---เดี๋ยวนี้ทั่นๆเป็นถึงขนาดนี้กันแล้วเหรอครับนี่ ผมนี่ขนพองเป็นฟองน้ำขึ้นราเลย

นัดเจอเพื่อนสมัย ม.ต้น ไม่เจอกันนานสี่ ห้าคน กินข้าว คุยกันแต่ส่วนมากเล่นมือถือนะ ฮ่าๆ
แล้วก็ถ่ายรูปกัน  พอคนนึงถ่ายทุกคนกรูมาดูรูป อิเจ้าของดูหนังหน้าตัวเองก่อน

"เฮ้ย หน้าบาน"  อ่ะลบ.....กรูยังไม่ทันได้เห็นหนังหน้ากรูเลยเม่าฝนตก

อีกรูป

"เฮ้ย  ไม่ไหวว่ะ กรูอยู่หน้า หน้าก็อ้วนสิวะ"  ลบอีกภาพ เอิ่ม moment ที่ควรจดจำนั้นหายแว้บ
"มุงมาถือกล้องเลย" อ่ะ ภาระตกที่ผม ถือ ถ่าย
"เดี๋ยวๆ" จัดที่จัดทางแทบจะตบกันตาย ถ่ายแช๊ะ เช็คๆ ซูมๆๆๆๆๆ


ถ่ายสามล้านสิบสองรูป อนุมัติเซ็นต์ผ่านงานมารูปเดียวเม่าในกองไฟ

ผม.. "เฮ้ยลงรูปด้วยนะ จะไปเซฟภาพ"

เด็ดสุดคือจุดนี้ ความรู้ใหม่สำหรับผมมาก

"รอก่อน ลงตอนนี้เดี๋ยวไม่มีคนกดไลท์"

ตึง สตั้นไปสามวิ ตอนนี้คือเกือบจะห้าทุ่ม

"ทำไมวะ"

"ก็ลงตอนนี้ชาวบ้านเค้าหลับหมดแล้ว ใครจะมาดู"

อ่าว ก็กรูกับเพื่อนๆที่นั่งนี่ไง

"จำไว้นะคะคุณยิ้ม เวลาลงรูปนะ คือตอนเช้าก่อน 9 โมง คนไปทำงานกัน อยู่บนรถไฟฟ้า รถเมล์ รถติด
เค้าเล่นมือถือกัน เป็นฤกษ์ดี (คือยิ้มจะลงรูปหรือลงเสาเอกสร้างเรือน)

ต่อมาตอนเที่ยง เค้าพักทานข้าวกัน ลงตอนนี้ไลท์มาเป็นน้ำป่าเลยค่ะ

ส่วนอีกช่วงเวลาทองก็คือตอนเลิกงาน จำไว้นะคะ ลงรุปจะได้ไม่เก้อเพราะไม่มีคนมาไลท์ แบร่"


ผม.........เม่าตาสว่าง

"แล้วเวลาที่ไม่ควรลงล่ะ"

"ก็เวลาตั้งแต่ห้าทุ่มเป็นต้นไป คนจะนอน หรือเที่ยว hangout กัน ใครจะมาเล่นมือถือ"

เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์เม่าบัลเล่ต์  โอ้ว สตีฟจ๊อป นี่เค้าคิดค้นกันเป็นการเป็นงาน
เป็นทฤษฎีกันขนาดนี้เลยเหรอนี่

สรุปคุณเธอลงรูปตอนเช้า ก่อนเก้าโมงจริงๆ แต่ผมตื่นนู่นบ่ายสอง ตื่นมาไลน์มาเป็นร้อย ทวงไลท์รูปยิกๆๆๆๆๆ

เฮ้อ เป็นอะไรกันไปหมด เดี๋ยวนี้คนเราหาความสุขกันง่ายๆแค่นี้อ่ะนะ ปวดตด

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่