นี่เป็นการรีวิวครั้งเเรกในพันทิป ทั้งที่ปกติเป็นคนชอบเที่ยวทั้งเอเชีย ยุโรปเเละในประเทศไทยเองก็ไปมาหลายที่ เเต่ไม่เคยได้เเชร์ประสบการณ์ให้กับคนส่วนมากเลย เเต่กับทริปล่าสุดนี้มีความรู้สึกประทับใจเเละอยากบอกเล่าถึงความงดงามของสถานที่เเห่งนี้ในมุมมองของสัตวเเพทย์ที่วันๆเจอเเต่หน้าน้องหมาน้องเเมว นานน้านนนนนนนนนจะได้เที่ยวโลกกว้างซะที เริ่มเลยละกันนะ
        ปล.เรามีเพจด้วยนะะะะ เชิญรับชมได้ที่ facebook ' มองผ่านเลนส์byหมอหมาท่องโลก'
        ในทริปครั้งนี้ได้ไปกับรุ่นน้องสัตวเเพทย์ที่ทำงานด้วยกัน รุ่นน้องเสนอว่าไปไร่เเสงอรุณดีมั้ยพร้อมส่งรีวิวของคุณชานไม้ชายเขามาให้ดูด้วย พอได้เห็นภาพเท่านั้นเเล่ะ กิเลสก็ก่อตัวขึ้นทันทีไม่ไปไม่ได้เเล่ะ อิอิอิ อันดับเเรกเราสองคนจองที่พักกันก่อนพอดีช่วงนั้นมีงานไทยเที่ยวไทยประมาณเดือนกุมภาพันธ์57 เราก็รีบพุ่งตรงไปที่งานทันทีไม่รอช้า พอไปเจอบูทไร่เเสงอรุณก็พอพี่หนุ่มหล่อ(อิอิ)เเต่คนรอต่อคิวกันเยอะมากกกกกเเสดงว่าฮอตฮิตจริงๆๆ สุดท้ายได้เป็นห้องริมโขง3กับเดือนเเจ่ม1ได้ทั้ง2วิวคือวิวภูเขาพาโนรามากับวิวเเม่น้ำโขงรวมอาหารเช้าคืนละ2000จากราคาเต็ม2900เเละจะได้ไปก็เดือนกันยายนกันเลย(อีกเจ็ดเดือนเบยยยย อดทนๆๆๆ) ต่อมาก็ได้ทำการจองนกเเอร์โดยไม่ได้พึ่งโปรอะไรเลยเพราะถ้าจะเลือกโปรถูกก็ไม่ตรงวันหยุดอีกเลยจัดไปที่ไปกลับ2000บาทในระดับกึ่งfull serviceก็โอเค
         วันออกเดินทาง18กันยายนเราสองคนได้ไปNok air DD8714 รอบ7.30น.ไปถึงเชียงราย8.40น. ภาพบนเครื่องก็สวยยยไปอีกเเบบ
   หน้าGateประตูทางเข้า
                              
มองน้องนกจากกระจกก็สวยไปอีกเเบบ  น่าร้ากที่ซู้ด


     ถึงสนามบินเเม่ฟ้าหลวงเเล่ะ
                              
   เราสองคนก็โทรหาพี่คนขับรถชื่ออาเเดง(ไม่ได้เช่ารถขับเองเพราะยังค่อนข้างใหม่กับพื้นที่เลยเอาชัวร์ไว้ก่อน เเต่ครั้งหน้าไม่เเน่)คิดค่ารถวันละ1300บาทไม่รวมน้ำมัน จัดเต็มมมมมมมมมมมมม!!!!!!
          สถานที่เเรกที่เราไปคือวัดร่องขุ่น ชื่อเสียงคงไม่ต้องพูดถึงความสวยงามอะไรอีกทุกคนคงทราบดีกันอยู่เเล้ว เเต่อย่างที่ทราบดีช่วงเเผ่นดินไหวก็มีความเสียหายเกิดขึ้นเยอะพอสมควร เเม้มีการซ่อมเเซมในบางจุดเเต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามน้อยลงเลย รูปที่ถ่ายมามักไม่ใช่มุมมหาชนเเต่อยากให้รู้ว่ามุมสวยๆในวัดร่องขุ่นเเห่งนี้ยังมีอยู่เยอะมากๆเลย
     
      
      
      
      
      
        
      
      
       หลังจากดูวัดร่องขุ่นจนหนำใจเเล้ว เราก็เคลื่อนย้ายไปที่ไร่บุญรอดกันต่อโดยสิ่งที่สดุดตาที่สุดคือสิงโตสีทองตัวใหญ่ที่เป็นจุดถ่ายรูปของนักท่องเที่ยว




          ต่อมาไปเเวะที่ไร่ชาฉุยฟงที่มีคำร่ำลือว่าเป็นไร่ชาที่สวยที่สุดในประเทศไทยซึ่งพอได้ไปเห็นก็ไม่ผิดหวังจริงๆ โดยเราเเวะทานอาหารกลางวันกันที่นี่เเล้วชมวิวกับภาพสีเขียวงามๆสุดลูกหูลูกตา บ่องตงฟินสุดๆๆๆ อาหารของทางไร่จะกำหนดมาเลยเเล้วว่าต้องสั่งอะไรบ้างจะมีเมนูอาหารประมาณ4-5อย่างส่วนใหญ่จะเป็นเมนูเบาๆไม่เน้นอิ่มทานคู่กับน้ำผลไม้ น้ำชาก็อร่อยไปอีกเเบบตบท้ายด้วยเค้กชาเย็นสุดอร่อย
   


   หลังจากฟินกับบรรยากาศสักพักก็ต้องออกเดินทางไปไฮไลท์ของทริปครั้งนี้เเล้วกับไร่เเสงอรุณ ระยะห่างระหว่างตัวเมืองเชียงรายกับทางไร่นั้นค่อนข้างไกลกันพอสมควรนั่งลืมๆได้ประมาณเกือบ2ชั่วโมงเลย เเต่คุณอาเเดงซึ่งเป็นคนท้องถิ่นอยู่เเล้วก็ขับรถให้เรานั่งได้อย่างมั่นใจมากๆๆ ระหว่างทางวิวสวยมากเป็นเส้นทางเชียงเเสน เชียงของ เเถมมีน้องหมานอนเกลื่อนเเบบไม่กลัวรถเหยียบเลย ไม่อยากมารักษาน้องหมาถูกรถเหยียบเเถวนี้น้า
           เเละเเล้วก็มาถึงไร่เเสงอรุณ อยากจะบอกว่าความประทับใจเเรกเกิดขึ้นทันที พนักงานต้อนรับที่นี่ดีมากรีบมาช่วยคนกระเป๋าพร้อมwelcome drinkเป็นน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆ ที่นี่นอกจากคนเเล้วยังมีพนักงานต้อนรับเป็นน้องหมาชื่ออั่งเปากับน้องเเมวทั้งหลาย
   
     
          มุมสวยๆหน้าที่พัก
   

  



        บ้านพักผู้จัดการ สวยอย่างนี้เลย
     
      ตอนไปถึงก็ประมาณ5โมงเย็นเเล้วได้เวลาข้าวเย็นพอดี(ครัวที่นี่จะปิด6โมงต้องรีบสั่งอาหารไว้ก่อน) มื้อเเรกสั่งผัดผักไร่เเสงอรุณซึ่งกรอบเเละสดมาก ปลาเเม่น้ำโขงทอดกระเทียม ต้มตำลึง เเล้วก็ไปนั่งทานมุมยอดฮิตของไร่ ขอบอกว่านั่งทานอาหารบวกชมวิวเเม่น้ำโขงนี่มันสุดยอดจริงๆ เเต่ยุงเริ่มมาเเล่ะ หนีดีก่า คืนเเรกเราพักที่บ้านริมโขง3
วิวยอดฮิต ริมระเบียงเเม่น้ำโขง
      
มุมทานอาหารที่สวยสมคำร่ำลือ

           เช้าวันต่อมาไปทานอาหารเช้าเเบบอเมริกันกับข้าวต้มหมู เราออกเดินทางไปสามเหลี่ยมทองคำดินเเดงเเห่ง3ประเทศ ไทย ลาว พม่า ที่ฟ้าใสสุดๆเช่นกัน
           ต่อจากนั้นก็ไปพระตำหนักดอยตุงเเละสวนเเม่ฟ้าหลวง
   
     
     
      
      
      
                 เเละไฮไลท์ยามค่ำคืนในวันนี้คือบ้านริมภูเขาเดือนเเจ่ม1ที่เราเฝ้ารอ สภาพห้องจะกว้างกว่าริมโขงมาก มีระเบียงยื่นออกไปชมทัศนียภาพเเบบพาโนรามาวิวเต็มๆตาเเต่ก่อนจะมาถึงบ้านเดือนเเจ่มได้นี่เราต้องผ่านsignatureของทางไร่กันก่อนซึ่งตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวสุดลูกหูลูกตา บอกได้คำเดียวมันสุดยอดจริงๆเเละต้องขึ้นบันไดอีก165ขั้นทดสอบความอดทนกันก่อน(เเฮ่กๆๆๆๆ)
วิวที่ว่าสวยที่สุดในไร่เเสงอรุณล่ะ ไม่เหมือนใครจริงๆ
     
      
      
      
      
บันไดที่ดูสูงงงงจัง
        
พี่เอาอาหารมาส่งถึงที่พร้อมหมาน้อยนำทาง
        

        
          
สภาพภายในบ้านเดือนเเจ่ม1 ทั้งห้องน้ำ ที่นอน ออกเเบบมาไม่เหมือนใครจริงๆ
           
           
           

           ครั้งนี้เราสองคนไม่ลงไปทานข้าวกันล่ะสั่งมากินบนบ้านเลยดีกว่า ขึ้นๆลงๆไม่ไหวเเล่ะ555 เมนูวันนี้ที่ใส่ปิ่นโตกับกระป๋องspayกันยุงมาให้คือต้มยำปลา กุ้งกระเทียมเเละกระเพราหมูสับ(ใบกระเพรากรอบมากๆ) รุ่งเช้าต่อมาวันกลับเรา2คนก็เก็บภาพรอบๆไร่กันไปก่อนขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพรอบ18.50
หมอกยามเช้าจากบ้านริมภูเขา
           
             
           .................................ทริปนี้เป็นทริปที่พักผ่อนอย่างเเท้จริงที่พักบ้านเราสวยงามไม่เเพ้ใครๆเลยหรืออกจะดีกว่าด้วยซ้ำ ถ้าเป็นเมืองนอกคงไม่ได้สัมผัสอะไรที่เป็นกันเองเเละธรรมชาติในราคาที่พอรับได้เท่านี้ ก่อนจบรีวิวขอปิดท้ายด้วยรูปสวยๆฝากทุกคนไว้ในที่นี้ด้วย เชื่อได้ว่าถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปเยือนที่เเห่งนี้อีกเเน่นอนเพราะมันสวยงามเกินห้ามใจจริงๆ