หลังจากที่แอปเปิลทำให้โลกตะลึงอีกครั้งกับ Apple Watch ที่ได้รับคำชื่นชมมากถึงความเรียบง่ายสวยงาม แต่ผู้ดีไซน์ผลงานนี้อย่าง Jony Ive ได้เปิดเผยว่า Apple Watch นั้นเป็นงานออกแบบที่ยากกว่า iPhone เสียอีก
โดยไอฟ์ได้รับเชิญไปที่งาน San Francisco Museum of Modern Art เมื่อสัปดาห์ก่อน และเปิดเผยว่าการออกแบบนาฬิกานั้นมีข้อจำกัดกว่าโทรศัพท์มือถือมาก เพราะมีข้อจำกัดที่ขนาดหน้าจอ ซึ่งการใช้งานต้องง่ายและใช้การอ่านดูหน้าจอที่น้อยมาก
ไอฟ์เผยว่านาฬิกานั้นมีประบวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากมาย ผู้คนเลือกนาฬิกาจากหลากหลายเหตุผล ทำให้ Apple Watch ได้มีการทำขนาดออกมา 2 size, มีให้เลือก 3 แบบ และมีสายให้เลือกอีกมากมาย
เมื่อถูกถามถึงเรื่องความรู้สึกหลังจากที่ได้ออกแบบสินค้าสักชิ้นหนึ่ง ไอฟ์เผยว่าเขาภูมืใจที่ได้ออกแบบสินค้าดีๆ มากกว่าเรื่องยอดขาย “พูดตามตรง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายอดขายปีนี้หรือกำไรเราเป็นเท่าไหร่ ผมรู้แค่ว่ามันเยอะมากพอสมควร”
Apple Watch ถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่แอปเปิลใช้เวลาออกแบบและวิจัยยาวนานที่สุดถึง 3 ปี (iPhone รุ่นแรกใช้เวลา 2 ปีครึ่ง) ซึ่งจะเปิดขายในช่วงต้นปีหน้า ราคาเริ่มต้นที่ $349 หรือประมาณ 10,500 บาท
ที่มา –
Wall Street Journal,
MacLife ผ่าน
MacThai
Jonathan Ive เผยการออกแบบดีไซน์ Apple Watch ยากกว่า iPhone มาก
หลังจากที่แอปเปิลทำให้โลกตะลึงอีกครั้งกับ Apple Watch ที่ได้รับคำชื่นชมมากถึงความเรียบง่ายสวยงาม แต่ผู้ดีไซน์ผลงานนี้อย่าง Jony Ive ได้เปิดเผยว่า Apple Watch นั้นเป็นงานออกแบบที่ยากกว่า iPhone เสียอีก
โดยไอฟ์ได้รับเชิญไปที่งาน San Francisco Museum of Modern Art เมื่อสัปดาห์ก่อน และเปิดเผยว่าการออกแบบนาฬิกานั้นมีข้อจำกัดกว่าโทรศัพท์มือถือมาก เพราะมีข้อจำกัดที่ขนาดหน้าจอ ซึ่งการใช้งานต้องง่ายและใช้การอ่านดูหน้าจอที่น้อยมาก
ไอฟ์เผยว่านาฬิกานั้นมีประบวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากมาย ผู้คนเลือกนาฬิกาจากหลากหลายเหตุผล ทำให้ Apple Watch ได้มีการทำขนาดออกมา 2 size, มีให้เลือก 3 แบบ และมีสายให้เลือกอีกมากมาย
เมื่อถูกถามถึงเรื่องความรู้สึกหลังจากที่ได้ออกแบบสินค้าสักชิ้นหนึ่ง ไอฟ์เผยว่าเขาภูมืใจที่ได้ออกแบบสินค้าดีๆ มากกว่าเรื่องยอดขาย “พูดตามตรง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายอดขายปีนี้หรือกำไรเราเป็นเท่าไหร่ ผมรู้แค่ว่ามันเยอะมากพอสมควร”
Apple Watch ถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่แอปเปิลใช้เวลาออกแบบและวิจัยยาวนานที่สุดถึง 3 ปี (iPhone รุ่นแรกใช้เวลา 2 ปีครึ่ง) ซึ่งจะเปิดขายในช่วงต้นปีหน้า ราคาเริ่มต้นที่ $349 หรือประมาณ 10,500 บาท
ที่มา – Wall Street Journal, MacLife ผ่าน MacThai