คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
(สปอยล์นะครับ)
ชอบแนวนี้ ต้องไปอ่านหนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
เหมือนกับในหนังที่บอกว่า นอกจากแรงโน้มถ่วงที่สามารถทะลุไปได้ในทุกมิติแล้ว แรงแห่งรักก็ทะลุไปได้ทุกมิติเช่นกัน
ในทางพุทธเขาเรียกแรงแห่งรักว่า สัญญา เวทนา ซึ่งข้ามภพไปได้แม้จะไปเกิดในมิติใหม่ก็ตาม
หรือถ้าเรากรวดน้ำให้คนที่เสียชีวิตไปแล้ว แม้เขาจะไปเกิดใหม่ต่างมิติ ก็สามารถรับรู้ได้
แต่ในหนังสือบอกว่า ตาเราไม่สามารถมองเห็นต่างมิติได้ เพราะตาถูกออกแบบมาสำหรับรับความเร็วแสงที่ 300,000 กิโลเมตร/วินาที เท่านั้น (มิติอื่นความเร็วแสงอาจมากหรือน้อยกว่า)
ดังนั้นในหนังที่ พระเอกหลุดไปในมิติที่ห้า แล้วสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ในมิตินั้นด้วยกายหยาบเป็นไปไม่ได้ (เปรียบเสมือนตาถูกออกแบบมารับสัญญาณช่องเจ็ด จะไม่สามารถรับภาพช่องสามได้ แต่กรณีนี้เกิดจากความถี่ไม่เท่ากัน ไม่ใช่ความเร็วคลื่นไม่เท่ากัน)
และเวลาในมิติที่สูงกว่าจะเดินช้ากว่าโลกมากๆ เช่น ชั้นดาวดึงส์วันเดียวเท่ากับบนโลกหนึ่งร้อยปี การที่พระเอกหลุดไปในอีกมิติหนึ่ง ถ้ากลับมาไม่มีวันที่จะกลับมาช่วงเวลาเดิมของโลกได้ จะต้องคลาดเคลื่อนระดับร้อยปีเลยทีเดียว แต่ในหนังดันกลับมาเจอลูกสาวอีก
เรื่องเวลายืดหด พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ก่อนแล้ว เพียงแต่นำมาตีความภายหลังว่า สวรรค์หรือนรกชั้นต่างๆ ก็คือ อีกมิติที่ต่างไปจากโลกสามมิติที่เรารับรู้
ชอบแนวนี้ ต้องไปอ่านหนังสือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
เหมือนกับในหนังที่บอกว่า นอกจากแรงโน้มถ่วงที่สามารถทะลุไปได้ในทุกมิติแล้ว แรงแห่งรักก็ทะลุไปได้ทุกมิติเช่นกัน
ในทางพุทธเขาเรียกแรงแห่งรักว่า สัญญา เวทนา ซึ่งข้ามภพไปได้แม้จะไปเกิดในมิติใหม่ก็ตาม
หรือถ้าเรากรวดน้ำให้คนที่เสียชีวิตไปแล้ว แม้เขาจะไปเกิดใหม่ต่างมิติ ก็สามารถรับรู้ได้
แต่ในหนังสือบอกว่า ตาเราไม่สามารถมองเห็นต่างมิติได้ เพราะตาถูกออกแบบมาสำหรับรับความเร็วแสงที่ 300,000 กิโลเมตร/วินาที เท่านั้น (มิติอื่นความเร็วแสงอาจมากหรือน้อยกว่า)
ดังนั้นในหนังที่ พระเอกหลุดไปในมิติที่ห้า แล้วสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ในมิตินั้นด้วยกายหยาบเป็นไปไม่ได้ (เปรียบเสมือนตาถูกออกแบบมารับสัญญาณช่องเจ็ด จะไม่สามารถรับภาพช่องสามได้ แต่กรณีนี้เกิดจากความถี่ไม่เท่ากัน ไม่ใช่ความเร็วคลื่นไม่เท่ากัน)
และเวลาในมิติที่สูงกว่าจะเดินช้ากว่าโลกมากๆ เช่น ชั้นดาวดึงส์วันเดียวเท่ากับบนโลกหนึ่งร้อยปี การที่พระเอกหลุดไปในอีกมิติหนึ่ง ถ้ากลับมาไม่มีวันที่จะกลับมาช่วงเวลาเดิมของโลกได้ จะต้องคลาดเคลื่อนระดับร้อยปีเลยทีเดียว แต่ในหนังดันกลับมาเจอลูกสาวอีก
เรื่องเวลายืดหด พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ก่อนแล้ว เพียงแต่นำมาตีความภายหลังว่า สวรรค์หรือนรกชั้นต่างๆ ก็คือ อีกมิติที่ต่างไปจากโลกสามมิติที่เรารับรู้
แสดงความคิดเห็น
(สงสัย)จากหนัง interstellar เรื่องการเลื่อมล้ำของเวลา
แต่มีจุดหนึ่งที่ผมดูแล้วเก็บมาคิด คือเรื่องของการเลื่อมล้ำของเวลา ที่ดาวดวงแรกที่พระเอกกับนางเอกไปนั้น 1= เท่ากับ 7 ปี บนโลกมนุษย์นั้น
ทำให้ผมเกิดข้อสงสัย เกี่ยวกับเรื่องราวที่ผมเคยอ่านเกี่ยวกับ เทพเทวดาในความเชื่อของศาสนาพุทธ ว่าเวลาเบื่องบนของเทพเทวดานั้น เลื่อมล้ำกับโลกมนุษย์ หลายเท่า เช่นว่า 1 วันบนสวรรค์เท่ากับหลายปีบนโลกมนุษย์อะไรทำนองนี้
มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าเทวดาหรือ เทพต่าง ที่เรานับถือนั้น จริงๆแล้วคือมนุษย์ต่างดาวที่เจริญแล้ว หรือไม่ หรือจริงๆแล้วคือมนุษย์ ในโลกอนาคตที่วิวัฒนาการ ก็เป็นไปได้
สำหรับคนที่ดูแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ ส่วนตัวชอบดีครับ ดูแล้วเก็บมาคิดตาม แล้วจุดเลย
ปล.ชอบทาร์ก และเคส ในเรื่องมากครับ อิอิ