จากรั้วสถาบันการศึกษา ชีวิตจากดักแด้กำลังเป็นผีเสื้อ
“ตั้งใจเรียนนะลูก เรียนจบมาได้เป็นเจ้าคนนายคน”
“ตั้งใจเรียนนะลูก ขยันเรียนนะ จบมาได้เกรดดีๆ ได้ทำงานดีๆ เงินเดือนเยอะๆ”
“ตั้งใจเรียนนะลูก อย่าเกเรนะ เรียนจบได้มีงานทำดีๆ ไม่ต้องลำบากลำบนเหมือนพ่อกับแม่”
สารพัดประโยคฝากความหวังที่ พ่อแม่ มีให้กับหลายๆ คน ที่เราฟังผ่านๆ ไม่ได้ซึบซับอะไรมากนัก
หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชีวิตเรียนจบไปอยากเป็นอะไร ทำงานอะไร!!!!
ที่ผ่านมาก็ดำรงชีวิตไปวันๆ พ่อแม่ส่งตังค์ให้ใช้ ต้นเดือนเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ชวนแฟนไปดูหนัง
ปลายเดือน กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสริมไข่ไก่ 1 ฟองเพิ่มโปรตีนอย่างพอเพียง เงียบๆ คนเดียวในหอพัก
ชีวิตนักศึกษาจากครอบครัวที่ยากจน หรือฐานะปานกลางก็วนเวียนเป็นวัฎจักรอยู่อย่างนี้!!!
พอใกล้จบ เรียนปี 4 เริ่มคิดแล้วซิว่า อยากไปทำงานอะไร ยังไง วาดฝันเงินเดือนมากมาย
การเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ใครที่เรียนในสถาบันการศึกษาที่ดีได้มาตราฐาน เรียนดีๆ
ก็มีคนมาจองตัวถึงที่ ตั้งแต่ยังไม่จบ
ใครที่เรียนปานกลาง ชีวิตเกรดเฉลี่ยไม่เคยหนีจากค่าเฉลี่ยของสถาบันได้เกินทศนิยมบวกลบ 0.2
แถมยังเรียนในสถาบันที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก เรียกง่ายๆ ว่าไม่ดัง บันเทิงดี วิชาห่วย นักศึกษาเฮงซวย มีข่าวเป็นประจำ
อันนี้ก็ถือว่า ซวยสองเด้ง ต้องพยายามหนักกว่าคนอื่น
ในปี 4 ส่วนใหญ่วิชาที่เรียนเริ่มไม่หนักแล้ว หลายๆ คนต้องไปฝึกงานตามสถานที่ทำงานต่างๆ
นี่คือการก้าวย่างสู่ สำนักงาน ก้าวแรกที่สำคัญ!!!!
ถ้าต้องไปฝึกงาน อย่าไปแต่ตัว เอาหัวสมองกับความขยันติดไปด้วย!!!
ช่วงนี้เป็นช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในสำนักงาน น้องๆ ฝึกงานจะได้รับความเอ็นดูต่อบุคลากรในออฟฟิศ หรือโรงงานเป็นพิเศษ
เพราะยังเป็นนักศึกษา และคุณก็ไม่ใช่คู่แข่งในการทำงานของพวกเขา!!!!
ยิ่งนักศึกษาสาวๆ ยิ่งได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษ
คนหัวงูมีอยู่ทุกวงการ!!!
เพราะฉะนั้น ต้องอาศัยความได้เปรียบตรงนี้ในการตักตวงความรู้ ฉลาดในการตั้งคำถาม
ศึกษางานในแผนกที่ไปฝึกงาน ให้รอบรู้ ในส่วนงานนั้นๆ เพื่อเป็นแนวทางที่จะหางานทำ
กรณีคนในแผนกให้คุณไปทำงานพื้นๆ ประเภท ตัดกระดาษ เก็บขยะ จัดเอกสาร ถ่ายเอกสาร
คุณได้ใช้ความรู้ที่ได้ศึกษาเสนอตัวไปช่วยในงานที่พัฒนาตัวเองได้ดีกว่างานแบบนั้น!!!!
ทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์ต้องหัดให้เป็น โปรแกรม Word Excel ต้องให้คล่อง
ในสำนักงานหลายๆ ที่ คนในนั้นไม่ได้เก่งอะไร ใช้โปรแกรมพวกนี้ไปวันๆ
ถ้าคุณเก่ง ถ่อมตัว มีอะไรช่วยเหลือเค้าได้ แนะนำเค้าได้ อาศัยความเป็นคนรุ่นใหม่
ได้รับการศึกษาทางด้านนี้เยอะกว่าให้เป็นประโยชน์ เดี๋ยวเค้าก็เมตตาคุณ ให้งานที่เค้าทำ
ทำให้คุณได้พัฒนาตัวคุณเองได้อีก
คำถามที่ต้องตอบตัวเองให้ได้คือ แผนกที่ไปฝึกงาน เค้าทำหน้าที่อะไร มีงานรับผิดชอบใดๆ บ้าง
ต้องติดต่อสื่อสารกับแผนกใด ใครเป็นผู้บังคับบัญชา ใครดูแลเรา
และคำถามสุดท้ายต้องตอบให้ได้และทำให้ได้ก็คือ เราเอาความสามารถที่เรามี ไปช่วยในส่วนไหนได้บ้าง!!!!
บางคนสงสัยว่า “ฉลาดในการตั้งคำถามมันคืออะไร ยังไงถึงเรียกฉลาด แบบไหนถึงเรียกถามแบบโง่ๆ”
การฉลาดในการตั้งคำถามก็คือ คุณต้องทำการบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่จะถาม ก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกไป
เพราะการเอ่ยปากถามบางครั้ง มันแสดงออกมาให้ผู้ที่รับฟังได้รู้ว่า....
คุณฉลาดหรือโง่จากคำถามของคุณเอง!!!!
หลายๆ คำถาม ที่ถามแบบฉลาดๆ ไม่ได้ถามเพื่อต้องการคำตอบ
แต่ถามเพื่อจะบอกเป็นนัยๆ ว่า “ผมดักทางคุณถูกนะ”
หรือ แนวๆ ห้ามนิดๆ “คุณไปฉุกคิด เตรียมตัวซวยนะ ถ้ามันเกิดปัญหา”
หรือบางที ถ้ามันออกจากหัวหน้า มันก็อาจจะประมาณว่า “ตรูเตือนแล้วนะ วันหน้ามีปัญหาอย่ามาหาว่าตรูไม่ช่วยนะ”
หรือบางที มันก็เป็นการแสดงความฉลาด ของคนถาม
ที่ต้องการแนะนำให้อีกฝ่ายได้คิด เปลี่ยนการกระทำ โดยที่ไม่ตำหนิ ตรงๆ แรงๆ เพราะรู้ดีว่า.....
สันดานคนไทย ไม่ชอบให้ใครหักหน้าตรงๆ!!!!
shipหายไม่ว่าแต่อย่าให้หน้าkuเสีย!!!!”
ก็เลยเลี่ยงบาลีสันสกฤตอิสราเอล โดยการอ้อมแม่น้ำแยงซีเกียง แล้ววกกับข้ามโขง ลงเจ้าพระยา
ในรูปแบบคำถาม แทนกันหักหน้าตรงๆ!!!!
เพราะฉะนั้น ก่อนจะอ้าปากถาม เล่าที่มาเรื่องราว ที่แสดงว่า คุณได้ไปทำการบ้านมาก่อนถามนะ
แล้วถามในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กร หรือ บุคคลากรในองค์กร
นักศึกษาที่เก่งๆ ฉลาดๆ ขยันทำงาน หลายคนได้งานทำตั้งแต่ตอนฝึกงาน!!!!
นั่นเพราะเค้าทำงานเข้าตานาย!!!!
แต่ส่วนใหญ่ทำงานเข้าตรีน!!!! รอเวลาหมดระยะเวลาฝึกงาน ส่งกลับสถานศึกษากันซะเยอะ!!!!
เทคนิคที่สำคัญคือ….. อย่าทำตัวว่าง!!!! อย่านั่งรองาน!!!!
ว่างเมื่อไหร่ รีบไปรายงานคนดูแลเรา พี่ครับ พี่ค่ะ งานที่พี่มอบหมายให้ผม ให้หนู ทำ
เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ มีงานอื่นๆ ให้ผม ให้หนูทำอีกไหมค่ะ?
ถ้าเค้าบอกว่าไม่มี ก็รีบ “เอาหน้า แสดงความกระตือรือล้นสนใจให้เค้าเห็น”
งั้นพี่ว่างไหมครับ ว่างไหมค่ะ พี่ช่วยอธิบาย งานตรงนี้หน่อยซิครับ
คือผมอยากรู้จากคนมีประสบการณ์ ที่เชี่ยวชาญแบบพี่ ผมได้เก่งๆ เหมือนพี่
หัดtorleaไว้บ้าง แต่ต้องแฝงด้วยความจริงใจ!!!!!
เรื่องที่ต้องควรระวังอย่างยิ่งในการเป็นนักศึกษาฝึกงานคือ....
อย่าสอใส่เกือกข้ามหน้าข้ามตา!!!!
บางคนไฟแรง ดันแซงคนดูแล ไม่ให้สัญญาณไฟ ข้ามหัว
ไปยังหัวหน้าแผนก หรือผู้จัดการตรงๆ อันนี้ คุณจะซวยแทนได้คำชม!!!!
มีอะไรเสนอ ปรึกษาคนดูแล ถ้ามันโง่กว่าเรา
ก็ต้องใช้วิธีตั้งคำถามฉลาดๆ เสนอแบบ “แกล้งโง่” แทน
เพื่อให้เค้าฉุกคิด อย่าไปข้ามหัวหรือแหกหน้าเค้าต่อหน้าธารกำนัล!!!!!
ที่สำคัญ พยายามชมในส่วนดีของทุกคน ที่ดีกับเรา หรือที่เราเห็นว่าเค้าเก่ง กับบุคคลอื่นๆ หรือคนรอบข้างเค้า
เรื่องไม่ดี หุบปากไว้ ห้ามนินทา ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องแสดงสันดานความทะเยอทะยานในการแย่งเก้าอี้
เพราะเค้ายังไม่ได้รับคุณเข้าทำงาน!!!!
ทำดีให้เข้าตาเค้าเอาไว้ จะเป็นผลดีกับตัวเอง กับรุ่นน้องคุณที่จะมาฝึกงานต่อ
กับสถาบันการศึกษาของคุณ ที่เค้าจะกล่าวถึงในแง่ดี หรือให้ภาษีนักศึกษาที่จบจากที่นั่นดีกว่าที่อื่นๆ เป็นพิเศษ
จำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า
ฝึกงานทั้งที อย่าไปแต่ตัว เอาหัวสมองกับความขยันติดไปด้วย!!!
---=== การเมืองในสำนักงาน ตอนที่ 1 ===---
“ตั้งใจเรียนนะลูก เรียนจบมาได้เป็นเจ้าคนนายคน”
“ตั้งใจเรียนนะลูก ขยันเรียนนะ จบมาได้เกรดดีๆ ได้ทำงานดีๆ เงินเดือนเยอะๆ”
“ตั้งใจเรียนนะลูก อย่าเกเรนะ เรียนจบได้มีงานทำดีๆ ไม่ต้องลำบากลำบนเหมือนพ่อกับแม่”
สารพัดประโยคฝากความหวังที่ พ่อแม่ มีให้กับหลายๆ คน ที่เราฟังผ่านๆ ไม่ได้ซึบซับอะไรมากนัก
หลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชีวิตเรียนจบไปอยากเป็นอะไร ทำงานอะไร!!!!
ที่ผ่านมาก็ดำรงชีวิตไปวันๆ พ่อแม่ส่งตังค์ให้ใช้ ต้นเดือนเฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ชวนแฟนไปดูหนัง
ปลายเดือน กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสริมไข่ไก่ 1 ฟองเพิ่มโปรตีนอย่างพอเพียง เงียบๆ คนเดียวในหอพัก
ชีวิตนักศึกษาจากครอบครัวที่ยากจน หรือฐานะปานกลางก็วนเวียนเป็นวัฎจักรอยู่อย่างนี้!!!
พอใกล้จบ เรียนปี 4 เริ่มคิดแล้วซิว่า อยากไปทำงานอะไร ยังไง วาดฝันเงินเดือนมากมาย
การเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ใครที่เรียนในสถาบันการศึกษาที่ดีได้มาตราฐาน เรียนดีๆ
ก็มีคนมาจองตัวถึงที่ ตั้งแต่ยังไม่จบ
ใครที่เรียนปานกลาง ชีวิตเกรดเฉลี่ยไม่เคยหนีจากค่าเฉลี่ยของสถาบันได้เกินทศนิยมบวกลบ 0.2
แถมยังเรียนในสถาบันที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก เรียกง่ายๆ ว่าไม่ดัง บันเทิงดี วิชาห่วย นักศึกษาเฮงซวย มีข่าวเป็นประจำ
อันนี้ก็ถือว่า ซวยสองเด้ง ต้องพยายามหนักกว่าคนอื่น
ในปี 4 ส่วนใหญ่วิชาที่เรียนเริ่มไม่หนักแล้ว หลายๆ คนต้องไปฝึกงานตามสถานที่ทำงานต่างๆ
นี่คือการก้าวย่างสู่ สำนักงาน ก้าวแรกที่สำคัญ!!!!
ถ้าต้องไปฝึกงาน อย่าไปแต่ตัว เอาหัวสมองกับความขยันติดไปด้วย!!!
ช่วงนี้เป็นช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในสำนักงาน น้องๆ ฝึกงานจะได้รับความเอ็นดูต่อบุคลากรในออฟฟิศ หรือโรงงานเป็นพิเศษ
เพราะยังเป็นนักศึกษา และคุณก็ไม่ใช่คู่แข่งในการทำงานของพวกเขา!!!!
ยิ่งนักศึกษาสาวๆ ยิ่งได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษ
คนหัวงูมีอยู่ทุกวงการ!!!
เพราะฉะนั้น ต้องอาศัยความได้เปรียบตรงนี้ในการตักตวงความรู้ ฉลาดในการตั้งคำถาม
ศึกษางานในแผนกที่ไปฝึกงาน ให้รอบรู้ ในส่วนงานนั้นๆ เพื่อเป็นแนวทางที่จะหางานทำ
กรณีคนในแผนกให้คุณไปทำงานพื้นๆ ประเภท ตัดกระดาษ เก็บขยะ จัดเอกสาร ถ่ายเอกสาร
คุณได้ใช้ความรู้ที่ได้ศึกษาเสนอตัวไปช่วยในงานที่พัฒนาตัวเองได้ดีกว่างานแบบนั้น!!!!
ทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์ต้องหัดให้เป็น โปรแกรม Word Excel ต้องให้คล่อง
ในสำนักงานหลายๆ ที่ คนในนั้นไม่ได้เก่งอะไร ใช้โปรแกรมพวกนี้ไปวันๆ
ถ้าคุณเก่ง ถ่อมตัว มีอะไรช่วยเหลือเค้าได้ แนะนำเค้าได้ อาศัยความเป็นคนรุ่นใหม่
ได้รับการศึกษาทางด้านนี้เยอะกว่าให้เป็นประโยชน์ เดี๋ยวเค้าก็เมตตาคุณ ให้งานที่เค้าทำ
ทำให้คุณได้พัฒนาตัวคุณเองได้อีก
คำถามที่ต้องตอบตัวเองให้ได้คือ แผนกที่ไปฝึกงาน เค้าทำหน้าที่อะไร มีงานรับผิดชอบใดๆ บ้าง
ต้องติดต่อสื่อสารกับแผนกใด ใครเป็นผู้บังคับบัญชา ใครดูแลเรา
และคำถามสุดท้ายต้องตอบให้ได้และทำให้ได้ก็คือ เราเอาความสามารถที่เรามี ไปช่วยในส่วนไหนได้บ้าง!!!!
บางคนสงสัยว่า “ฉลาดในการตั้งคำถามมันคืออะไร ยังไงถึงเรียกฉลาด แบบไหนถึงเรียกถามแบบโง่ๆ”
การฉลาดในการตั้งคำถามก็คือ คุณต้องทำการบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่จะถาม ก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกไป
เพราะการเอ่ยปากถามบางครั้ง มันแสดงออกมาให้ผู้ที่รับฟังได้รู้ว่า....
คุณฉลาดหรือโง่จากคำถามของคุณเอง!!!!
หลายๆ คำถาม ที่ถามแบบฉลาดๆ ไม่ได้ถามเพื่อต้องการคำตอบ
แต่ถามเพื่อจะบอกเป็นนัยๆ ว่า “ผมดักทางคุณถูกนะ”
หรือ แนวๆ ห้ามนิดๆ “คุณไปฉุกคิด เตรียมตัวซวยนะ ถ้ามันเกิดปัญหา”
หรือบางที ถ้ามันออกจากหัวหน้า มันก็อาจจะประมาณว่า “ตรูเตือนแล้วนะ วันหน้ามีปัญหาอย่ามาหาว่าตรูไม่ช่วยนะ”
หรือบางที มันก็เป็นการแสดงความฉลาด ของคนถาม
ที่ต้องการแนะนำให้อีกฝ่ายได้คิด เปลี่ยนการกระทำ โดยที่ไม่ตำหนิ ตรงๆ แรงๆ เพราะรู้ดีว่า.....
สันดานคนไทย ไม่ชอบให้ใครหักหน้าตรงๆ!!!!
shipหายไม่ว่าแต่อย่าให้หน้าkuเสีย!!!!”
ก็เลยเลี่ยงบาลีสันสกฤตอิสราเอล โดยการอ้อมแม่น้ำแยงซีเกียง แล้ววกกับข้ามโขง ลงเจ้าพระยา
ในรูปแบบคำถาม แทนกันหักหน้าตรงๆ!!!!
เพราะฉะนั้น ก่อนจะอ้าปากถาม เล่าที่มาเรื่องราว ที่แสดงว่า คุณได้ไปทำการบ้านมาก่อนถามนะ
แล้วถามในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กร หรือ บุคคลากรในองค์กร
นักศึกษาที่เก่งๆ ฉลาดๆ ขยันทำงาน หลายคนได้งานทำตั้งแต่ตอนฝึกงาน!!!!
นั่นเพราะเค้าทำงานเข้าตานาย!!!!
แต่ส่วนใหญ่ทำงานเข้าตรีน!!!! รอเวลาหมดระยะเวลาฝึกงาน ส่งกลับสถานศึกษากันซะเยอะ!!!!
เทคนิคที่สำคัญคือ….. อย่าทำตัวว่าง!!!! อย่านั่งรองาน!!!!
ว่างเมื่อไหร่ รีบไปรายงานคนดูแลเรา พี่ครับ พี่ค่ะ งานที่พี่มอบหมายให้ผม ให้หนู ทำ
เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ มีงานอื่นๆ ให้ผม ให้หนูทำอีกไหมค่ะ?
ถ้าเค้าบอกว่าไม่มี ก็รีบ “เอาหน้า แสดงความกระตือรือล้นสนใจให้เค้าเห็น”
งั้นพี่ว่างไหมครับ ว่างไหมค่ะ พี่ช่วยอธิบาย งานตรงนี้หน่อยซิครับ
คือผมอยากรู้จากคนมีประสบการณ์ ที่เชี่ยวชาญแบบพี่ ผมได้เก่งๆ เหมือนพี่
หัดtorleaไว้บ้าง แต่ต้องแฝงด้วยความจริงใจ!!!!!
เรื่องที่ต้องควรระวังอย่างยิ่งในการเป็นนักศึกษาฝึกงานคือ....
อย่าสอใส่เกือกข้ามหน้าข้ามตา!!!!
บางคนไฟแรง ดันแซงคนดูแล ไม่ให้สัญญาณไฟ ข้ามหัว
ไปยังหัวหน้าแผนก หรือผู้จัดการตรงๆ อันนี้ คุณจะซวยแทนได้คำชม!!!!
มีอะไรเสนอ ปรึกษาคนดูแล ถ้ามันโง่กว่าเรา
ก็ต้องใช้วิธีตั้งคำถามฉลาดๆ เสนอแบบ “แกล้งโง่” แทน
เพื่อให้เค้าฉุกคิด อย่าไปข้ามหัวหรือแหกหน้าเค้าต่อหน้าธารกำนัล!!!!!
ที่สำคัญ พยายามชมในส่วนดีของทุกคน ที่ดีกับเรา หรือที่เราเห็นว่าเค้าเก่ง กับบุคคลอื่นๆ หรือคนรอบข้างเค้า
เรื่องไม่ดี หุบปากไว้ ห้ามนินทา ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องแสดงสันดานความทะเยอทะยานในการแย่งเก้าอี้
เพราะเค้ายังไม่ได้รับคุณเข้าทำงาน!!!!
ทำดีให้เข้าตาเค้าเอาไว้ จะเป็นผลดีกับตัวเอง กับรุ่นน้องคุณที่จะมาฝึกงานต่อ
กับสถาบันการศึกษาของคุณ ที่เค้าจะกล่าวถึงในแง่ดี หรือให้ภาษีนักศึกษาที่จบจากที่นั่นดีกว่าที่อื่นๆ เป็นพิเศษ
จำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า
ฝึกงานทั้งที อย่าไปแต่ตัว เอาหัวสมองกับความขยันติดไปด้วย!!!