เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีการจัดงานชุมนุมศิษย์เก่าเล็ก ๆ ขึ้น ที่โรงเรียนสาธิตวิทยาลัยครูปักกิ่ง
ผู้ร่วมงานในวันนั้นมีราว ๆ 50 คน ทั้งหมดเป็นศิษย์เก่า อดีตอาจารย์ หรือไม่ก็ทายาทของอดีตอาจารย์ของโรงเรียนนี้
ช่วงหนึ่งในงาน หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นยืนอ่านปาฐกถาที่เธอเตรียมมาโดยเฉพาะ
ในปาฐกถานั้น เธอเล่าถึงเหตุการณ์สมัยที่เป็นนักเรียน เธอเคยเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานของหน่วยเฉพาะกิจ และต่อมาก็เป็นเรดการ์ด ชื่อเสียงเธอในฐานะเรดการ์ดถูกกระแสการเมืองพัดพา ราวกับใบไม้ที่ปลิวลม
เหล่าศิษย์เก่าฟังเรื่องราวจากปากเธอเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ต่างก็มีประสบการณ์ร่วม และก็รู้อยู่แล้ว เพราะเธอเป็นคนดัง
จนกระทั่งมาถึงเรื่องสำคัญที่สุดที่เธอเล่าในวันนั้น เรื่องราวของ "เปี้ยนจ้งหวิน"
เธอใช้เวลาไม่นานในการอ่านปาฐกถา ท่ามกลางผู้คนที่นิ่งงัน ตอนท้ายเธอพูดว่า
"ดิฉันต้องขอกล่าวคำขอโทษอีกครั้ง ขอโทษทั้งคณาจารย์ และโรงเรียนของฉัน"
เธอผู้นี้คือ ซ่งปินปิน
ความตายที่บังคับให้ลืม (เรื่องเล่าเหตุการณ์ปฏิวัติวัฒนธรรมจีน)
ผู้ร่วมงานในวันนั้นมีราว ๆ 50 คน ทั้งหมดเป็นศิษย์เก่า อดีตอาจารย์ หรือไม่ก็ทายาทของอดีตอาจารย์ของโรงเรียนนี้
ช่วงหนึ่งในงาน หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นยืนอ่านปาฐกถาที่เธอเตรียมมาโดยเฉพาะ
ในปาฐกถานั้น เธอเล่าถึงเหตุการณ์สมัยที่เป็นนักเรียน เธอเคยเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานของหน่วยเฉพาะกิจ และต่อมาก็เป็นเรดการ์ด ชื่อเสียงเธอในฐานะเรดการ์ดถูกกระแสการเมืองพัดพา ราวกับใบไม้ที่ปลิวลม
เหล่าศิษย์เก่าฟังเรื่องราวจากปากเธอเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ต่างก็มีประสบการณ์ร่วม และก็รู้อยู่แล้ว เพราะเธอเป็นคนดัง
จนกระทั่งมาถึงเรื่องสำคัญที่สุดที่เธอเล่าในวันนั้น เรื่องราวของ "เปี้ยนจ้งหวิน"
เธอใช้เวลาไม่นานในการอ่านปาฐกถา ท่ามกลางผู้คนที่นิ่งงัน ตอนท้ายเธอพูดว่า
"ดิฉันต้องขอกล่าวคำขอโทษอีกครั้ง ขอโทษทั้งคณาจารย์ และโรงเรียนของฉัน"
เธอผู้นี้คือ ซ่งปินปิน