คือปกติหมอที่คลินิกแถวบ้านเราก็ใจดี ยิ้มเก่ง คุยเก่งอยู่แล้วค่ะ ถ้าถามอะไรมักจะได้คำตอบยาวเหยียดตลอด (555) จนมาพักหลังเกิดอะไรขึ้นไม่รู้ หมอเลยดูตึงๆ ไป ไม่ค่อยเฮฮาเหมือนเก่า แต่เราก็ไม่ได้อะไร ก็ไม่คุย ผ่านมาหลายเดือน พอกลับไปหาหมออีกทีปรากฏว่าหมอกลับเป็นหมอคนเดิมที่ใจดีและรวยยิ้มแล้ว แถมมากกว่าแต่ก่อนด้วย
ทีนี้มีวาระคือหมาเราไม่ค่อยสบาย หมอก็กุลีกุจอดี ดูเต็มใจช่วยเหลือสุดๆ หลังจากวันนั้นก็เลยมีคุยปรึกษาเคสกันบ้าง หมอขยันให้ข้อมูลเรามาก ว่าอันนี้คืออะไร อันนั้นคืออะไร ศัพท์แสงมาเต็ม จนบางทีแอบคิดว่าเราไม่ต้องรู้ขนาดนั้นมั้ย เรียนสายศิลป์มานะ หมอพูดอะไรไม่เข้าใจเฟร่ย!! (ที่จริงก็อยากรู้แหละค่ะ แค่เข้าใจได้ช้า) หมอก็ช่างขยันตามเคส คอยมาถามทุกเช้าว่าอาการเป็นยังไงแล้ว ดีขึ้นหรือยัง บางวันถามสามสี่รอบทั้งก่อนเข้างานและหลังเลิกงาน เล่าเคสอื่นที่อาการคล้ายกันให้ฟัง หาใบ opd มาให้ดู (อันนี้งงจริงว่าไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้หรือเปล่า แล้วหมอจะเอา opd หมาแมวเราไปให้เจ้าของคนอื่นดูมั้ย)
พอเราเอาหมาไปฝาก หมอมีการมาอุ้มหมาให้เราอีก เรายังงงว่าทำไมไม่ให้ผู้ช่วยอุ้ม (หมาเราตัวค่อนข้างใหญ่ ปกติจะอุ้มเองตลอดเพราะเกรงใจผู้ช่วย แล้วหมาก็จะได้สบายใจด้วย) ระหว่างเรารอไปรับกลับหมอก็คอยแจ้งตลอดว่าเป็นไงบ้าง เหมือนถ้าหมาอยู่กับเรา เราก็ขยันรายงานหมอ พอหมาไปอยู่กับหมอ หมอก็ขยันรายงานเรา แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น กินอิ่ม นอนหลับดี
กระทั่งหมาเราอาการน่าเป็นห่วงขึ้นมากลางดึก คลินิกปิดแล้ว เราส่งข้อความไปบอกหมอก่อนจะพาไป รพส. หมอก็ยังมาถามอาการตลอด อยู่คอยฟังผลจากเรา ไม่หลับไม่นอน หมอบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ แต่ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้หรอกค่ะ เกรงใจอยู่ดี
ก็เพราะหมอเป็นแบบนี้ ทั้งช่วยคิดทุกทางที่จะทำให้หมาเราดีขึ้น ช่วยคิดวิธีที่จะทำให้ประหยัด บางทีก็แถมยาให้เฉยเลย หรือไม่คิดค่าหมอก็เคย พอยาเหลือ ไม่ได้ใช้แล้ว ยังให้เอาไปคืนแล้วคืนเงินเราด้วย ที่บ้านนี่งงกันทุกคนว่าทำแบบนี้หมอมิเจ๊งแย่เหรอ ตอนนั้นเราไม่ทันได้คิดว่าน่าจะยกยาให้ไปเฉยๆ ไม่น่ารับเงินมาเลย แต่ก็เพราะมีหมออยู่แหละค่ะเราถึงได้อุ่นใจ พร้อมจะผูกปิ่นโตกันไปอีกนานๆ ให้เป็นหมอประจำบ้าน
หมอเองก็ดูวางตัวแบบสบายๆ ดี มีเล่าเรื่องสมัยเรียน เรื่องญาติ เรื่องหมาแมวที่บ้านให้ฟังตามโอกาส บางครั้งส่งรูปมาให้ดูอีกต่างหาก พอมีลูกแมวหลงมาที่คลินิกก็พาออกจากห้องมาให้เราดู ไปกี่ครั้งก็พามาให้เล่นแทบทุกครั้ง แต่ก็ไม่ได้บอกให้เราเอาไปเลี้ยงนะคะ (หรือหมอกะจะใช้วิธีอินเซปชั่นไปเรื่อยๆ 555) แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกดีๆ รู้สึกมากขึ้นทุกวัน
เมื่อไม่นานมานี้มีอยู่หนนึงที่ได้ยินหมอเรียกชื่อเรา ซึ่งเราว่าหมอหลุดปาก เพราะปกติก็ไม่เคย หมอไม่เคยเรียกเราว่าอะไรเลยนอกจาก "เจ้าของ" ที่จริงมีคุณหมอคนอื่นเรียกชื่อเราเหมือนกัน แต่เป็นชื่อจริง หรือพยางค์แรกของชื่อจริง และต้องมีคำนำหน้าว่า "คุณ" ด้วย แต่นี่หมอเรียกชื่อเล่นเราเฉยๆ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมอรู้ชื่อเล่นเรา ตอนนั้นก็แปลกใจ ดีใจ แต่ก็ทำเฉยๆ ไป ไม่ได้เอามาเป็นประเด็นคุยกัน
ตอนนี้เราเลยสงสัย อยากรู้ว่าคุณหมอคนอื่นเขาวางตัวกันยังไง มีคุณหมอท่านอื่นเป็นแบบนี้บ้างมั้ย หรือหมอเองทำแบบนี้กับทุกเคสมั้ย สับสนมากค่ะ
คุณหมอคนอื่นที่เราเคยเจอก็ใจดี อัธยาศัยดีนะ แต่ไม่ขนาดนี้ แบบติดต่อได้แม้นอกเวลางานนี่มันจะทุ่มเทกันเกินไปแล้ว ซึ่งส่วนนึงเราก็รู้นะคะว่าเป็นเพราะหมออยากรู้ความเป็นไปของเคส แต่นี่เกินไปอะ เรายังเคยพูดเล่นๆ ว่าหมอรักหมาเรามากกว่าที่เรารักอีก
เริ่มรู้สึกแปลก บางทีเราอาจแค่คิดไปเอง แต่ถ้ามันไม่ใช่ เผื่อว่าเราจะมีใจลุยต่อค่ะ
สัตวแพทย์นี่อัธยาศัยดี ใจดีแบบนี้กันทุกคนเลยหรือเปล่าคะ (กระทู้เวิ่นเว้อ)
ทีนี้มีวาระคือหมาเราไม่ค่อยสบาย หมอก็กุลีกุจอดี ดูเต็มใจช่วยเหลือสุดๆ หลังจากวันนั้นก็เลยมีคุยปรึกษาเคสกันบ้าง หมอขยันให้ข้อมูลเรามาก ว่าอันนี้คืออะไร อันนั้นคืออะไร ศัพท์แสงมาเต็ม จนบางทีแอบคิดว่าเราไม่ต้องรู้ขนาดนั้นมั้ย เรียนสายศิลป์มานะ หมอพูดอะไรไม่เข้าใจเฟร่ย!! (ที่จริงก็อยากรู้แหละค่ะ แค่เข้าใจได้ช้า) หมอก็ช่างขยันตามเคส คอยมาถามทุกเช้าว่าอาการเป็นยังไงแล้ว ดีขึ้นหรือยัง บางวันถามสามสี่รอบทั้งก่อนเข้างานและหลังเลิกงาน เล่าเคสอื่นที่อาการคล้ายกันให้ฟัง หาใบ opd มาให้ดู (อันนี้งงจริงว่าไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้หรือเปล่า แล้วหมอจะเอา opd หมาแมวเราไปให้เจ้าของคนอื่นดูมั้ย)
พอเราเอาหมาไปฝาก หมอมีการมาอุ้มหมาให้เราอีก เรายังงงว่าทำไมไม่ให้ผู้ช่วยอุ้ม (หมาเราตัวค่อนข้างใหญ่ ปกติจะอุ้มเองตลอดเพราะเกรงใจผู้ช่วย แล้วหมาก็จะได้สบายใจด้วย) ระหว่างเรารอไปรับกลับหมอก็คอยแจ้งตลอดว่าเป็นไงบ้าง เหมือนถ้าหมาอยู่กับเรา เราก็ขยันรายงานหมอ พอหมาไปอยู่กับหมอ หมอก็ขยันรายงานเรา แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น กินอิ่ม นอนหลับดี
กระทั่งหมาเราอาการน่าเป็นห่วงขึ้นมากลางดึก คลินิกปิดแล้ว เราส่งข้อความไปบอกหมอก่อนจะพาไป รพส. หมอก็ยังมาถามอาการตลอด อยู่คอยฟังผลจากเรา ไม่หลับไม่นอน หมอบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ แต่ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้หรอกค่ะ เกรงใจอยู่ดี
ก็เพราะหมอเป็นแบบนี้ ทั้งช่วยคิดทุกทางที่จะทำให้หมาเราดีขึ้น ช่วยคิดวิธีที่จะทำให้ประหยัด บางทีก็แถมยาให้เฉยเลย หรือไม่คิดค่าหมอก็เคย พอยาเหลือ ไม่ได้ใช้แล้ว ยังให้เอาไปคืนแล้วคืนเงินเราด้วย ที่บ้านนี่งงกันทุกคนว่าทำแบบนี้หมอมิเจ๊งแย่เหรอ ตอนนั้นเราไม่ทันได้คิดว่าน่าจะยกยาให้ไปเฉยๆ ไม่น่ารับเงินมาเลย แต่ก็เพราะมีหมออยู่แหละค่ะเราถึงได้อุ่นใจ พร้อมจะผูกปิ่นโตกันไปอีกนานๆ ให้เป็นหมอประจำบ้าน
หมอเองก็ดูวางตัวแบบสบายๆ ดี มีเล่าเรื่องสมัยเรียน เรื่องญาติ เรื่องหมาแมวที่บ้านให้ฟังตามโอกาส บางครั้งส่งรูปมาให้ดูอีกต่างหาก พอมีลูกแมวหลงมาที่คลินิกก็พาออกจากห้องมาให้เราดู ไปกี่ครั้งก็พามาให้เล่นแทบทุกครั้ง แต่ก็ไม่ได้บอกให้เราเอาไปเลี้ยงนะคะ (หรือหมอกะจะใช้วิธีอินเซปชั่นไปเรื่อยๆ 555) แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกดีๆ รู้สึกมากขึ้นทุกวัน
เมื่อไม่นานมานี้มีอยู่หนนึงที่ได้ยินหมอเรียกชื่อเรา ซึ่งเราว่าหมอหลุดปาก เพราะปกติก็ไม่เคย หมอไม่เคยเรียกเราว่าอะไรเลยนอกจาก "เจ้าของ" ที่จริงมีคุณหมอคนอื่นเรียกชื่อเราเหมือนกัน แต่เป็นชื่อจริง หรือพยางค์แรกของชื่อจริง และต้องมีคำนำหน้าว่า "คุณ" ด้วย แต่นี่หมอเรียกชื่อเล่นเราเฉยๆ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมอรู้ชื่อเล่นเรา ตอนนั้นก็แปลกใจ ดีใจ แต่ก็ทำเฉยๆ ไป ไม่ได้เอามาเป็นประเด็นคุยกัน
ตอนนี้เราเลยสงสัย อยากรู้ว่าคุณหมอคนอื่นเขาวางตัวกันยังไง มีคุณหมอท่านอื่นเป็นแบบนี้บ้างมั้ย หรือหมอเองทำแบบนี้กับทุกเคสมั้ย สับสนมากค่ะ
คุณหมอคนอื่นที่เราเคยเจอก็ใจดี อัธยาศัยดีนะ แต่ไม่ขนาดนี้ แบบติดต่อได้แม้นอกเวลางานนี่มันจะทุ่มเทกันเกินไปแล้ว ซึ่งส่วนนึงเราก็รู้นะคะว่าเป็นเพราะหมออยากรู้ความเป็นไปของเคส แต่นี่เกินไปอะ เรายังเคยพูดเล่นๆ ว่าหมอรักหมาเรามากกว่าที่เรารักอีก
เริ่มรู้สึกแปลก บางทีเราอาจแค่คิดไปเอง แต่ถ้ามันไม่ใช่ เผื่อว่าเราจะมีใจลุยต่อค่ะ