันปี วิทยาศาสตร์ในสมันนั้นจะพิสูจน์ได้ว่ามันมีจริงนะ เป็นวิทยาศาสตร์ในระดับที่สูงมากอะไรแบบนั้น...อย่างในเรื่องจะเห็นว่าในตอนท้าย คูเปอร์ที่ติดอยู่ในแบบจำลองของกาลเวลาที่ "ผู้สร้าง"จำลองให้ก็พยายามติดต่อกับลูกสาวของตัวเองผ่านช่องว่างของเวลาที่บิดเบี้ยว ที่สำหรับมนุษย์ที่เชื่อในเรื่องลี้ลับก็เดาเอาว่าเป็นการสื่อสารของพลังงาน มวลสาร หรือว่า วิญญาณ ที่เรียกว่า "ผี" อะไรแบบนั้น...

ผมจำได้ว่ามีคนหนึ่งได้เคยอธิบายเรื่อง "สังสารวัฏ" ได้น่าทึ่งมากๆนะ เค้าคิดว่าบางทีโลกที่เราอยู่นี้คือระบบที่ "ผู้สร้าง" ออกแบบให้มนุษย์เรากลับมาเวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้นในโลกสามมิติใบนี้ด้วยแรงแห่งกรรม ซึ่งก็คือผลแห่งการกระทำของเรานั่นเอง ส่วน " พระพุทธเจ้า" ก็คือเจ้าชายหนุ่มชาวอินเดีย มนุษย์ธรรมดา ที่เปรียบได้กับนักวิทยาศาสตร์ ที่สามารถทำสิ่งที่อาจจะสุดยอดที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ซึ่งก็คือการตั้งโจทย์ เรียนรู้และทดลอง จนค้นพบวิธีการ สามารถแหกระบบ หลุดพ้นจากระบบที่ว่าได้ ผมคิดว่าตอนที่พระองค์ตรัสรู้คงเหมือนว่าแบบ ณ จุดๆหนึ่ง เกิดการรับรู้มองทุกอย่างทะลุทะลวงออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ไปไกลในระดับจักรวาล แบบทะลุทะลวง ขอบเขตของมิติ กาลเวลา ออกไป... อืม........ก็แลกเปลี่นความเห็นกันได้นะครับ ไม่รู้ว่า Tag ห้อ'ถูกหรือเปล่านะ ตอนแรกว่าจะเขียนมากกว่านี้นะครับ แต่พอเขียนปุ๊ป รู้สึกได้เลยว่าจะต้องไปไกลกว่าหัวเรื่องเยอะเลยคิดว่าหยุดดีกว่านะ 555



"สถาปนิก...ในที่สุดเราก็พบกัน" ...สิทธัตถะเผชิญหน้ากับ"ผู้สร้าง" ที่จำลองรูปกายให้เหมือนกับพระองค์ทุกประการ ความหล่อเหลาเต็มสิบเทียบเท่ากับ คีอานู รีฟ...



ผู้สร้าง...ที่หมายถึงต้นกำเนิดของกิเลสทั้งมวล




นี่ก็ผู้สร้าง คนละเรื่อง คนละความหมาย แต่ผมรู้สึกได้ว่าไกล้เคียงกัน...






อ้างอิงเวลาในไตรภูมิพระร่วง
http://hellandheavenexists.blogspot.com/2013/10/blog-post_360.html

ปล. ผมไม่มีอไีเกี่ยวข้องกับเจ้าของบล๊อกนะครับ แค่เค้าเขียนถึงเอาเวลาในโลกมนุษย์นรก สวรรค์ รูสึกว่าพอจะอ่านได้ และผมไม่ได้บอกว่าผมถูก ในหลายครั้งในบทความนี้ประกอบไปด้วยคำว่า "อาจจะ"  หรือว่า "โดยส่วนตัว" คือมันก็แค่ความคิดเล็กๆของผมเองนะครับ ผมไม่ได้ที่จะต้องการเอาความคิดนี้มาเป็นที่ตั้งอะไรเลยนะ แค่สงสัยอะนะ เขียนแบบขำๆ อย่าไปซีเรียสมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่