[SR] 7 สิ่งใน Android 5.0 Lollipop ที่คุณจำเป็นต้องรู้

Lollipop มาแล้ว ไม่ใช่ลูกอมขนมหวานนะจ้ะ แต่เป็นชื่อเรียกของ ระบบปฏิบัติการใหม่ Android 5.0  ที่อัพเกรดโฉมของระบบให้เช้งเด๊ะ ด้วยการออกแบบที่เรียกว่า Material Design ซึ่งก็จะให้บรรดาสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์หลายรุ่นได้ทยอยสัมผัสประสบการณ์ใหมของระบบปฏิบัติการ Lollipop กันไม่เกิน ปลายปี 2014 นี้แน่นอน



แต่หลายๆคนน่าจะจำประสบการณ์ของ ios8 ได้ ที่สุ่มสี่สุ่มห้าอัพเดท จนระบบช้า แถมยังสร้างความปวดหัวในบางอย่าง ซึ่งแน่นอนว่า สำหรับระบบใหม่ของแอนดรอยด์นี้ เราก็ไม่อยากให้เกิดปรากฏการณ์อันน่าปวดหัวซ้ำ ฉะนั้น ก่อนที่ทุกคนจะได้อัพเดตนั้น ควรจะรู้กันก่อนว่า Google ปรับปรุงอะไรมากให้บ้าง ดีแค่ไหน และให้สมาร์ทโฟนรุ่นไหนได้อัพเดทกันบ้าง

สิ่งใหม่ๆ ที่มีใน Android 5.0

ถ้าพูดถึงการพัฒนาระบบปฏิบัติการหุ่นตัวเขียว นั้นจะสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุดยั้ง บางครั้งก็ค่อนข้างก้าวกระโดดเสียด้วยซ้ำ เท่าที่สังเกตุคือ Google จะพัฒนาให้ผู้ใช้ได้เห็นสิ่งที่จะดีขึ้นในต่อจากนี้ และยังมองไปถึงอนาคตข้างหน้าอีกด้วย



อย่างการนำเสนอ Android 5.0 “Lollipop” นี้ มีสิ่งแปลกใหม่คือ การที่สามารถเชื่อมอุปกรณ์ประเภทสมาร์ทโฟต, แท็บเล็ต, ทีวี, Smartwatch และอื่นๆ ได้อย่างลงตัว ต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งสำคัญที่ให้ Android 5.0 มีความน่าใช้มากขึ้นหนีไม่พ้นลูกเล่นใหม่ ที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย  แต่ไม่รู้ว่าจะต่างจากก่อนหน้านี้ที่มีการโปรโมทไว้มากแค่ไหน ก็คงต้องเทียบดูกับบทความนี้ >> Android 5.0 ในวันที่ googleออกมาโปรโมท

สิ่งเราจะนำเสนอต่อจากนี้คือฟีเจอร์ใหม่ และมีความโดดเด่นสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนอย่างแน่นอน ที่เผยโฉมออกมาแล้ว ณ ขณะนี้


1. Material Design ดีไซน์ใหม่ เรียบง่าย และเอื้อต่อนักพัฒนา

ความโดดเด่นหนึ่งของ Android 5.0 Lollipop ที่google พยายามจะนำเสนอนั่นคือ รูปลักษณ์ใหม่ของระบบปฏิบัติการที่ Google บัญญัติชื่อขึ้นใหม่ว่า Material Design

Material Design การออกแบบระบบปฏิบัติการที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่ผู้ใช้สามารถเห็นได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากกระดาษและหมึก สำหรับสร้างส่วนติดต่อกับผู้ใช้ให้มีความเรียบง่าย สดใส ชัดเจน เข้าถึงง่ายมากกว่ารูปแบบเดิมๆที่ผ่านมา รวมถึงมีความยืดหยุ่นรองรับในหลายอุปกรณ์ที่เป็น Android

นอกจากนี้ Material Design นี้ Google ยังได้ทำมาให้เอื้อกับนักพัฒนาแอพด้วย โดยระบบก็จะมี APIs ที่รองรับกับการออกแบบในแบบ Meterial Design ให้ เพื่อให้จัดการได้สะดวกยิ่งขึ้น เช่น Material Theme, View Shadow,  Drawable animation and styling effects


2. Heads-up Notification ระบบการแจ้งเตือนที่ดีขึ้น และไม่ขัดตาgqumhlzhqyy2rcongfkg



บน Android 5.0 จะมีฟีเจอร์บน Notification เพิ่มเข้ามาที่เรียกว่า Heads-up Notification ที่จะแสดง Notification ข้างบนสุดของหน้าจอเพื่อไม่ให้ขัดจังหวะผู้ใช้งานที่กำลังใช้แอพฯใดๆอยู่

บอกเลยว่าการแจ้งเตือนจะฉลาดขึ้นมาก ให้ผู้ใช้เลือกเตือนเฉพาะเวลาที่คุณต้องการทราบเท่านั้นก็ได้ หรือจัดลำดับข้อความที่สำคัญที่สุดไว้เป็นลำดับแรกก็ได้ นอกจากนี้ยัง ซ่อนคอนเทนต์ที่สำคัญ  หรือจะกำหนดชื่อผู้รับข้อความที่พิเศษสุดได้ด้วยตัวเอง แถมยังดู และตอบโต้ข้อความได้โดยตรงจากหน้าจอแจ้งเตือน ได้เลยทันที

แล้วยังดีมากๆ สำหรับบรรดาคอหนังคอเกม ที่ไม่ชอบการขัดจังหวะ สามารถควบคุมจัดการการแจ้งเตือนของแต่ละได้ง่ายขึ้นสายเรียกเข้าจะไม่รบกวนในขณะที่ผู้ใช้ชมภาพยนตร์หรือเล่นเกม โดยสามารถเลือกได้ว่าจะรับสายหรือไม่ ซึ่งภาพยนตร์และการเล่นเกมจะดำเนินต่อไปแบบต่อเนื่องได้อีกด้วย



และก็ยังมีการเพิ่มเรื่อง Visibility เข้ามาสำหรับ Notification ที่จะช่วยให้ Notification มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่น ถ้ามีข้อความจากแอพฯแชทซักตัวแสดงขึนมาระหว่างที่อยู่ในหน้า Lock Screen สิ่งที่ผู้ใช้เห็นในตอนนั้นก็จะเป็นข้อความเช่น "นาย ก ได้ส่งข้อความเข้ามา" แต่เมื่อผู้ใช้ปลดล็อคหน้าจอแล้วดู Notification ตัวเดิมอีกครั้งก็จะเป็น "นาย ก ส่งข้อความว่า วันนี้โดนแฟนสาวจับได้ว่ามีชู้กับผู้ชาย"

สิ่งนี้จะเอื้อความสะดวกและเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้ แต่อาจจะเพิ่มการบ้านให้นักพัฒนา เพราะแอพฯที่ทำเกี่ยวกับ Notification ก็จะต้องปรับข้อมูลที่แสดง Notification ให้เหมาะสม โดยจะมีการแบ่งเป็น 3 ระดับคือ Secret, Private และ Public



3. ยืดอายุแบตเตอรี่ด้วย Project Voltaประหยัดและใช้งานได้ยาวนานขึ้น



Google อ้างว่าหากผู้ใช้อัพเกรดเป็น Android 5.0 แล้ว จะช่วยขยายชั่วโมงการใช้งานให้ยาวนานขึ้น เนื่องจากมีระบบประหยัดพลังงานใหม่ Project Volta ที่สามารถยืดอายุแบตให้ใช้งานได้นานขึ้นอีก 90 นาที

โดยระบบ Project Volta นี้ จะมีออกคำสั่งที่เรียกว่า JobScheduler ขึ้นมา ที่เปรียบเสมือนคนที่คอยเช็คการทำงานของระบบ เรียกแอพขึ้นมาใช้งานเฉพาะมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต การเปิดใช้แอพที่ไม่จำเป็นก็ลดน้อยลง ส่งผลให้เครื่องเข้าสู่ Deep Sleep ได้บ่อยขึ้น นานขึ้น และกินแบตน้อยลงนั่นเอง เพื่อที่เครื่องจะไม่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่สิ้นเปลืองเกินจำเป็น



4. Quick Settings แบบใหม่

เพื่อขจัดตัวเลือกในการเรียกใช้ฟังก์ชันต่างๆให้ลดน้อยลงใน Quick Settings ทำให้ Android 5.0 Lollipop มีการจัดการฟังก์ชัน ทางลัดให้เหลือน้อยลง ซึ่งจะเหลือที่สำคัญอย่าง, การเปิด-ปิดไฟฉาย, ฮอตสปอต, การหมุนหน้าจอ, การเปิด-ปิด Wi-Fi, Bluetooth และสถานที่ตั้ง



5. ประสิทธิภาพการใช้งาน ที่ดีขึ้น



ใน Android 5.0 Lollipop ได้ปรับให้มีการใช้ Android Runtime แบบใหม่ ที่เรียกว่า ART แทนที่ Dalvik สนับสนุนการใช้งานที่ลื่นมากขึ้น ตอบสนองได้ดีขึ้น ซึ่งดูเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับระบบแอนดรอยด์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานให้กว้างยิ่งขึ้น มากยิ่งขึ้นและรองรับการทำงานในอนาคตได้ดีกว่าเดิม

Android Runtime (ART) นี้สามารถทำงานร่วมกับสถาปัตยกรรม ARM, X86 และ MIPS รวมไปถึงการสนับสนุนที่ดีขึ้นสำหรับอุปกรณ์แบบ 64 บิต เพื่อการใช้งานที่เทียบเท่าระดับDesktop ซึ่งแอพพื้นฐานของ Google อย่าง Chrome, Gmail, Calender, Google Play Music และอื่นๆ ได้ปรับมาเป็น 64 บิต แล้วด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้การทำงานโดยรวมยังมีประสิทธิภาพมากขึ้น 4 เท่า, UI ลื่นขึ้นกว่าเดิม, บีบอัพแอพที่ทำงานอยู่เบื้องหลังให้ใช้ทรัพยากรน้อยลง ทำให้ไม่เปลืองแรม เปิดแอพได้มากขึ้น และแอพประเภท Pure Java จะสามารถรัน 64 บิตได้อัตโนมัติ


6. ยกระดับการรักษาความปลอดภัย
นอกเหนือไปจากระบบประมวลผล และฟีเจอร์ที่ดีขึ้นแล้ว ก็ยังมีระบบการป้องกันข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อุปกรณ์ที่เปิดใช้งานใหม่ จะมาพร้อมกับการเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมด แถมแอพทุกตัวจะถูกบังคับให้ใช้ SELinux (Security-Enhanced Linux) คุณสมบัติของการรักษาความปลอดภัยที่ Google นำมาใช้ในทุกๆแอพพลิเคชันเพื่อป้องกันช่องโหว่และมัลแวร์ที่อาจเกิดขึ้น

และก็ยังพัฒนา Android Smart Lock มาใช้เพิ่มความปลอดภัยในการเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต โดยการจับคู่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต กับอุปกรณ์ ประเภท wearable หรือแม้แต่รถของคุณ


7. Device Sharing ใช้อุปกรณ์หลายคน



อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่น่าสนใจคือ ในAndroid 5.0 นี้ ผู้ใช้สามารถใช้อุปกรณ์ได้หลายคน เช่น หากคุณลืมโทรศัพท์ คุณสามารถยืมมือถือของเพื่อน แล้ว log in ด้วยแอคเคาท์ของตนเอง เพื่อเข้าดูข้อมูลเช่น เบอร์โทร ข้อความ หรือรูปถ่าย ของคุณเองบนอุปกรณ์ของเพื่อนได้ แต่ต้องเป็น Lollipop ด้วยกันเท่านั้น

รวมถึงมี Guest Mode สำหรับจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ หากเพื่อนขอยืมโทรศัพท์ และมีระบบScreen Pinning สามารถเลือกหน้าจอให้เพื่อนเล่นได้ โดยเพื่อนไม่สามารถเปิดหน้าจออื่นได้

ถือว่ามีการพัฒนาที่น่าสนใจในหลายๆส่วนเลยทีเดียว แต่ที่ยกมาข้างต้นนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับทุกรุ่นเสมอไป

Andriod 5.0 รุ่นไหนใช้ได้ รุ่นไหนใช้เหมาะ

อย่างที่ได้รู้กันไปข้างต้นว่า Anroid 5.0 นั้นมีฟังก์ชั่น และการพัฒนาระบบที่เปลี่ยนไปเยอะพอสมควร แถมยังมีอินเตอร์เฟซสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับการออกแบบใหม่ซึ่งเรียกว่า Material Design รวมถึงการปรับปรุงวิธีการทำงานใหม่หมด ตั้งแต่การล็อคหน้าจอไปจนถึงเมนูการแจ้งเตือน การปรับปรุงยังรวมไปถึงเรื่องที่เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์เช่นการใช้พลังงานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลที่ดีขึ้น ซึ่งอุปกรณ์ที่จะได้ใช้กับ Anroid 5.0 เบื้องต้นสองเครื่องแรก ก็คือเครื่อง Nexus 6และNexus 9

แล้วทีนี้เครื่องที่เรากำลังใช้งานกันอยู่ละ ทางผู้ผลิตว่ายังไงกันบ้าง? เรามาดูกันว่าเครื่องไหนจะโชคดีได้ใช้ เรามีบอกไว้ในบทความ เผยแล้ว..สมาร์ทโฟนที่สามารถอัพเดทเป็น Andriod 5.0 Lollipopได้  จ้ะ

ฝากถึงบรรดาผู้ใช้สมาร์ทโฟนนะว่า จะอัพเดทรุ่นใหม่ ก็ต้องศึกษาระบบกันก่อนนะจ้ะ อย่าสุ่มสี่สุ่มห้า บ้าเห่อ เพราะว่ามันไม่คุ้มกันนะจ้ะคุณทั้งหลาย



บทความจาก asiashop
ชื่อสินค้า:   Mobile application
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่