คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
1. คนมีอายุส่วนใหญ่ทุกคน ฝั่งรากลึก ต้นมะขามก็เป็นต้นมะขามจะเปลี่ยนเป็นต้นอื่นไม่ได้ ดังนั้น นิสัยไม่เปลี่ยน
2. หนี้ที่บอกมา คาดว่าบอกมาไม่หมด ถ้าบอกมาทั้งหมดคิดว่าอาจไม่ช่วย เล่ห์เหลี่ยมของคนที่ชอบยืมจะมีมากกว่าปกติ
3. คนที่ต้องการให้ช่วย แท้จริงเขาต้องการแค่เงิน แต่ไม่ต้องการเปลี่ยนนิสัย แต่การแก้ปัญหาที่แท้จริงคือการเปลี่ยนนิสัย
4. ต่อให้บอกหนี้มาทั้งหมด และสามารถแก้หนี้ได้ ผ่านไป 1-2 ปี จะมียอดหนี้มากกว่าเดิม เนื่องจากเครดิตดี เจ้าหนี้ไว้ใจมากขึ้น และลูกหนี้นิสัยเดิมๆ
ต่อไปปัญหาก็จะวนมาเหมือนเดิม แต่ใหญ่กว่าเดิม
5. อยากพิสูจน์ความจริง ให้เอาบัตรประชาชนไปที่ธนาคารกรุงไทย ขอตรวจสอบเครดิตบูโร เพื่อทราบหนี้จริงๆ
แต่ให้เตรียมใจเป็นลมไว้ล่วงหน้า
6. หนี้นอกระบบ น่ากลัวมากที่สุด ต้องขอลดดอก ลดต้น โดยเอาหนี้รวมจากเครดิตบูโรให้เจ้าหนี้นอกระบบดู ว่าเราล้มละลายแล้ว
ถ้ามีหมายศาลจากหนี้ในระบบยิ่งดี เอาให้ดูเป็นหลักฐาน
7. ส่วนหนี้ในระบบ ถ้าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สิน
การให้เป็นหนี้เสีย มีประโยชน์อยู่ประเด็นหนึ่ง คือไม่สามารถทำธุรกรรมการกู้ยืมอื่นๆ ได้
การบอกห้ามไปกู้ยืมอีก ไม่ได้ผล
แต่การเป็นหนี้เสียในบูโร ได้ผลแน่นอน จะขยายวงกู้ไม่ได้ ไม่สร้างความเดือนร้อนเพิ่มมากขึ้นอีก
เหมือนผีร้าย ต้องเอาด้ายสายศิษณ์มัดเอาไว้ ไม่สามารถไปทำร้ายคนอื่นๆต่อได้
8. การเป็นหนี้เสียในระบบ 3-5 ปี เจ้าหนี้จะโทรมาทวง รวมทั้งหมายศาล
ด้วยระยะเวลานานขนาดนี้ และการตามทวง จะทำให้ ลูกหนี้เข็ดหลาบได้จริงๆ ว่าไม่ดีจริงๆ
9. ระหว่าง 3-5 ปี เก็บเงินก้อนให้ได้ หลังจากนั้น ดูลูกหนี้ว่านิสัยอ่อนลง เปลี่ยนจริงๆ
ก็ค่อยเคลียร์ทุกแบ็งค์พร้อมกัน ซึ่งมันมีวิธีการของมัน
แต่ถ้านิสัยลูกหนี้ยังเหมือนเดิม ให้ขังต่อไป
ปล. ที่บอกมาทั้งหมด เคยมีประสบการณ์ช่วยแล้ว หลายคน แต่ปัญหามันวนกลับมาใหญ่กว่าเดิม
ปล่อยให้เป็นหนี้เสียที่เครดิตบูโร มัดผีร้ายเอาไว้ ปัญหาจะไม่ลุกลามต่อไป
ส่งเงินให้ใช้สำหรับปัจจัย 4 และต้องแบ่งให้เป็นรายสัปดาห์ เพราะกลุ่มคนพวกนี้จะไม่มีวินัยและวางแผนอนาคตไม่เป็น
รอดูอาการสัก 3-5 ปีค่อยมาว่ากันอีกที
2. หนี้ที่บอกมา คาดว่าบอกมาไม่หมด ถ้าบอกมาทั้งหมดคิดว่าอาจไม่ช่วย เล่ห์เหลี่ยมของคนที่ชอบยืมจะมีมากกว่าปกติ
3. คนที่ต้องการให้ช่วย แท้จริงเขาต้องการแค่เงิน แต่ไม่ต้องการเปลี่ยนนิสัย แต่การแก้ปัญหาที่แท้จริงคือการเปลี่ยนนิสัย
4. ต่อให้บอกหนี้มาทั้งหมด และสามารถแก้หนี้ได้ ผ่านไป 1-2 ปี จะมียอดหนี้มากกว่าเดิม เนื่องจากเครดิตดี เจ้าหนี้ไว้ใจมากขึ้น และลูกหนี้นิสัยเดิมๆ
ต่อไปปัญหาก็จะวนมาเหมือนเดิม แต่ใหญ่กว่าเดิม
5. อยากพิสูจน์ความจริง ให้เอาบัตรประชาชนไปที่ธนาคารกรุงไทย ขอตรวจสอบเครดิตบูโร เพื่อทราบหนี้จริงๆ
แต่ให้เตรียมใจเป็นลมไว้ล่วงหน้า
6. หนี้นอกระบบ น่ากลัวมากที่สุด ต้องขอลดดอก ลดต้น โดยเอาหนี้รวมจากเครดิตบูโรให้เจ้าหนี้นอกระบบดู ว่าเราล้มละลายแล้ว
ถ้ามีหมายศาลจากหนี้ในระบบยิ่งดี เอาให้ดูเป็นหลักฐาน
7. ส่วนหนี้ในระบบ ถ้าลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สิน
การให้เป็นหนี้เสีย มีประโยชน์อยู่ประเด็นหนึ่ง คือไม่สามารถทำธุรกรรมการกู้ยืมอื่นๆ ได้
การบอกห้ามไปกู้ยืมอีก ไม่ได้ผล
แต่การเป็นหนี้เสียในบูโร ได้ผลแน่นอน จะขยายวงกู้ไม่ได้ ไม่สร้างความเดือนร้อนเพิ่มมากขึ้นอีก
เหมือนผีร้าย ต้องเอาด้ายสายศิษณ์มัดเอาไว้ ไม่สามารถไปทำร้ายคนอื่นๆต่อได้
8. การเป็นหนี้เสียในระบบ 3-5 ปี เจ้าหนี้จะโทรมาทวง รวมทั้งหมายศาล
ด้วยระยะเวลานานขนาดนี้ และการตามทวง จะทำให้ ลูกหนี้เข็ดหลาบได้จริงๆ ว่าไม่ดีจริงๆ
9. ระหว่าง 3-5 ปี เก็บเงินก้อนให้ได้ หลังจากนั้น ดูลูกหนี้ว่านิสัยอ่อนลง เปลี่ยนจริงๆ
ก็ค่อยเคลียร์ทุกแบ็งค์พร้อมกัน ซึ่งมันมีวิธีการของมัน
แต่ถ้านิสัยลูกหนี้ยังเหมือนเดิม ให้ขังต่อไป
ปล. ที่บอกมาทั้งหมด เคยมีประสบการณ์ช่วยแล้ว หลายคน แต่ปัญหามันวนกลับมาใหญ่กว่าเดิม
ปล่อยให้เป็นหนี้เสียที่เครดิตบูโร มัดผีร้ายเอาไว้ ปัญหาจะไม่ลุกลามต่อไป
ส่งเงินให้ใช้สำหรับปัจจัย 4 และต้องแบ่งให้เป็นรายสัปดาห์ เพราะกลุ่มคนพวกนี้จะไม่มีวินัยและวางแผนอนาคตไม่เป็น
รอดูอาการสัก 3-5 ปีค่อยมาว่ากันอีกที
แสดงความคิดเห็น
Hair Cut จะดีไหม (ร่ายยาว เป็นอุทาหรณ์)
เพิ่มรายละเอียดเอาไว้เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับท่านอื่นๆ
(สามารถข้ามไปอ่านสรุปสถานการณ์ปัจจุบันข้างล่างได้เลยครับ)
แม่มีพี่น้องสองคน คือป้ากับลุง สมัยสาวๆแม่ทำงานส่งป้าเรียน เพราะตัวเองไม่ได้เรียน แม่ย้ายภูมิลำเนาจากฉะเชิงเทรามาอยู่กรุงเทพ พอแต่งงานกับพ่อ และมีผมกับน้องสาว พ่อก็ติดการพนันทิ้งหนี้ไว้ให้ ตอนที่แม่เลิกกับพ่อ ตอนนั้นผมอยู่ประถม4 อาศัยอยู่กับป้าบ้างยายบ้างเพราะบ้านป้ากับยายใกล้กัน 4 จำได้ว่าช่วงนั้นย้ายโรงเรียนบ่อยมาก
ตอนเรียนก็กู้กยศ และ ขอทุนบ้าง พอจบป.ตรี ก็ทำงานเลย เงินเดือนรวมสวัสดิการที่พัก 2หมื่น
แม่บอกให้โอนให้หนึ่งหมื่นทุกเดือน ผมก็โอนให้ตลอดไม่มีขาด
แม่ให้เอาสลิปเงินเดือนไปทำบัตรเครดิตหลายใบมาก บอกว่าทำไว้จะดีในการทำธุรกรรมในอนาคต ผมก็ทำ(คือบัตรชื่อผม แต่แม่เอาไปใช้หมุน) คือ ก่อนหน้านี้แม่ใช้บัตรของอา(น้องสาวพ่อ) แต่จู่ๆอาก็หักดิบให้จ่ายปิดบัตร คาดว่าจะเอาไปปล่อยกู้ แม่เลยต้องกู้หนี้ยืมสินมาปิดให้ รวมถึงกู้ป้ามาด้วย ผมก็คิดว่าใช้บัตรเครดิตก็ดีกว่าไปกู้นอกระบบ แต่เรื่องรายละเอียดผมไม่ได้ถามเพราะกลัวว่าจะหาว่าไม่ไว้ใจหรือไม่อยากให้
สองปีครึ่งผ่านไป.. ก็โอนช่วยหนึ่งหมื่นทุกเดือน โบนัสปลายปีออกก็ให้แม่สองหมื่นสามหมื่น เพิ่มเติม (โบนัสปีก่อนได้ประมาณหกหมื่น) ผมก็ไม่ค่อยเที่ยวอยู่แล้ว เพราะ ล่าสุดก็เมื่อสงกรานต์ และเป็นทริปแพงสุดประมาณสามพันบาท (นี่ถ้ารู้เรื่องก่อน ทริปนี้อาจจะไม่มีด้วยซ้ำ) และถ้าไม่ใช่ทริปจัดฟรีของบริษัทก็ไม่ได้ไหน
เมื่อเดือนที่แล้ว จู่ๆน้องสาวไลน์มาบอกว่าหนี้เจ้าก..มาเอาวันละ3พัน เครียด อยากปิดหนี้นี้ ผมก็เลยขอให้แม่รวบรวมรายละเอียดยอดหนี้ เปอร์เซ็นต์ดอกเบี้ยมา ทีแรกแม่ก็ไม่อยากให้รู้ (ภายหลังแม่บอกว่าจริงๆก็ไม่ไหวและจะบอกช่วงต้นปีหน้า แต่ผมคาดว่าคงบอกให้เอาเงินโบนัสมาถม) อ่ะ ทีนี้ผมได้รายละเอียดค่าใช้จ่าย รวมถึงหนี้ทั้งในระบบ และนอกระบบมา นี้พยายามแจกแจงอย่างย่อ;
ยอดหนี้รวมของบัตรเครดิต11ใบ ประมาณ 450,000บาท ดอกเบี้ย25% ต่อปี
ยอดหนี้นอกระบบ เจ้าก. 100,000บาท ดอกเบี้ยเฉลี่ย 20% ต่อเดือน ,
ยอดหนี้นอกระบบ เจ้าข. 200,000บาท ดอกเบี้ย 5% ต่อเดือน
ยอดหนี้ป้าพี่สาวแม่ XXXXXX <<ยังไม่ตกลงกัน แต่ดอก 25% ต่อปี
รายรับ
เงินเดือนแม่ 13,000บาท (เพิ่งได้ทำก่อนหน้านี้ไม่เท่าไหร่)
ร้านขายของ 4,000 บาท
ผมโอน 10,000บาท
รวมรายรับ 27,000 บาท
สรุปรายจ่ายต่อเดือน
ค่าเช่าบ้าน 5,200 บาท ค่าน้ำ-ไฟ โทรศัพท์ 2,000 บาท
ค่ายาลุง 4,200 บาท (ลุงพี่ชายของแม่ อาศัยอยู่กับยาย แกเป็นโรคพาเทนสัน ทำมาหากินอะไรไม่ได้ และหากไม่ได้รับยาจะตัวแข็ง เมียแกที่เคยมีก็เลิกไปมีสามีใหม่ตอนแกติดคุกคดียาเสพติด พอแกออกมาก็ไม่ได้ขาย แต่ลูกชายแก 2คน ก็ค้ายา และติดคุกทั้งคู่ในเวลาต่อมา)
จ่ายหนี้ป้า 10,000บาท
ดอกเบี้ยบัตร ประมาน 8,000 บาท
นอกระบบข.10,000 บาท
นอกระบบก.เก็บวันละ 3,000บาท
รวมแล้ว 129,400 บาท
ทีนี้ผมเลยปรึกษาพี่ก. เรื่องปิดหนี้นอกระบบ(พี่คนนี้ยายเลี้ยงเป็นลูก แต่ไม่ใช่ลูกแท้ๆของยาย) พี่เค้าก็ไปคุยกับแฟนให้ แฟนพี่ก. เค้าก็โอนเงินมาให้200,000บาท ตกลงกันทยอยจ่ายคืนเดือนละ10,000บาท
ส่วนผมก็ถอนเงินปิดบัญชีเงินฝากมาจ่ายนอกระบบอีก 100,000 บาท เพื่อที่จะจบนอกระบบ
ตอนนั้นเพิ่งรู้ว่าหนี้บัตรแต่ละใบมีบังคับจ่ายขั้นต่ำ (ตกเดือนละ35,000บาท)
สรุปสถานการณ์ปัจจุบัน
รายรับ
รายรับจากแม่ รวมขายของ 17,000บาท
ผมโอน 15,000 บาท
รวมรายรับ 32,000 บาท
รายจ่าย
จ่ายหนี้ป้า 10,000บาท
จ่ายหนี้พี่ก.10,000บาท
ค่าเช่าบ้าน 5,200บาท
ค่ายาลุง 4,200บาท
ค่าน้ำ-ไฟ โทรศัพท์ 2,000 บาท
ดอกเบี้ย ประมาณ 5,000บาท
ขั้นต่ำ 35,000 บาท
รวมรายจ่าย 71,400 บาท
**ถ้าไม่รวมจ่ายขั้นต่ำ (คิดว่าหมุนในนั้น จ่ายดอกเปล่าๆไป) จะรวมเป็น 36,400บาท
สรุปขาดคิดจ่ายแค่ดอกยังขาดอยู่4,400บาท อย่างนี้จะกลายเป็นว่าต้องหมุนเงินโดยเอาเงินออกมาเกิน (ยอดหนี้สรุปเพิ่มขึ้น) และเท่ากับเพิ่มยอดหนี้ และดอกรายเดือนขึ้นเรื่อยๆ
ผมคุยกับแม่เรื่องhair cut แม่ไม่ยอม บอกว่ายังจ่ายไหวอยู่ มันไม่ดี จะทำธุรกรรมไม่ได้อีก ถึงขั้นว่าไม่เชื่อไม่ต้องมาเรียกแม่บลาๆๆ
พอคุยกับแม่และพี่ก.เรื่องขอผ่อนผัน หรือผ่อนจ่ายครึ่งหนึ่งก่อน เพื่อเอาส่วนต่าง 10,000บาท เพื่อไม่ต้องสร้างหนี้เพิ่ม4,400บาทนั้น
พี่ก.ก็บอกว่าป้าเค้าต้องใช้เงินไม่ให้ไม่ได้หรอก
ส่วนแม่ก็น้อยใจว่า”แม่ให้ลูกเต็ม100แต่แม่จะดูว่าลูกจะให้แม่ได้เท่าไหร่” ซึ่งตอนนั้นผมเลยถามไปว่าทำไมคิดว่าผมไม่เต็มร้อย(คือทุกวันนี้ที่เครียด พอคุยปรึกษาจะหาแนวทางแก้ไขกลับกลายเป็นว่าไปกดดัน และคิดว่าผมไปต่อว่าว่าสิ่งที่แกทำมามันผิด ไปกันใหญ่) เพราะผมทุ่มหมดตัวแล้ว แม่ก็บอกมาว่าผมน่ะทำเพราะโดนบังคับ แกรู้นิสัยผม (สรุปที่จ่ายหนี้ทั้งหมดครึ่งล้านได้ และอนาคตอีกนานแค่ไหนไม่รู้...คือโดนบังคับ? ทั้งที่ใจจริงอยากให้หมดภาระหนี้สิน) ทีนี้แม่บอกว่า “ดีนะที่ยังไม่มีครอบครัวไม่งั้นเมียทิ้งทำไง” ผมก็บอกว่า ไม่มีหรอก มีได้ไงหนี้สินพะรุงพะรังขนาดนี้” ทีนี้แม่บอกว่า “ก็ดี ถูกต้องที่สุด” ...
ส่วนเรื่องที่บอกว่าหนี้จะเพิ่มเพราะรายได้ไม่พอรายจ่ายอยู่ แม่ไม่เข้าใจว่ากลับโกรธว่าไม่ไว้ใจ(คือแม่คิดว่าไม่มีหนี้นอกระบบแล้ว หนี้มันต้องลดลงสิ) ซึ่งก็คงหมุนเงินจ่ายหนี้บัตรหลายใบ จนมองไม่เห็นส่วนที่เพิ่มขึ้นโดยรวม เพราะหากมองแค่ดอกจะดูไม่ค่อยออก (และพอหลายบัตรก็ไม่ได้เอามาดูภาพรวม)
ผมจะทำอย่างไรดีครับ ที่เป็นวิธีที่ดีที่สุด?
ปล. เห็นบางกระทู้ตั้งถาม อายุ26 มีเงินเก็บกันเท่าไหร่แล้ว ผมก็คิดนะว่าเมื่อไหร่ผมจะได้มีโอกาสตอบกับเค้าบ้าง ว่าผมมีเงินเก็บเท่าไหร่ เอาไปลงทุนอะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีโอกาสนั้น แค่คิดก็ยังไกลเลย ฝากบอกเพื่อนหลายๆคนที่ยังขาดวินัยทางการเงินอยู่ว่า ปรับเถอะครับ! ก่อนที่มันจะสายเกินไป..เพราะ ชีวิตติดลบมันไม่ง่ายเลย.