จำนวนชาวสหรัฐฯ สละสัญชาติพุ่ง หวั่นถูกรัฐรีดภาษี
updated: 27 ต.ค. 2557 เวลา 21:00:00 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
บลูมเบิร์ก รายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ตัดสินใจสละสัญชาติพุ่งขึ้น 39% ในไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากกฎหมายเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินของคนอเมริกันในต่างประเทศมีผลบังคับใช้
บลูมเบิร์กอ้างข้อมูลของสำนักจดทะเทียนรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ว่า ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาผู้สละสัญชาติอเมริกันเพิ่มเป็น 776 ราย เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 560 คน
กฎหมายให้ความร่วมมือเก็บภาษีบัญชีในต่างประเทศ (Fatca หรือ แฟทก้า) ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา กดดันให้ชาวอเมริกันราว 6 ล้านคนที่พำนักอยู่นอกสหรัฐฯ ต้องหันมาพิจารณาเรื่องการสละสัญชาติ หลังธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์กว่า 100 แห่ง เริ่มส่งข้อมูลของลูกค้าชาวอเมริกันให้กับทางการสหรัฐฯ เมื่อหลีกเลี่ยงการถูกตั้งข้อหาให้ความช่วยเหลือในการหลีกเลี่ยงภาษี
แฟทก้า กำหนดให้สถาบันการเงินของสหรัฐฯ มีสิทธิ์เรียกเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในอัตรา 30% จากเงินที่จ่ายให้กับสถาบันการเงินต่างประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลบัญชีลูกค้าชาวอเมริกัน กฎหมายฉบับดังกล่าวช่วยให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เข้าถึงข้อมูลจากสถาบันการเงิน 77,000 แห่งและรัฐบาล 80 ประเทศทั่วโลกเกี่ยวธุรกรรมทางการเงินของพลเมืองอเมริกัน
ทั้งนี้ สหรัฐเป็นประเทศเดียวในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่เรียกเก็บภาษีจากพลเมืองของตนซึ่งอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีชาวอเมริกันในต่างประเทศสละสัญชาติแล้วมากกว่า 9,000 คน และกฎหมายแฟทก้ามีแนวคิดริเริ่มร่างกฎหมายในปี 2553 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีรายได้ภาษีเพิ่มราว 8.7 พันล้านดอลลาร์ ในระยะเวลา 10 ปี
เรียบเรียงโดย ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1414418891
จำนวนชาวสหรัฐฯ สละสัญชาติพุ่ง หวั่นถูกรัฐรีดภาษี
updated: 27 ต.ค. 2557 เวลา 21:00:00 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
บลูมเบิร์ก รายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ตัดสินใจสละสัญชาติพุ่งขึ้น 39% ในไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากกฎหมายเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สินของคนอเมริกันในต่างประเทศมีผลบังคับใช้
บลูมเบิร์กอ้างข้อมูลของสำนักจดทะเทียนรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ว่า ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาผู้สละสัญชาติอเมริกันเพิ่มเป็น 776 ราย เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 560 คน
กฎหมายให้ความร่วมมือเก็บภาษีบัญชีในต่างประเทศ (Fatca หรือ แฟทก้า) ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา กดดันให้ชาวอเมริกันราว 6 ล้านคนที่พำนักอยู่นอกสหรัฐฯ ต้องหันมาพิจารณาเรื่องการสละสัญชาติ หลังธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์กว่า 100 แห่ง เริ่มส่งข้อมูลของลูกค้าชาวอเมริกันให้กับทางการสหรัฐฯ เมื่อหลีกเลี่ยงการถูกตั้งข้อหาให้ความช่วยเหลือในการหลีกเลี่ยงภาษี
แฟทก้า กำหนดให้สถาบันการเงินของสหรัฐฯ มีสิทธิ์เรียกเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในอัตรา 30% จากเงินที่จ่ายให้กับสถาบันการเงินต่างประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลบัญชีลูกค้าชาวอเมริกัน กฎหมายฉบับดังกล่าวช่วยให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เข้าถึงข้อมูลจากสถาบันการเงิน 77,000 แห่งและรัฐบาล 80 ประเทศทั่วโลกเกี่ยวธุรกรรมทางการเงินของพลเมืองอเมริกัน
ทั้งนี้ สหรัฐเป็นประเทศเดียวในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่เรียกเก็บภาษีจากพลเมืองของตนซึ่งอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีชาวอเมริกันในต่างประเทศสละสัญชาติแล้วมากกว่า 9,000 คน และกฎหมายแฟทก้ามีแนวคิดริเริ่มร่างกฎหมายในปี 2553 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีรายได้ภาษีเพิ่มราว 8.7 พันล้านดอลลาร์ ในระยะเวลา 10 ปี
เรียบเรียงโดย ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1414418891