สวัสดีครับ เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมนครวัดที่เสียมเรียบมา จึงอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้อ่านกันดูนะครับ
Angkor #1: เอกมัย - ปอยเปต
นครวัด ชื่อที่ผมเคยได้ยินและคุ้นหูมาตั้งแต่เด็ก ทั้งได้เห็นรูปภาพจากหนังสือมากมาย ไปจนถึงวลีคลาสสิกอย่าง "See Angkor and Die" ของนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ ทำให้ผมซึ่งอยุ่ในช่วงต้องการแรงบันดาลใจ คิดว่าไหนๆก็ไหนแล้ว เราน่าจะลองไปดูสักทีแล้วจะอะไรต่อก็ค่อยว่ากันไป โดยผู้ร่วมขบวนในทริปนี้มีกัน 2 คนคือผมและแฟนที่ผมบอกว่า "สุดสัปดาห์นี้จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ"
ผมเริ่มวางแผนทริปนี่คร่าวๆหลังจากหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตได้พอสมควร ผมจึงอยากจะลองเดินทางด้วยวิธีที่เขาใช้กันมาดูคือ นั่งรถบัสไปที่ชายแดนแล้วหารถข้ามต่อไปยังเสียมเรียบ ซึ่งรถบัสไปชายแดนหรือตลาดโรงเกลือนั้นเราสามารถเดินทางได้หลายแบบ ทั้งรถบัสที่สถานีขนส่งหรือรถบัสที่ขนคนไปเล่นการพนันที่บ่อนชายแดน แต่ด้วยความที่บ้านผมไม่ไกลจากเอกมัยนัก ผมจึงตัดสินใจที่จะไปที่สถานีขนส่งเอกมัยเพื่อสอบถามข้อมูลการเดินทางล่วงหน้า 1 วันก่อนออกเดินทาง
ที่ช่องหมายเลข 25 ของสถานีขนส่งเอกมัย
ผมเงยหน้ามองตู้กระจกที่แปะป้ายไว้ว่า จำหน่ายตั๋วรถไปอรัญประเทศและโรงเกลือ เมื่อแน่ใจว่านี่คือตู้จำหน่ายตั๋วที่ผมต้องการ ผมจึงเดินเข้าไปพบกับตู้จำหน่ายตั๋วที่ว่างเปล่า ไม่มีคนขาย แต่มีคุณป้าคนหนึ่งยืนอยู่แถวนั้นแล้วถามผมว่า จะไปไหน
"ไปตลาดโรงเกลือเท่าไหร่หรอครับ" ผมถาม
"220 จ๊ะ"
"หรอครับ เอ ผมได้ยินมาว่าที่นี่มีรถไปถึงเสียมเรียบด้วยใช่ไหมครับ"
ป้าขยับตัวมองหน้าผมแล้วตอบว่า
"ใช่แล้วล่ะ ที่นี่มีรถวิ่งไปเสียมเรียบเลย พอลงรถที่ตลาดโรงเกลือจะมีไกด์พาข้ามฝั่งไปต่อรถที่ปอยเปตอีกเที่ยวนึงถึงเสียมเรียบเลยล่ะ"
เมื่อซักถามรายละเอียดปลีกย่อยและรับทราบราคาค่าตั๋ว 600 บาทที่จะนำคุณจากเอกมัยไปเสียมเรียบแล้ว ผมเกิดเอะใจขึ้นมาจึงถามคุณป้าว่า
"รถจากเสียมเรียบที่ว่านี่ไม่ใช่รถบัสใช่ไหมครับ"
"อ๋อ เป็นรถใหญ่กว่ารถตู้หน่อยนึง ไม่ใช่รถบัสหรอก"
"แล้วรถมีออกทุกชั่วโมง ไม่ใช่ออกวันละรอบใช่ไหมครับ" ผมได้ข้อมูลมาว่าที่เสียมเรียบจะมีรถบัสออกวันละรอบราว 4 โมงเย็น
"ไม่ใช่นะ ที่นี่คนครบก็ออกเลย ไม่ใช่รถบัสที่ออกวันละรอบน่ะ"
หลังจากชั่งใจระหว่างจะลงรถที่ตลาดโรงเกลือแล้วต่อแท๊กซี่เข้าเสียมเรียบซึ่งราคาน่าจะราวๆ 35$ หรือซื้อตั๋วรถรวดเดียวถึงเลยดี ผมก็ตัดสินใจที่จะลองวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่ายและอุ่นใจกว่าว่ามีรถต่อแน่นอนด้วยการซื้อตั๋ว 600 บาท รวดเดียวเอกมัยถึงเสียมเรียบดู ดีไม่ดียังไงก็จะได้รู้ไว้เป็นประสบการณ์เผื่อคราวหน้า
หน้าตาของตั๋วรถพร้อมป้ายคล้องคอซึ่งเราต้องคืนเมื่อข้ามไปปอยเปตแล้ว
วันรุ่งขึ้นผมไปถึงที่สถานีขนส่งเอกมัยประมาณ 8 โมงเช้า เนื่องจากรถที่จะไปถึงเสียมเรียบนั้นมีวันละรอบ คือรอบ 8.30 เท่านั้น ผมจึงไปก่อนเวลาเล็กน้อยและนั่งรอรถอยุ่แถวๆนั้น บริเวณนั้นคนไม่เยอะนัก มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติปะปนกันอยู่ และมีครอบครัวชาวเขมรกลุ่มหนึ่งที่มีเด็กเล็กวิ่งเล่นไปมาอยุ่รอบสถานี ผมลองมองไปที่ท่ารถเห็นคนขับรถเดินลงมาจากรถเพื่อสูบบุหรี่
คนขับเป็นพี่หนวดหน้าดุพูดน้อย ดูพี่แกพูดน้อยจริงๆ แม้จะมีผู้โดยสารมาถามแก แกก็ยังคงความพูดน้อยไว้ให้ผู้โดยสารต้องจับกลุ่มปรึกษากันเอง โดยผมกับผู้โดยสารชาวอินเดียเห็นพ้องต้องกันว่า รถที่เราจะนั่งไปตลาดโรงเกลือมันน่าจะเป็นคันนี้ล่ะนะ
สภาพหลังจากไม่แน่ใจว่าจะพาไปเที่ยวหรือโดนหลอกไปขาย บอกตามตรงตอนเห็นสภาพรถก็แอบหวั่นใจเล็กน้อย ตัวรถเป็นรถปรับอากาศชั้นเดียวซึ่งในตอนแรกผมคิดว่าจะเหมือนรถบ่อนที่เป็นรถปรับอากาศ 2 ชั้นเสียอีกด้วยราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่เมื่อมาคิดดูว่าที่นี่และที่หมอชิตเองก็มีแค่วันละรอบ คนเดินทางจึงไม่น่าจะมีจำนวนเยอะเท่าไหร่ ก็โอเคและยอมรับสภาพไป
การเดินทางช่วงแรกนี้เป็นไปอย่างปกติ มีการหวาดเสียวเวลาแซงบ้างเล็กน้อยแต่โดยรวมพี่หนวดก็ขับรถได้เรื่อยๆดี เรามีการจอดแวะเก็บผู้คนตามรายทางเป็นระยะ ผู้โดยสารบางคนอาศัยติดรถต่อเป็นระยะทางไม่ไกล นอกจากผู้โดยสารปกติที่ซื้อตั๋วแล้วผมคิดว่านี่อาจเป็นบริการเสริมแบบรถตู้ในเมืองก็เป็นได้
รถวิ่งสลับกับรับคนเป็นระยะจนช่วงเกือบเที่ยง รถจึงเลี้ยวเข้ามาจอดที่สถานีขนส่งสระแก้ว แล้วพี่หนวดก็เดินลงจากรถไปสูบบุหรี่อยู่ข้างล่าง ผมเองซึ่งไม่แน่ใจว่านี่คือการพักรถหรืออะไรแต่อยากเข้าห้องน้ำ จึงลงจากรถและเดินสวนกับพี่หนวดที่สูบบุหรี่ไปได้ครึ่งมวน
"ไปเข้าห้องน้ำแปบเดียว ช่วยรอด้วยนะครับ" ผมบอกกับพี่หนวดก่อนรีบเดินเข้าห้องน้ำ
สักพักเดียวเมื่อเสร็จธุระผมจึงเดินออกมา แล้วก็เห็นว่าตอนนี้พี่หนวดขึ้นไปอยู่บนรถพร้อมสตาร์ทเครื่องแล้ว เอาล่ะสิ พี่แกจะเร่งไปไหนละเนี่ย ผมจึงรีบขึ้นรถอย่างรวดเร็ว เมื่อผมขึ้นรถแล้วพี่หนวดแทบจะปิดประตูในทันที
ผมคิดว่านี่ถ้าไม่ได้บอกพี่แกสักหน่อยว่าขอไปเข้าห้องน้ำ พี่แกคงทิ้งผม(หรือใครก็ตาม)ไว้แน่ๆ
และก็จริงอย่างที่คิดเมื่อครอบครัวชาวเขมรด้านหลังเริ่มส่งเสียงโวยวายกัน บางส่วนผุดลุกผุดนั่งและบางส่วนรีบวิ่งไปหาคนขับ
"จอดก่อนๆ คนยังไม่ครบๆ" ชายวัยกลางคนในกลุ่มนั้นรีบเข้าไปบอกพี่หนวด
"อะไรนะ" พี่หนวดถอยรถออกจากซอง
"คนยังไม่ครบ ลงไปข้างล่างอีกคนนึง" ชายคนนั้นย้ำต่อ
"ไหน อยู่ไหน" พี่หนวดขับรถวนรอบอาคาร
"โน่น อยู่โน่น" ชายคนนั้นมองออกไปนอกรถอย่างกระวนกระวายพลางสอดสายตาหาเพื่อน
"ไม่เห็นเลย ไหนๆ" พี่หนวดพูดพลางขับรถเลี้ยวโค้งไปพลาง และในที่สุดพี่หนวดก็จอดรถแล้วเปิดประตูให้ชายคนนั้นลงไป
ชายคนนั้นวิ่งไปที่ท่ารถพลางกระตุกเพื่อนที่นั่งคุยโทรศัพท์อย่างสบายอารมณ์ แล้วทั้งคู่ก็รีบวิ่งมาขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
"คุยอะไร ทำไมลงไปคุยข้างล่าง" พี่หนวดพูดยิ้มๆแบบเหี้ยมนิดๆ แล้วก็ออกรถ
ทริปง่ายๆ กับ 3 วันในเสียมเรียบ : See Angkor and Live
Angkor #1: เอกมัย - ปอยเปต
นครวัด ชื่อที่ผมเคยได้ยินและคุ้นหูมาตั้งแต่เด็ก ทั้งได้เห็นรูปภาพจากหนังสือมากมาย ไปจนถึงวลีคลาสสิกอย่าง "See Angkor and Die" ของนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ ทำให้ผมซึ่งอยุ่ในช่วงต้องการแรงบันดาลใจ คิดว่าไหนๆก็ไหนแล้ว เราน่าจะลองไปดูสักทีแล้วจะอะไรต่อก็ค่อยว่ากันไป โดยผู้ร่วมขบวนในทริปนี้มีกัน 2 คนคือผมและแฟนที่ผมบอกว่า "สุดสัปดาห์นี้จะพาไปเที่ยวต่างประเทศ"
ผมเริ่มวางแผนทริปนี่คร่าวๆหลังจากหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตได้พอสมควร ผมจึงอยากจะลองเดินทางด้วยวิธีที่เขาใช้กันมาดูคือ นั่งรถบัสไปที่ชายแดนแล้วหารถข้ามต่อไปยังเสียมเรียบ ซึ่งรถบัสไปชายแดนหรือตลาดโรงเกลือนั้นเราสามารถเดินทางได้หลายแบบ ทั้งรถบัสที่สถานีขนส่งหรือรถบัสที่ขนคนไปเล่นการพนันที่บ่อนชายแดน แต่ด้วยความที่บ้านผมไม่ไกลจากเอกมัยนัก ผมจึงตัดสินใจที่จะไปที่สถานีขนส่งเอกมัยเพื่อสอบถามข้อมูลการเดินทางล่วงหน้า 1 วันก่อนออกเดินทาง
ที่ช่องหมายเลข 25 ของสถานีขนส่งเอกมัย
ผมเงยหน้ามองตู้กระจกที่แปะป้ายไว้ว่า จำหน่ายตั๋วรถไปอรัญประเทศและโรงเกลือ เมื่อแน่ใจว่านี่คือตู้จำหน่ายตั๋วที่ผมต้องการ ผมจึงเดินเข้าไปพบกับตู้จำหน่ายตั๋วที่ว่างเปล่า ไม่มีคนขาย แต่มีคุณป้าคนหนึ่งยืนอยู่แถวนั้นแล้วถามผมว่า จะไปไหน
"ไปตลาดโรงเกลือเท่าไหร่หรอครับ" ผมถาม
"220 จ๊ะ"
"หรอครับ เอ ผมได้ยินมาว่าที่นี่มีรถไปถึงเสียมเรียบด้วยใช่ไหมครับ"
ป้าขยับตัวมองหน้าผมแล้วตอบว่า
"ใช่แล้วล่ะ ที่นี่มีรถวิ่งไปเสียมเรียบเลย พอลงรถที่ตลาดโรงเกลือจะมีไกด์พาข้ามฝั่งไปต่อรถที่ปอยเปตอีกเที่ยวนึงถึงเสียมเรียบเลยล่ะ"
เมื่อซักถามรายละเอียดปลีกย่อยและรับทราบราคาค่าตั๋ว 600 บาทที่จะนำคุณจากเอกมัยไปเสียมเรียบแล้ว ผมเกิดเอะใจขึ้นมาจึงถามคุณป้าว่า
"รถจากเสียมเรียบที่ว่านี่ไม่ใช่รถบัสใช่ไหมครับ"
"อ๋อ เป็นรถใหญ่กว่ารถตู้หน่อยนึง ไม่ใช่รถบัสหรอก"
"แล้วรถมีออกทุกชั่วโมง ไม่ใช่ออกวันละรอบใช่ไหมครับ" ผมได้ข้อมูลมาว่าที่เสียมเรียบจะมีรถบัสออกวันละรอบราว 4 โมงเย็น
"ไม่ใช่นะ ที่นี่คนครบก็ออกเลย ไม่ใช่รถบัสที่ออกวันละรอบน่ะ"
หลังจากชั่งใจระหว่างจะลงรถที่ตลาดโรงเกลือแล้วต่อแท๊กซี่เข้าเสียมเรียบซึ่งราคาน่าจะราวๆ 35$ หรือซื้อตั๋วรถรวดเดียวถึงเลยดี ผมก็ตัดสินใจที่จะลองวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่ายและอุ่นใจกว่าว่ามีรถต่อแน่นอนด้วยการซื้อตั๋ว 600 บาท รวดเดียวเอกมัยถึงเสียมเรียบดู ดีไม่ดียังไงก็จะได้รู้ไว้เป็นประสบการณ์เผื่อคราวหน้า
หน้าตาของตั๋วรถพร้อมป้ายคล้องคอซึ่งเราต้องคืนเมื่อข้ามไปปอยเปตแล้ว
วันรุ่งขึ้นผมไปถึงที่สถานีขนส่งเอกมัยประมาณ 8 โมงเช้า เนื่องจากรถที่จะไปถึงเสียมเรียบนั้นมีวันละรอบ คือรอบ 8.30 เท่านั้น ผมจึงไปก่อนเวลาเล็กน้อยและนั่งรอรถอยุ่แถวๆนั้น บริเวณนั้นคนไม่เยอะนัก มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติปะปนกันอยู่ และมีครอบครัวชาวเขมรกลุ่มหนึ่งที่มีเด็กเล็กวิ่งเล่นไปมาอยุ่รอบสถานี ผมลองมองไปที่ท่ารถเห็นคนขับรถเดินลงมาจากรถเพื่อสูบบุหรี่
คนขับเป็นพี่หนวดหน้าดุพูดน้อย ดูพี่แกพูดน้อยจริงๆ แม้จะมีผู้โดยสารมาถามแก แกก็ยังคงความพูดน้อยไว้ให้ผู้โดยสารต้องจับกลุ่มปรึกษากันเอง โดยผมกับผู้โดยสารชาวอินเดียเห็นพ้องต้องกันว่า รถที่เราจะนั่งไปตลาดโรงเกลือมันน่าจะเป็นคันนี้ล่ะนะ
สภาพหลังจากไม่แน่ใจว่าจะพาไปเที่ยวหรือโดนหลอกไปขาย บอกตามตรงตอนเห็นสภาพรถก็แอบหวั่นใจเล็กน้อย ตัวรถเป็นรถปรับอากาศชั้นเดียวซึ่งในตอนแรกผมคิดว่าจะเหมือนรถบ่อนที่เป็นรถปรับอากาศ 2 ชั้นเสียอีกด้วยราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่เมื่อมาคิดดูว่าที่นี่และที่หมอชิตเองก็มีแค่วันละรอบ คนเดินทางจึงไม่น่าจะมีจำนวนเยอะเท่าไหร่ ก็โอเคและยอมรับสภาพไป
การเดินทางช่วงแรกนี้เป็นไปอย่างปกติ มีการหวาดเสียวเวลาแซงบ้างเล็กน้อยแต่โดยรวมพี่หนวดก็ขับรถได้เรื่อยๆดี เรามีการจอดแวะเก็บผู้คนตามรายทางเป็นระยะ ผู้โดยสารบางคนอาศัยติดรถต่อเป็นระยะทางไม่ไกล นอกจากผู้โดยสารปกติที่ซื้อตั๋วแล้วผมคิดว่านี่อาจเป็นบริการเสริมแบบรถตู้ในเมืองก็เป็นได้
รถวิ่งสลับกับรับคนเป็นระยะจนช่วงเกือบเที่ยง รถจึงเลี้ยวเข้ามาจอดที่สถานีขนส่งสระแก้ว แล้วพี่หนวดก็เดินลงจากรถไปสูบบุหรี่อยู่ข้างล่าง ผมเองซึ่งไม่แน่ใจว่านี่คือการพักรถหรืออะไรแต่อยากเข้าห้องน้ำ จึงลงจากรถและเดินสวนกับพี่หนวดที่สูบบุหรี่ไปได้ครึ่งมวน
"ไปเข้าห้องน้ำแปบเดียว ช่วยรอด้วยนะครับ" ผมบอกกับพี่หนวดก่อนรีบเดินเข้าห้องน้ำ
สักพักเดียวเมื่อเสร็จธุระผมจึงเดินออกมา แล้วก็เห็นว่าตอนนี้พี่หนวดขึ้นไปอยู่บนรถพร้อมสตาร์ทเครื่องแล้ว เอาล่ะสิ พี่แกจะเร่งไปไหนละเนี่ย ผมจึงรีบขึ้นรถอย่างรวดเร็ว เมื่อผมขึ้นรถแล้วพี่หนวดแทบจะปิดประตูในทันที
ผมคิดว่านี่ถ้าไม่ได้บอกพี่แกสักหน่อยว่าขอไปเข้าห้องน้ำ พี่แกคงทิ้งผม(หรือใครก็ตาม)ไว้แน่ๆ
และก็จริงอย่างที่คิดเมื่อครอบครัวชาวเขมรด้านหลังเริ่มส่งเสียงโวยวายกัน บางส่วนผุดลุกผุดนั่งและบางส่วนรีบวิ่งไปหาคนขับ
"จอดก่อนๆ คนยังไม่ครบๆ" ชายวัยกลางคนในกลุ่มนั้นรีบเข้าไปบอกพี่หนวด
"อะไรนะ" พี่หนวดถอยรถออกจากซอง
"คนยังไม่ครบ ลงไปข้างล่างอีกคนนึง" ชายคนนั้นย้ำต่อ
"ไหน อยู่ไหน" พี่หนวดขับรถวนรอบอาคาร
"โน่น อยู่โน่น" ชายคนนั้นมองออกไปนอกรถอย่างกระวนกระวายพลางสอดสายตาหาเพื่อน
"ไม่เห็นเลย ไหนๆ" พี่หนวดพูดพลางขับรถเลี้ยวโค้งไปพลาง และในที่สุดพี่หนวดก็จอดรถแล้วเปิดประตูให้ชายคนนั้นลงไป
ชายคนนั้นวิ่งไปที่ท่ารถพลางกระตุกเพื่อนที่นั่งคุยโทรศัพท์อย่างสบายอารมณ์ แล้วทั้งคู่ก็รีบวิ่งมาขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
"คุยอะไร ทำไมลงไปคุยข้างล่าง" พี่หนวดพูดยิ้มๆแบบเหี้ยมนิดๆ แล้วก็ออกรถ