บทที่ 1
“ฮา..โหลลลลล” กังสดาลคว้าโทรศัพท์มารับทั้งที่ยังไม่ลืมตาตื่น
“ตื่นได้แล้วครับ คุณว่าที่แฟน”
“ใครอ่ะ?” คำทักทายแปลกๆ ทำให้การรับรู้ของหญิงสาวเริ่มทำงาน
“แล้วเมื่อคืนคุณให้เบอร์ใครไว้ล่ะครับ” เสียงปลายสายหยอกเย้าคนขี้ลืม
“ไม่มี”
“อะไรกันขี้ลืมขนาดนั้นเชียวหรือครับ ผมคีย์ไง” เสียงชายหนุ่มปลายสายสั่นพริ้วเจือปนด้วยเสียงหัวเราะ
“คีย์.... เฮ้ยๆๆ คุณคีย์” กังสดาลเลิกสะลึมสะลือ ยกโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอเห็นเป็นเบอร์แปลก แล้วยิ่งตกใจจนกดวางสายอย่างไม่เจตนา แต่ที่ทำให้ตกใจจนลืมสลัดความง่วงทิ้งได้ปลิดทิ้งคือเวลาที่ชี้ว่าครึ่งชั่วโมงจะเข้าเรียน
กังสดาล กองบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่น แต่ชีวิตห่างไกลจากแฟชั่นเสียเหลือเกิน และยิ่งห่างมากขึ้นไปอีกเมื่อวันหยุดเสาร์-อาทิตย์อันมีค่าต้องทุ่มเทให้กับการเรียนต่อในสายงานที่เธอรัก
*****
ตอนเที่ยงกว่าๆหลังเช้าวันที่กังสดาลเข้าเรียนทันแบบฉิวเฉียด หญิงสาวเดินออกมาจากห้องเรียนด้วยสภาพเหมือนโดนดูดวิญญาณพร้อมกลุ่มเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเพราะชายหนุ่มที่ยืนเด่นอยู่หน้าห้องเรียน รังสีความหล่อเรียกสายตาของสาวแท้สาวเทียมและหนุ่มแอ๊บแมนที่กำลังเดินออกมาจากห้องได้เป็นอย่างดี ยังไม่นับรวมรอยยิ้มที่ป่านนี้คงขโมยหัวใจใครได้อีกหลายคน
ตอนที่คีตกาลโทรมาอีกครั้งก่อนเข้าห้องเรียนหญิงสาวเพียงแค่บอกเขาไปว่าเธอกำลังจะเข้าเรียน แม้จะโดนซักถามถึงมหาลัย แต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะมาจริงๆ
จริงๆ คือ เธอไม่คิดว่าเรื่องเมื่อคืนมันคือความจริง!
“คุณมาได้ไงอ่ะ” กังสดาลเดินปรี่เข้าไปลากชายหนุ่มไปคุยกันในมุมห้องโถงให้พ้นสายตาเพื่อนๆ ที่กำลังคันปากอยากซักถามที่มาของชายหนุ่มหน้าห้องคนนี้
“ก็ผมบอกแล้วไม่ใช่หรอว่า เที่ยงนี้เจอกัน” คีตกาลทวนความจำให้หญิงสาวที่ทำหน้างงไม่เลิก
“มันก็ใช่ แต่ฉันคิดว่าคุณล้อเล่น ไม่นึกว่า...”
“ผมจะมาจริง?” เขาช่วยต่อคำให้เธอ พร้อมยังทำหน้าที่สุภาพบุรุษด้วยการคว้าหนังสือจากมือป้อมๆ
มาถือไว้เอง และยังไม่ลืมยิ้มตอบให้กับสาวๆ แปลกหน้าที่พยายามเดินผ่านมาส่งยิ้มให้ “ก็บอกแล้วไงว่าผมจะจีบคุณ ไปหาอะไรกินกันเหอะ ผมหิวจะแย่
แล้ว” เหมือนกังสดาลจะถูกสะกดด้วยรอยยิ้มไปอีกคน เมื่อเดินยอมตามชายหนุ่มไปง่ายๆ
มื้อเที่ยงแรกของคนทั้งคู่เป็นอาหารง่ายๆแต่ขึ้นชื่อของย่านพระอาทิตย์อย่างก๋วยจั๊บญวนที่อยู่ไม่ไกลจากมหาลัย
“ไม่คิดว่าเซเลปอย่างคุณจะมากินอะไรอย่างนี้นะเนี้ย” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของกังสดาลยามมองดูคนที่ทานไปซับเหงื่อไปเพราะความร้อนของร้านและอาหาร
“คุณไม่รู้อะไรซะแล้ว ร้านนี้ร้านประจำของคุณแม่ผมเลยนะ” คีตกาลยิ้มกว้าง “แต่คุณก็กินง่ายนะ แถมยังดูกินแล้วน่าอร่อยด้วย”
“แหงสิ ถ้าไม่กินง่ายตัวฉันไม่แตกขนดนี้หรอก.....ยิ้มอะไรของคุณ น้องค่ะ เฉาก๊วยถ้วยหนึ่ง” กังสดาลโวยชายหนุ่ม แต่ประโยคหลังกลับหันไปสั่งของหวานจากเด็กในร้าน
รอเพียงไม่นานเฉาก๊วยถ้วยเล็กก็ถูกยกมาเสิร์ฟ หญิงสาวตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย แต่ก็ไม่ลืมชวนคนตรงหน้าให้ทานด้วยกัน “คุณชิมไหม เฉาก๊วยที่นี่อร่อยนะ หนึบสุดๆ” กังสดาลยื่นช้อนให้ชายหนุ่มรับไป แต่ไม่ทันไรก็ชักช้อนกลับ “ยิ้มอะไร....คิดว่าฉันอ้วนเพราะกินเก่งล่ะสิ ไม่ต้องชิมแล้วเฉาก๊วยเนี่ย
“เฮ้ย! อะไรของคุณ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย คีตกาลยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทางขัดกันของคนที่บ่นว่าตัวเองอ้วนแต่ก็กินไม่หยุดปาก “ไหนว่าอร่อย เอามาให้ชิมหน่อย” ชายหนุ่มยื่นแขนยาวๆที่ได้เปรียบกว่าคว้าช้อนมาจากมือของหญิงสาว
“ไม่ให้!” กังสดาลประกาศเสียงเข้ม เลื่อนถ้วยเฉาก๊วยหนีช้อนในมือของคีตกาล “คุณไม่พูด แต่รอยยิ้มกับตาคุณมันฟ้องว่ากำลังว่าฉัน อยากกินก็สั่งของคุณมาเลย” เกิดเป็นศึกเฉาก๊วยที่สร้างรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของทั้งคู่ ที่จะว่าไปแล้วก็ต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน
“น้องครับ เฉาก๊วยถ้วยหนึ่งครับ” ในที่สุดคีตกาลก็ยอมสั่งเฉาก๊วยของตัวเอง แต่ก็ไม่คืนช้อนให้กับหญิงสาวที่ทำหน้าบูดบึ้ง แม้จนเด็กเสิร์ฟยกถ้วยเฉาก๊วยมาเพิ่ม คีตกาลก็ยังไม่คืนช้อนให้
“คุณเอาช้อนฉันคืนมาได้แล้ว ไม่งั้นฉันกินช้อนของคุณนะ” กังสดาลขี้เกียจแย่งช้อนจากคนที่ได้เปรียบทางกายภาพ จึงฉวยหยิบช้อนใหม่จากถ้วยที่พึ่งยกมาวางอย่างไว พลางยักคิ้วเยาะเย้ยชายหนุ่ม
คีตกาลส่ายใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มให้กับท่าทางเอาชนะแบบเด็กๆของหญิงสาว ก่อนใช้ช้อนที่แย่งมาได้ตักเฉาก๊วยชิมความอร่อยที่มีคนนำเสนอ “อร่อยอย่างคุณว่าจริงด้วย ผมไม่เคยลองสั่งนะ”
“ฉันบอกแล้ว” สองหนุ่มสาวนั่งทานไปเรื่อยๆ ใบหน้าของทั้งสองเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลาด้วยเรื่องตลกที่ต่างสรรหามาเล่า
“คุณ” คีตกาลเรียกหญิงสาวที่กำลังหันไปแกล้งเด็กเล็กโต๊ะข้างๆ “ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“เออออจริงด้วย ฉันชื่อ...”
“ไม่เอา อย่าพึ่งบอก” นิ้วเรียวยาวประทับลงบนริมฝีปากของหญิงสาวก่อนที่เธอจะได้แนะนำตัว
“แต่คุณต้องตอบคำถามผม แค่พยักหน้าหรือส่ายหน้าตกลงนะ?”
หน้ากลมๆ พยักหน้าขึ้นลง ดวงตามองนิ้วเรียวยาวที่แนบอยู่กับริมฝีปาก
“เดี๋ยวมีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่า”
กังสดาลส่ายหน้า....คีตกาลยิ้ม
“ว่างพอจะนั่งเล่นสักชั่วโมง สองชั่วโมงไหม”
กังสดาลพยักหน้า....คีตกาลยิ้มมากขึ้น
“อิ่มหรือยัง”
กังสดาลส่ายหน้าแล้วพยักหน้าที่บูดบึ้ง ....คีตกาลกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น
“โอ้ยยยยย....ฉันพูดได้ยังเนี่ย?” ทันที่นิ้วเรียวๆยกออกจากปาก กังสดาลก็เริ่มโวยวายเสียงดัง ใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากให้ตัวเอง ส่งค้อนให้ชายหนุ่ม
“ก็พูดมาแล้วนิ” จากที่กลั้นขำ ตอนนี้คีตกาลปล่อยให้ตัวเองขำเต็มที่กับท่าทางตลกๆของหญิงสาวที่เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนอื่นทำแบบนี้ “คุณนี้ตลกชะมัด”
“ใครมันจะไปหล่อ รวย เพอร์เฟ็ค มาดดี อย่างคุณล่ะ” กังสดาลประชดชายหนุ่มที่ยังหัวเราะไม่เลิก แต่มือก็หยิบเงินค่าอาหารส่วนของตัวเองออกมากจ่ายแม้แขนจะถูกยื้อไว้โดยอีกคน แต่ในที่สุดก็ได้จ่ายเงินด้วยเหตุผลที่ดูเห็นแก่กินอย่างสุดๆ “ไว้คุณเลี้ยงอาหารฝั่งเศสปนอิตาเลี่ยนฟิวชั่นสเปนล่ะกันนะ”
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเสียงบ่นกระปอดกระแปดชวนหลอนจากคีตกาลตลอดการข้ามถนนไปฝั่งป้อมพระสุเมรุ จนถึงบันไดริมตลิ่งน้ำ
“คุณคีย์ เลิกบ่นได้แล้ว ถ้ายังไม่เลิกบ่นฉันจะเดินกลับไปกินที่ร้านให้คุณเลี้ยงจริงๆ”
“กินไหวหรือไง” คราวนี้เป็นตาของชายหนุ่มที่ส่งค้อนคมให้หญิงสาวได้กลั้นหัวเราะ จนคนงอนชักออกอาการพาล “หัวเราะอะไร”
“เปล่า” กังสดาลปฏิเสธเสียงสูง แต่ใจความสำคัญอยู่ที่ประโยคหลัง “คุณงอนน่ารักชะมัดเลย....โอ๋ๆๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้” มือป้อมลูบแผ่นหลังกว้างของคนนั่งข้างๆอย่างปลอบใจ “แล้วคุณพาฉันมาที่นี้ทำไมคะ?”
“ก็ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ไม่รู้อะไรเลยทั้งที่ต้องจีบคุณ ก็เลยอยากชวนมานั่งคุย นั่งทำความรู้จักไงล่ะครับ” คีตกาลกลับสู่โหมดจริงจัง แววตาคมจ้องมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เอาแต่ก้มมองคลื่นน้ำที่กระทบซัดตลิ่งไม่ยอมมองหน้ากัน
“ฉันชื่อกังสดาล ชื่อเล่นว่า กั้ง ส่วนที่เหลือคุณไม่ต้องรู้ก็ได้ ยังไงเราก็คงได้เจอกันแค่สามเดือนนี้เท่านั้นหละ” ดวงตารียังคงทอดมองสายน้ำที่วิ่งมากระทบตลิ่งแล้วสะท้อนหายไป มันก็คงไม่ต่างจากเธอตอนนี้ที่ถูกพัดให้มาพบเจอผู้ชายคนหนึ่ง แล้วอีกไม่นานก็คงหายจากชีวิตของกันและกัน
“กั้ง!...เอ่อ ผมขอเรียกชื่อนี้ล่ะกันนะ” คีตกาลเอ่ยขึ้นเมื่อการเรียกชื่อทำให้เธอหันกลับมามองที่เขา “คุณไม่คิดว่าผ่านสามเดือนนี้ไปเราอาจจะได้เป็นเพื่อนสนิท หรืออาจจะเป็นคนรักบ้างเลยหรือไง”
แค่คำถามก็ทำให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาว แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเหงา “แค่เพื่อนกันธรรมดายังยากเลยค่ะ ฉันไม่คิดไปถึงเพื่อนสนิท ยิ่งคนรักยิ่งไม่มีทาง คุณมีโลกของคุณ ฉันก็มีโลกของฉัน เราอยู่กันคนละโลก ที่ได้มานั่งคุยกันในวันนี้ก็ปาฏิหาริย์มากแล้ว”
“คุณบอกว่าเราอยู่กันคนละโลก แล้วไม่คิดบ้างหรอว่าโลกของเราอาจมีบางส่วนที่ทับซ้อนกันอยู่ก็ได้.....เอาหน่ากั้ง ถือว่าเล่นเกมสนุกๆ คุณถามผม ผมถามคุณ ถือซะว่าเป็นข้อมูลให้ผมชนะพนันเพื่อนก็ได้” คีตกาลใช้วาทศิลป์หว่านล้อมจนหญิงสาวยอมใจยอมเล่นเกมถามตอบของเขา
“พ้นสามเดือนนี่ไป คุณจะคิดว่ามันเป็นข้อมูลที่รกสมอง เชื่อฉันสิค่ะ” กังสดาลพูดสิ่งที่คิดออกมา
“ใครจะรู้ล่ะครับ นี่อาจเป็นข้อมูลที่มีค่ามากที่สุดก็ได้” คีตกาลมองเห็นแววตาที่แสดงความเห็นขัดแย้งและความแข็งกร้าว เหมือนไม่ใช่แววตาของผู้หญิงคนเดียวกับในร้านก๋วยจั๊บญวนเลย แต่เขาก็ยังคงยิ้มให้เธอ “ผมเริ่มก่อนนะ คุณอายุเท่าไหร่”
“น้อยกว่าคุณสองปี ตาฉันถามใช่ไหม.....ความสัมพันธ์ของคุณกับนางเอกคนที่กำลังมีข่าวด้วยกัน”
“เฮ้ย ทำไมถามคำถามนี้ล่ะ?”
“อ้าวก็ฉันอยากรู้เรื่องนี้นิ คุณก็ตอบมาซิ” กังสดาลยักคิ้วเยาะในขณะที่คนคิดเกมเริ่มเหงื่อตก
“ก็เพื่อนกันนั่นแหล่ะ คุณไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาบอกว่า คุณแย่งแฟนเขาหรอก ผมโสดดดดดด” คีตกาลลากเสียงยาวตอกย้ำความโสด
“แต่ไม่สนิท” กังสดาลต่อคำให้อย่างไม่เชื่อถือ มองเห็นแววตาขี้เล่นหยอกล้อของชายหนุ่มที่ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ
“ตาผมถามบ้างล่ะ คุณทำงานอะไร”
“นิตยสารผู้หญิง”
“มิน่าหล่ะ คุณร้ายมากนะกั้ง” เพียงแค่คีตกาลพูดจบเสียงหัวเราะของหญิงสาวก็ดังลั่น “คุณผู้หญิงครับช่วยจริงจังกับเรื่องของเราหน่อยสิครับ อย่าพึ่งอยาก
เก็บข้อมูลหรือสัมภาษณ์ผมตอนนี้”
“ก็ฉันอยากรู้เรื่องนี้นินา เอ.......จะถามอะไรอีกดีนะ”
“ถามมาเถอะครับ ผมตอบหมดแหล่ะ”
“งั้นถ้าฉันถามเรื่องที่เคยมีข่าวว่า นางแบบสองคนเขม่นกันเพราะคุณจริงไหม คุณจะตอบฉันหรือเปล่า”
“กั้งงงงง” ชายหนุ่มลากเสียงยาวอย่างอ่อนใจจนเจ้าของชื่อต้องหัวเราะ “ถามเรื่องผมสิครับ”
“นี่ก็เรื่องของคุณนะคะ” กังสดาลตอบเสียงหวาน ขำไม่หยุดกับท่าทางของชายหนุ่ม
“มันก็ใช่ครับ แต่ทำไมไม่ถามพวกชอบสีอะไร เลี้ยงหมากี่ตัว มีรถกี่คัน ไลฟ์สไตล์แบบไหน หรือกินอะไรทำไมถึงหล่อจัง บ้างล่ะครับ”
“คุณหลงตัวเองกับเขาด้วยหรอ ชมตัวเองหน้าตาเฉย” กังสดาลทำหน้าไม่อยากเชื่อ
“ก็ผมหล่อจริงๆนี่” คีตกาลยักไหล่
กังสดาลเบ้หน้าส่ายศีรษะเหมือนไม่ยอมรับคำชมตัวเองของชายหนุ่ม ก่อนถามคำถามอีกครั้งไม่อย่างนั้นผู้ชายคนนี้อาจชมตัวเองไม่เลิก “คุณมีเงินในบัญชีเท่าไหร่”
“เฮ้ย! อยากรู้จริงอ่ะ?” คีตกาลสะดุ้งถาม
“ล้อเล่น ก็ฉันไม่รู้จะถามอะไรคุณ เรื่องของคุณมันหาอ่านได้ในหน้าหนังสือ หน้านิตยสารอยู่แล้ว” กังสดาลบอกอย่างจนใจ “นอกจากคุณจะยอมให้ฉัน
สัมภาษณ์ได้ไหมล่ะ”
“เรื่องงานอีกแล้ว! ใจคอคุณไม่จะถามถึงสเป๊คผู้หญิงหรืออะไรพวกนั้นเลยหรือไง”
“เรื่องแบบนั้นใครก็รู้ บอกแล้วว่าเรื่องของคุณหาอ่านได้จากนิตยสาร” กังสดาลยังคงยืนยันความคิดเดิม
“รับรองว่าถ้าคุณถามผมจะตอบอย่างจริงใจ ไม่เฟคเหมือนที่ตอบในหนังสือเล่มอื่นแน่ๆ”
“ก็ไม่พ้นว่าสวย”
เสียงหัวเราะของคีตกาลดังลั่นทั่วสวนเงียบๆ หลังจบคำพูดของหญิงสาว “รู้จักผมไม่เท่าไหร่ก็รู้ใจผมแล้ว สมกับเป็นว่าที่แฟนจริงๆ”
“ฮึ! ผู้ชาย”
“ผมว่านะ ถ้าให้คุณถามเรื่องผมแบบนี้ไม่ได้เรื่องแน่ๆ ผมถามคุณคนเดียวดีกว่า แล้วเดี๋ยวผมเล่าเรื่องตัวเองให้คุณฟังเอง”
แล้วเสียงพูดคุยของสองหนุ่มสาวก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เรื่องเล่าของคีตกาลเรียกทั้งเสียงหัวเราะและความหมั่นไส้ให้กังสดาลได้ตลอดในขณะที่คำตอบจากชีวิตเธอช่างดูเรียบง่ายและน่าเบื่อ
“คุณถามมาจะชั่วโมงแล้วไม่เบื่อหรือไง” กังสดาลเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
พนันรัก เกมหัวใจ (บทที่ 1 )
“ฮา..โหลลลลล” กังสดาลคว้าโทรศัพท์มารับทั้งที่ยังไม่ลืมตาตื่น
“ตื่นได้แล้วครับ คุณว่าที่แฟน”
“ใครอ่ะ?” คำทักทายแปลกๆ ทำให้การรับรู้ของหญิงสาวเริ่มทำงาน
“แล้วเมื่อคืนคุณให้เบอร์ใครไว้ล่ะครับ” เสียงปลายสายหยอกเย้าคนขี้ลืม
“ไม่มี”
“อะไรกันขี้ลืมขนาดนั้นเชียวหรือครับ ผมคีย์ไง” เสียงชายหนุ่มปลายสายสั่นพริ้วเจือปนด้วยเสียงหัวเราะ
“คีย์.... เฮ้ยๆๆ คุณคีย์” กังสดาลเลิกสะลึมสะลือ ยกโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอเห็นเป็นเบอร์แปลก แล้วยิ่งตกใจจนกดวางสายอย่างไม่เจตนา แต่ที่ทำให้ตกใจจนลืมสลัดความง่วงทิ้งได้ปลิดทิ้งคือเวลาที่ชี้ว่าครึ่งชั่วโมงจะเข้าเรียน
กังสดาล กองบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่น แต่ชีวิตห่างไกลจากแฟชั่นเสียเหลือเกิน และยิ่งห่างมากขึ้นไปอีกเมื่อวันหยุดเสาร์-อาทิตย์อันมีค่าต้องทุ่มเทให้กับการเรียนต่อในสายงานที่เธอรัก
ตอนเที่ยงกว่าๆหลังเช้าวันที่กังสดาลเข้าเรียนทันแบบฉิวเฉียด หญิงสาวเดินออกมาจากห้องเรียนด้วยสภาพเหมือนโดนดูดวิญญาณพร้อมกลุ่มเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเพราะชายหนุ่มที่ยืนเด่นอยู่หน้าห้องเรียน รังสีความหล่อเรียกสายตาของสาวแท้สาวเทียมและหนุ่มแอ๊บแมนที่กำลังเดินออกมาจากห้องได้เป็นอย่างดี ยังไม่นับรวมรอยยิ้มที่ป่านนี้คงขโมยหัวใจใครได้อีกหลายคน
ตอนที่คีตกาลโทรมาอีกครั้งก่อนเข้าห้องเรียนหญิงสาวเพียงแค่บอกเขาไปว่าเธอกำลังจะเข้าเรียน แม้จะโดนซักถามถึงมหาลัย แต่เธอก็ไม่คิดว่าเขาจะมาจริงๆ
จริงๆ คือ เธอไม่คิดว่าเรื่องเมื่อคืนมันคือความจริง!
“คุณมาได้ไงอ่ะ” กังสดาลเดินปรี่เข้าไปลากชายหนุ่มไปคุยกันในมุมห้องโถงให้พ้นสายตาเพื่อนๆ ที่กำลังคันปากอยากซักถามที่มาของชายหนุ่มหน้าห้องคนนี้
“ก็ผมบอกแล้วไม่ใช่หรอว่า เที่ยงนี้เจอกัน” คีตกาลทวนความจำให้หญิงสาวที่ทำหน้างงไม่เลิก
“มันก็ใช่ แต่ฉันคิดว่าคุณล้อเล่น ไม่นึกว่า...”
“ผมจะมาจริง?” เขาช่วยต่อคำให้เธอ พร้อมยังทำหน้าที่สุภาพบุรุษด้วยการคว้าหนังสือจากมือป้อมๆ
มาถือไว้เอง และยังไม่ลืมยิ้มตอบให้กับสาวๆ แปลกหน้าที่พยายามเดินผ่านมาส่งยิ้มให้ “ก็บอกแล้วไงว่าผมจะจีบคุณ ไปหาอะไรกินกันเหอะ ผมหิวจะแย่
แล้ว” เหมือนกังสดาลจะถูกสะกดด้วยรอยยิ้มไปอีกคน เมื่อเดินยอมตามชายหนุ่มไปง่ายๆ
มื้อเที่ยงแรกของคนทั้งคู่เป็นอาหารง่ายๆแต่ขึ้นชื่อของย่านพระอาทิตย์อย่างก๋วยจั๊บญวนที่อยู่ไม่ไกลจากมหาลัย
“ไม่คิดว่าเซเลปอย่างคุณจะมากินอะไรอย่างนี้นะเนี้ย” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของกังสดาลยามมองดูคนที่ทานไปซับเหงื่อไปเพราะความร้อนของร้านและอาหาร
“คุณไม่รู้อะไรซะแล้ว ร้านนี้ร้านประจำของคุณแม่ผมเลยนะ” คีตกาลยิ้มกว้าง “แต่คุณก็กินง่ายนะ แถมยังดูกินแล้วน่าอร่อยด้วย”
“แหงสิ ถ้าไม่กินง่ายตัวฉันไม่แตกขนดนี้หรอก.....ยิ้มอะไรของคุณ น้องค่ะ เฉาก๊วยถ้วยหนึ่ง” กังสดาลโวยชายหนุ่ม แต่ประโยคหลังกลับหันไปสั่งของหวานจากเด็กในร้าน
รอเพียงไม่นานเฉาก๊วยถ้วยเล็กก็ถูกยกมาเสิร์ฟ หญิงสาวตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย แต่ก็ไม่ลืมชวนคนตรงหน้าให้ทานด้วยกัน “คุณชิมไหม เฉาก๊วยที่นี่อร่อยนะ หนึบสุดๆ” กังสดาลยื่นช้อนให้ชายหนุ่มรับไป แต่ไม่ทันไรก็ชักช้อนกลับ “ยิ้มอะไร....คิดว่าฉันอ้วนเพราะกินเก่งล่ะสิ ไม่ต้องชิมแล้วเฉาก๊วยเนี่ย
“เฮ้ย! อะไรของคุณ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย คีตกาลยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทางขัดกันของคนที่บ่นว่าตัวเองอ้วนแต่ก็กินไม่หยุดปาก “ไหนว่าอร่อย เอามาให้ชิมหน่อย” ชายหนุ่มยื่นแขนยาวๆที่ได้เปรียบกว่าคว้าช้อนมาจากมือของหญิงสาว
“ไม่ให้!” กังสดาลประกาศเสียงเข้ม เลื่อนถ้วยเฉาก๊วยหนีช้อนในมือของคีตกาล “คุณไม่พูด แต่รอยยิ้มกับตาคุณมันฟ้องว่ากำลังว่าฉัน อยากกินก็สั่งของคุณมาเลย” เกิดเป็นศึกเฉาก๊วยที่สร้างรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้าของทั้งคู่ ที่จะว่าไปแล้วก็ต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน
“น้องครับ เฉาก๊วยถ้วยหนึ่งครับ” ในที่สุดคีตกาลก็ยอมสั่งเฉาก๊วยของตัวเอง แต่ก็ไม่คืนช้อนให้กับหญิงสาวที่ทำหน้าบูดบึ้ง แม้จนเด็กเสิร์ฟยกถ้วยเฉาก๊วยมาเพิ่ม คีตกาลก็ยังไม่คืนช้อนให้
“คุณเอาช้อนฉันคืนมาได้แล้ว ไม่งั้นฉันกินช้อนของคุณนะ” กังสดาลขี้เกียจแย่งช้อนจากคนที่ได้เปรียบทางกายภาพ จึงฉวยหยิบช้อนใหม่จากถ้วยที่พึ่งยกมาวางอย่างไว พลางยักคิ้วเยาะเย้ยชายหนุ่ม
คีตกาลส่ายใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มให้กับท่าทางเอาชนะแบบเด็กๆของหญิงสาว ก่อนใช้ช้อนที่แย่งมาได้ตักเฉาก๊วยชิมความอร่อยที่มีคนนำเสนอ “อร่อยอย่างคุณว่าจริงด้วย ผมไม่เคยลองสั่งนะ”
“ฉันบอกแล้ว” สองหนุ่มสาวนั่งทานไปเรื่อยๆ ใบหน้าของทั้งสองเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลาด้วยเรื่องตลกที่ต่างสรรหามาเล่า
“คุณ” คีตกาลเรียกหญิงสาวที่กำลังหันไปแกล้งเด็กเล็กโต๊ะข้างๆ “ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“เออออจริงด้วย ฉันชื่อ...”
“ไม่เอา อย่าพึ่งบอก” นิ้วเรียวยาวประทับลงบนริมฝีปากของหญิงสาวก่อนที่เธอจะได้แนะนำตัว
“แต่คุณต้องตอบคำถามผม แค่พยักหน้าหรือส่ายหน้าตกลงนะ?”
หน้ากลมๆ พยักหน้าขึ้นลง ดวงตามองนิ้วเรียวยาวที่แนบอยู่กับริมฝีปาก
“เดี๋ยวมีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่า”
กังสดาลส่ายหน้า....คีตกาลยิ้ม
“ว่างพอจะนั่งเล่นสักชั่วโมง สองชั่วโมงไหม”
กังสดาลพยักหน้า....คีตกาลยิ้มมากขึ้น
“อิ่มหรือยัง”
กังสดาลส่ายหน้าแล้วพยักหน้าที่บูดบึ้ง ....คีตกาลกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น
“โอ้ยยยยย....ฉันพูดได้ยังเนี่ย?” ทันที่นิ้วเรียวๆยกออกจากปาก กังสดาลก็เริ่มโวยวายเสียงดัง ใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากให้ตัวเอง ส่งค้อนให้ชายหนุ่ม
“ก็พูดมาแล้วนิ” จากที่กลั้นขำ ตอนนี้คีตกาลปล่อยให้ตัวเองขำเต็มที่กับท่าทางตลกๆของหญิงสาวที่เขาไม่เคยเจอผู้หญิงคนอื่นทำแบบนี้ “คุณนี้ตลกชะมัด”
“ใครมันจะไปหล่อ รวย เพอร์เฟ็ค มาดดี อย่างคุณล่ะ” กังสดาลประชดชายหนุ่มที่ยังหัวเราะไม่เลิก แต่มือก็หยิบเงินค่าอาหารส่วนของตัวเองออกมากจ่ายแม้แขนจะถูกยื้อไว้โดยอีกคน แต่ในที่สุดก็ได้จ่ายเงินด้วยเหตุผลที่ดูเห็นแก่กินอย่างสุดๆ “ไว้คุณเลี้ยงอาหารฝั่งเศสปนอิตาเลี่ยนฟิวชั่นสเปนล่ะกันนะ”
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเสียงบ่นกระปอดกระแปดชวนหลอนจากคีตกาลตลอดการข้ามถนนไปฝั่งป้อมพระสุเมรุ จนถึงบันไดริมตลิ่งน้ำ
“คุณคีย์ เลิกบ่นได้แล้ว ถ้ายังไม่เลิกบ่นฉันจะเดินกลับไปกินที่ร้านให้คุณเลี้ยงจริงๆ”
“กินไหวหรือไง” คราวนี้เป็นตาของชายหนุ่มที่ส่งค้อนคมให้หญิงสาวได้กลั้นหัวเราะ จนคนงอนชักออกอาการพาล “หัวเราะอะไร”
“เปล่า” กังสดาลปฏิเสธเสียงสูง แต่ใจความสำคัญอยู่ที่ประโยคหลัง “คุณงอนน่ารักชะมัดเลย....โอ๋ๆๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้” มือป้อมลูบแผ่นหลังกว้างของคนนั่งข้างๆอย่างปลอบใจ “แล้วคุณพาฉันมาที่นี้ทำไมคะ?”
“ก็ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ไม่รู้อะไรเลยทั้งที่ต้องจีบคุณ ก็เลยอยากชวนมานั่งคุย นั่งทำความรู้จักไงล่ะครับ” คีตกาลกลับสู่โหมดจริงจัง แววตาคมจ้องมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เอาแต่ก้มมองคลื่นน้ำที่กระทบซัดตลิ่งไม่ยอมมองหน้ากัน
“ฉันชื่อกังสดาล ชื่อเล่นว่า กั้ง ส่วนที่เหลือคุณไม่ต้องรู้ก็ได้ ยังไงเราก็คงได้เจอกันแค่สามเดือนนี้เท่านั้นหละ” ดวงตารียังคงทอดมองสายน้ำที่วิ่งมากระทบตลิ่งแล้วสะท้อนหายไป มันก็คงไม่ต่างจากเธอตอนนี้ที่ถูกพัดให้มาพบเจอผู้ชายคนหนึ่ง แล้วอีกไม่นานก็คงหายจากชีวิตของกันและกัน
“กั้ง!...เอ่อ ผมขอเรียกชื่อนี้ล่ะกันนะ” คีตกาลเอ่ยขึ้นเมื่อการเรียกชื่อทำให้เธอหันกลับมามองที่เขา “คุณไม่คิดว่าผ่านสามเดือนนี้ไปเราอาจจะได้เป็นเพื่อนสนิท หรืออาจจะเป็นคนรักบ้างเลยหรือไง”
แค่คำถามก็ทำให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาว แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเหงา “แค่เพื่อนกันธรรมดายังยากเลยค่ะ ฉันไม่คิดไปถึงเพื่อนสนิท ยิ่งคนรักยิ่งไม่มีทาง คุณมีโลกของคุณ ฉันก็มีโลกของฉัน เราอยู่กันคนละโลก ที่ได้มานั่งคุยกันในวันนี้ก็ปาฏิหาริย์มากแล้ว”
“คุณบอกว่าเราอยู่กันคนละโลก แล้วไม่คิดบ้างหรอว่าโลกของเราอาจมีบางส่วนที่ทับซ้อนกันอยู่ก็ได้.....เอาหน่ากั้ง ถือว่าเล่นเกมสนุกๆ คุณถามผม ผมถามคุณ ถือซะว่าเป็นข้อมูลให้ผมชนะพนันเพื่อนก็ได้” คีตกาลใช้วาทศิลป์หว่านล้อมจนหญิงสาวยอมใจยอมเล่นเกมถามตอบของเขา
“พ้นสามเดือนนี่ไป คุณจะคิดว่ามันเป็นข้อมูลที่รกสมอง เชื่อฉันสิค่ะ” กังสดาลพูดสิ่งที่คิดออกมา
“ใครจะรู้ล่ะครับ นี่อาจเป็นข้อมูลที่มีค่ามากที่สุดก็ได้” คีตกาลมองเห็นแววตาที่แสดงความเห็นขัดแย้งและความแข็งกร้าว เหมือนไม่ใช่แววตาของผู้หญิงคนเดียวกับในร้านก๋วยจั๊บญวนเลย แต่เขาก็ยังคงยิ้มให้เธอ “ผมเริ่มก่อนนะ คุณอายุเท่าไหร่”
“น้อยกว่าคุณสองปี ตาฉันถามใช่ไหม.....ความสัมพันธ์ของคุณกับนางเอกคนที่กำลังมีข่าวด้วยกัน”
“เฮ้ย ทำไมถามคำถามนี้ล่ะ?”
“อ้าวก็ฉันอยากรู้เรื่องนี้นิ คุณก็ตอบมาซิ” กังสดาลยักคิ้วเยาะในขณะที่คนคิดเกมเริ่มเหงื่อตก
“ก็เพื่อนกันนั่นแหล่ะ คุณไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาบอกว่า คุณแย่งแฟนเขาหรอก ผมโสดดดดดด” คีตกาลลากเสียงยาวตอกย้ำความโสด
“แต่ไม่สนิท” กังสดาลต่อคำให้อย่างไม่เชื่อถือ มองเห็นแววตาขี้เล่นหยอกล้อของชายหนุ่มที่ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ
“ตาผมถามบ้างล่ะ คุณทำงานอะไร”
“นิตยสารผู้หญิง”
“มิน่าหล่ะ คุณร้ายมากนะกั้ง” เพียงแค่คีตกาลพูดจบเสียงหัวเราะของหญิงสาวก็ดังลั่น “คุณผู้หญิงครับช่วยจริงจังกับเรื่องของเราหน่อยสิครับ อย่าพึ่งอยาก
เก็บข้อมูลหรือสัมภาษณ์ผมตอนนี้”
“ก็ฉันอยากรู้เรื่องนี้นินา เอ.......จะถามอะไรอีกดีนะ”
“ถามมาเถอะครับ ผมตอบหมดแหล่ะ”
“งั้นถ้าฉันถามเรื่องที่เคยมีข่าวว่า นางแบบสองคนเขม่นกันเพราะคุณจริงไหม คุณจะตอบฉันหรือเปล่า”
“กั้งงงงง” ชายหนุ่มลากเสียงยาวอย่างอ่อนใจจนเจ้าของชื่อต้องหัวเราะ “ถามเรื่องผมสิครับ”
“นี่ก็เรื่องของคุณนะคะ” กังสดาลตอบเสียงหวาน ขำไม่หยุดกับท่าทางของชายหนุ่ม
“มันก็ใช่ครับ แต่ทำไมไม่ถามพวกชอบสีอะไร เลี้ยงหมากี่ตัว มีรถกี่คัน ไลฟ์สไตล์แบบไหน หรือกินอะไรทำไมถึงหล่อจัง บ้างล่ะครับ”
“คุณหลงตัวเองกับเขาด้วยหรอ ชมตัวเองหน้าตาเฉย” กังสดาลทำหน้าไม่อยากเชื่อ
“ก็ผมหล่อจริงๆนี่” คีตกาลยักไหล่
กังสดาลเบ้หน้าส่ายศีรษะเหมือนไม่ยอมรับคำชมตัวเองของชายหนุ่ม ก่อนถามคำถามอีกครั้งไม่อย่างนั้นผู้ชายคนนี้อาจชมตัวเองไม่เลิก “คุณมีเงินในบัญชีเท่าไหร่”
“เฮ้ย! อยากรู้จริงอ่ะ?” คีตกาลสะดุ้งถาม
“ล้อเล่น ก็ฉันไม่รู้จะถามอะไรคุณ เรื่องของคุณมันหาอ่านได้ในหน้าหนังสือ หน้านิตยสารอยู่แล้ว” กังสดาลบอกอย่างจนใจ “นอกจากคุณจะยอมให้ฉัน
สัมภาษณ์ได้ไหมล่ะ”
“เรื่องงานอีกแล้ว! ใจคอคุณไม่จะถามถึงสเป๊คผู้หญิงหรืออะไรพวกนั้นเลยหรือไง”
“เรื่องแบบนั้นใครก็รู้ บอกแล้วว่าเรื่องของคุณหาอ่านได้จากนิตยสาร” กังสดาลยังคงยืนยันความคิดเดิม
“รับรองว่าถ้าคุณถามผมจะตอบอย่างจริงใจ ไม่เฟคเหมือนที่ตอบในหนังสือเล่มอื่นแน่ๆ”
“ก็ไม่พ้นว่าสวย”
เสียงหัวเราะของคีตกาลดังลั่นทั่วสวนเงียบๆ หลังจบคำพูดของหญิงสาว “รู้จักผมไม่เท่าไหร่ก็รู้ใจผมแล้ว สมกับเป็นว่าที่แฟนจริงๆ”
“ฮึ! ผู้ชาย”
“ผมว่านะ ถ้าให้คุณถามเรื่องผมแบบนี้ไม่ได้เรื่องแน่ๆ ผมถามคุณคนเดียวดีกว่า แล้วเดี๋ยวผมเล่าเรื่องตัวเองให้คุณฟังเอง”
แล้วเสียงพูดคุยของสองหนุ่มสาวก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เรื่องเล่าของคีตกาลเรียกทั้งเสียงหัวเราะและความหมั่นไส้ให้กังสดาลได้ตลอดในขณะที่คำตอบจากชีวิตเธอช่างดูเรียบง่ายและน่าเบื่อ
“คุณถามมาจะชั่วโมงแล้วไม่เบื่อหรือไง” กังสดาลเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย