ในที่สุดวันแห่งการเดินทางทริปนี้ก็มาถึง
จัดกระเป๋า พร้อมวางแผน ดูแผนที่พร้อมเดินทาง
โดยแผนการเดินทาง
**พักบังกะโลวังทอง
**แช่น้ำพุร้อนหินดาด
**ชมวิวเขื่อนวชิรลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม)
**แวะจิบชา ที่ Sweet Cafe (โซนบ้านไร่)
**จุดชมวิว กม. 15
**บ้านอีต่อง
**พักบ้านตอไม้
**ทานอาหารเย็นครัวสุดแดน
**ไหว้พระธาตุวัดเหมืองปิล็อก
**ดูวิวเนินเสาธง
**เหยียบด่านชายแดนไทย-พม่า ช่องมิตรภาพ
**สูดอากาศฟอกปอด เนินช้างศึก (สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย)
**แวะอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ชมบ้านทาร์ซาน เนินกูดดอย
**น้ำตกไทรโยคน้อย
**ทานอาหารเย็นครัวธรรมชาติ
**พักค้างคืน ไอสืแลนด์ ริเวอร์แคว รีสอร์ท
**สวนสัตว์เปิด ซาฟารีปาร์ค บ่อพลอย
**ไหว้พระวัดถ้ำพุหว้า
**ทำบุญก่อนเดินทางกลับที่วัดถ้ำเสือ (ติดวัดถ้ำเขาน้อย)
วันแรก
เดินทางโดยเจ้าเฟียสต้าคู่ใจ เติมน้ำมัน E20 ปั๊มเชลล์เต็มถัง พร้อมลุย
ออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 5 ทุ่ม
มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี ผ่านนครปฐม บ้านโป่ง อ.ท่ามะกา อ.ท่าม่วง ถนนโล่งสุดๆ ระยะทางประมาณ 129 กิโลเมตร
ถ้าจำไม่ผิดนะครับช่วงบ้านโป่งเข้าสู่กาญจนบุรี จะมีรางรถไฟ 3-4 จุด ไม่แน่ใจ อันตรายพอสมควรครับ
เที่ยงคืนครึ่งก็ถึงที่พัก ทุกคนพร้อมที่จะซุกลงบนเตียง
และนี่คือที่พักคืนแรก
บังกะโลวังทอง *** บ้านพักจะเป็นหลังๆ มีที่จอดรถทุกหลัง ห้องสะอาด กว้าง ราคา 450 บาท
วันที่สอง
ออกเดินทางประมาณ 8 โมงเช้า
แวะโลตัส ซื้อเสบียง และมิสเตอร์โดนัทของโปรด และทานข้าวเช้ากันร้านอาหารตามสั่งฝั่งตรงข้าม
และแล้วก็มาถึงจุดหมาย
น้ำพุร้อนหินดาด อ.ทองผาภูมิ เดินทางจากตัวเมืองกาญ เป้าหมายจะอยู่ทางขวามือนะครับ
ระยะทางบังกะโลวังทองมาที่น้ำพุร้อนหินดาด ประมาณ 125 กิโลเมตร
และแล้ว ประมาณเที่ยงก็เดินทางมาถึงน้ำพุร้อนหินดาด
HIN DAD HOT SPRING เดิมเรียกว่าน้ำพุร้อนกุยมั่ง บังเอิญถูกค้นพบโดยทหารญี่ปุ่น
ที่เกณฑ์เชลยศึกให้สร้างทางรถไฟสายมรณะในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2
เชื่อกันว่าความร้อนจากบ่อน้ำร้อนแห่งนี้มีสรรพคุณในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้หลายอย่าง
เช่น โรคเหน็บชา โรคไขข้ออักเสบ จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปชมและอาบน้ำแร่กันเป็นจำนวนมาก
มีห้องน้ำและที่จอดรถกว้างขวางครับ
ค่าเข้าถ้าจำไม่ผิดคนละ 10 บาท มีอาหารและเครื่องดื่มจำหน่าย
มีห้องอาบน้ำแร่ นวดแผนไทย มีบ่อน้ำร้อนสำหรับพระภิกษุสงฆ์ด้วย
นี่คือภาพบรรยากาศครับ คนเยอะใช้ได้ มีต่างชาติเยอะพอสมควร
อย่าใจร้อนรีบลงไปทั้งตัวนะครับ เดี๋ยวหัวใจจะวาย ค่อยๆเอาเท้าลงไปเพื่อปรับสภาพนะครับ
หลังจากผ่อนคลาย สบายใจกับน้ำพุร้อนหินดาดอย่างเต็มที่แล้ว ก็มุ่งหน้าต่อไปยัง
เขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม)
ก่อนถึงสามแยก น่าจะสามแยกวัดท่าขนุน
จะมีปั๊มเชลล์อยู่ทางขวามือ ถัดไปอีกไม่ไกลจะเจอปั๊ม ปตท. เซเว่น
แนะนำว่าเติมน้ำมันให้เต็มถังเลยนะครับ
พอถึงสามแยกก็ซ้ายตลอดนะครับ
ถึงเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเเขาแหลม) ประมาณ บ่ายสอง
จากน้ำพุร้อนหินดาด ถึงเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) ระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร
เขื่อนวชิราลงกรณ เดิมมีชื่อว่า เขื่อนเขาแหลม เป็นเขื่อนหินถมแห่งแรกของประเทศไทย ที่ดาดผิวหน้าด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ตั้งอยู่บนแม่น้ำแควน้อย เป็นเขื่อนเอนกประสงค์โดยมีวัตถุประสงค์ด้านผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก สร้างปิดกั้นแม่น้ำแควน้อยบริเวณตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ตัวอ่างเก็บน้ำอยู่ในท้องที่อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ภาพบรรยากาศนะครับ
เห็นน้องหมาเลยแชะภาพมาฝากครับ
บ่ายสามกว่าๆ ท้องฟ้าครึ้มๆ ก็เดินทางออกจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม)
ซึ่งไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะทรหดขนาดไหน ขับไปเรื่อยๆ เห็นป้ายบอกทาง
บ้านไร่ 31 กิโลเมตร บ.ปิล๊อก 61 กิโลเมตร เหงื่อตกกันทีเดียวครับ
ขับรถเลียบสันเขื่อนไปเรื่อยๆ บรรยากาศดีมากครับ ต้นไม้เขียวอุดมสมบูรณ์มาก ถนนชันคดเคี้ยว สลับขึ้นลงไปมา
ก็มาเจอร้านกาแฟ น่ารักๆร้านนึง
Sweet Cafe
แวะพักเหนื่อย จิบชา ทานกาแฟที่ร้านนี่ ราคาถูกด้วยครับ
และก็เดินทางต่อไปยัง บ.ปิล๊อก สังเกตุว่าแทบจะไม่มีรถตามมา หรือสวนทางเลยครับ
แต่ก็สู้ต่อไปครับ
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อีก 23 กิโลเมตร
ยิ่งขับไปลึกมากขึ้น ไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ ทางก็แคบครับ เป็นหลุมเป็นบ่อเยอะมาก
เหยียบประมาณ 20-40 ไปตลอดทาง โค้งเยอะมากๆ ขับรถไต่เขาก็นะ สู้ต่อไปครับ
ยิ่งขับไป รู้สึกสงสารรถเหมือนกัน และแล้วก็ดีใจเมื่อมีรถ 4WD แซงเราไป
จนในที่สุดก็หายไปลิบตา
ยิ่งขึ้นไประหว่างทางก็ยิ่งทึบ ฟ้าก็ครึ้มวังเวงจังเลยครับ
และก็มาเจอป้ายบอกทาง ตลาดอีต่อง อีก 30 กิโลเมตร สู้ต่อไปครับ ขับกระดึ้บๆ ไปเรื่อยๆ
และแล้วก็มาเจอจุดชมวิวที่แรก จุดชมวิว กม.15
แต่วังเวงเหลือเกินครับ ไม่มีคนเลย จะโดนโจรดักจี้มั้ยนี่
และแล้วก็ยิ้มออกครับ เมื่อเจอเพื่อนร่วมทางกำลังลงจากรถ Honda CRF สีแดงเท่ห์ไม่เบาครับ
กำลังถอดหมวก โอ้ว เป็นชาวต่างชาติครับ เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และก็ช่วยถ่ายรูปให้เค้าครับ 555
เมื่อดูท้องฟ้าก็จะมืดแล้ว พระอาทิตย์กำลังตก ก็เดินทางต่อไป
ก่อนจะออก ดูรถดีๆนะครับ เพราะช่วงจุดวิวกม.15 จะเป็นทางโค้งตามรูปด้านล่างครับ
เดินทางมุ่งหน้าต่อไป ยังเป้าหมาย ตลาดอีต่องที่พักของเราคืนนี้
ผ่านอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
และแล้วเราก็แวะจอดถามเจ้าหน้าที่ เพื่อนๆทุกคนเพลียกัน และหิวข้าวเต็มที่
พี่ครับ บ้านอีต่องนี้ยังอีกไกลมั้ยครับ
****อีก 11 กิโล ครับน้อง*******
ทุกคนเหวอ..... และก็มุ่งหน้าต่อไป
สุดท้ายก็มาถึงบ้านอีต่อง ในตำนานเหมืองแร่ ฝ่า 399 โค้ง
ยิ้มเริ่มออกครับ แต่จากตรงนี้ไป ตลาดอีต่องก็ไกลพอสมควรทีเดียว
สุดท้ายเราก็มาถึงที่พัก บ้านตอไม้ครับ อยู่ในตลาดอีต่อง มีนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควรครับ
แต่ก็เห็นคนจาก ปตท.เยอะ นะครับ
แนะนำว่า ก่อนจะมาควรโทรจองที่พักก่อนนะครับ
สำหรับบ้านตอไม้ มีด้วยกัน 4 หลัง แบ่งเป็นหลังใหญ่ 2 หลัง หลังเล็ก 2 หลัง
สำหรับหลังเล็ก คืนละ 600 บาทนะครับ มีห้องน้ำในตัว เครื่องทำน้ำอุ่น
สำหรับหลังเล็ก รูปด้านล่างครับ
ทุกคนมองหน้ากันว่าหิวแล้ว ฝั่งตรงข้ามบ้านตอไม้ จะเป็นครัวสุดแดน
เจ้าของเดียวกันครับ ป้าตุ๋ย
ป้าตุ๋ยเป็นคนชุมพรครับ มาอยู่นี่กะสามีตั้งแต่ยุคเหมืองแร่แล้วครับ
สำหรับอาหารมื้อนี้อร่อยมากครับ
ต้มยำกุ้งเห็ดออริจิ
ผัดถั่วหวานฟักแม้วน้ำมันหอย
คั่วกลิ้งเนื้อเก้ง
สนนราคาที่ 440 บาท
อร่อยมากครับ ทานเหลือแค่นี้
เมนูอาหารและบรรยากาศในร้านครับ
เสียดายมากครับสำหรับอาหารมื้อนี้
ที่จริงตั้งใจว่าจะมาทานปูพม่ากัน (สงสัยว่าทำไมบนเขามีอาหารทะเล จากนี้ไปยังทะเลอันดามันฝั่งพม่า แค่ 70 กิโลเมตรเองครับ)
แต่ตอนนี้ไม่มีขาย
แม่ครัวก็ใจดี เดินไปหาซื้อร้านอาหารสดใกล้ๆให้แต่ก็ไม่มี
อยากกินๆๆๆ โอกาสหน้าไม่พลาดแน่ จะโทรสั่งป้าตุ๋ยล่วงหน้าเลยล่ะครับ
มีตะขาบดอกในร้านด้วยครับ ป้าตุ๋ยบอกว่า ต้องดองตอนที่มันเป็นๆ จะมีสรรพคุณทางยา
แก้ปวดเมื่อย รักษาไข ข้อ แต่ผมก็ไม่กล้าชิมน้ำมันหรอกครับ
สี่ทุ่มก็นอนครับ อากาศที่นี่หนาวครับ แต่ดีนะที่เอาผ้านวมมาด้วย
วันที่ 3
ตอนแรกตั้งใจว่าจะตื่นซักตี 5 ชมหมอกซะหน่อย
แต่บรรยากาศน่านอนจริงๆ ตื่นมาก็สายแล้วครับ 9 โมงเช้า
เลยได้บรรยากาศหน้าที่พักแค่นี้
ต่อที่ความคิดเห็นที่ 11 นะครับ
[CR] Review กาญจนบุรี ทองผาภูมิ ตลาดบ้านอีต่อง ปลายฝนต้นหนาว
จัดกระเป๋า พร้อมวางแผน ดูแผนที่พร้อมเดินทาง
โดยแผนการเดินทาง
**พักบังกะโลวังทอง
**แช่น้ำพุร้อนหินดาด
**ชมวิวเขื่อนวชิรลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม)
**แวะจิบชา ที่ Sweet Cafe (โซนบ้านไร่)
**จุดชมวิว กม. 15
**บ้านอีต่อง
**พักบ้านตอไม้
**ทานอาหารเย็นครัวสุดแดน
**ไหว้พระธาตุวัดเหมืองปิล็อก
**ดูวิวเนินเสาธง
**เหยียบด่านชายแดนไทย-พม่า ช่องมิตรภาพ
**สูดอากาศฟอกปอด เนินช้างศึก (สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย)
**แวะอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ชมบ้านทาร์ซาน เนินกูดดอย
**น้ำตกไทรโยคน้อย
**ทานอาหารเย็นครัวธรรมชาติ
**พักค้างคืน ไอสืแลนด์ ริเวอร์แคว รีสอร์ท
**สวนสัตว์เปิด ซาฟารีปาร์ค บ่อพลอย
**ไหว้พระวัดถ้ำพุหว้า
**ทำบุญก่อนเดินทางกลับที่วัดถ้ำเสือ (ติดวัดถ้ำเขาน้อย)
วันแรก
เดินทางโดยเจ้าเฟียสต้าคู่ใจ เติมน้ำมัน E20 ปั๊มเชลล์เต็มถัง พร้อมลุย
ออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 5 ทุ่ม
มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี ผ่านนครปฐม บ้านโป่ง อ.ท่ามะกา อ.ท่าม่วง ถนนโล่งสุดๆ ระยะทางประมาณ 129 กิโลเมตร
ถ้าจำไม่ผิดนะครับช่วงบ้านโป่งเข้าสู่กาญจนบุรี จะมีรางรถไฟ 3-4 จุด ไม่แน่ใจ อันตรายพอสมควรครับ
เที่ยงคืนครึ่งก็ถึงที่พัก ทุกคนพร้อมที่จะซุกลงบนเตียง
และนี่คือที่พักคืนแรก
บังกะโลวังทอง *** บ้านพักจะเป็นหลังๆ มีที่จอดรถทุกหลัง ห้องสะอาด กว้าง ราคา 450 บาท
วันที่สอง
ออกเดินทางประมาณ 8 โมงเช้า
แวะโลตัส ซื้อเสบียง และมิสเตอร์โดนัทของโปรด และทานข้าวเช้ากันร้านอาหารตามสั่งฝั่งตรงข้าม
และแล้วก็มาถึงจุดหมาย
น้ำพุร้อนหินดาด อ.ทองผาภูมิ เดินทางจากตัวเมืองกาญ เป้าหมายจะอยู่ทางขวามือนะครับ
ระยะทางบังกะโลวังทองมาที่น้ำพุร้อนหินดาด ประมาณ 125 กิโลเมตร
และแล้ว ประมาณเที่ยงก็เดินทางมาถึงน้ำพุร้อนหินดาด
HIN DAD HOT SPRING เดิมเรียกว่าน้ำพุร้อนกุยมั่ง บังเอิญถูกค้นพบโดยทหารญี่ปุ่น
ที่เกณฑ์เชลยศึกให้สร้างทางรถไฟสายมรณะในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2
เชื่อกันว่าความร้อนจากบ่อน้ำร้อนแห่งนี้มีสรรพคุณในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้หลายอย่าง
เช่น โรคเหน็บชา โรคไขข้ออักเสบ จึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปชมและอาบน้ำแร่กันเป็นจำนวนมาก
มีห้องน้ำและที่จอดรถกว้างขวางครับ
ค่าเข้าถ้าจำไม่ผิดคนละ 10 บาท มีอาหารและเครื่องดื่มจำหน่าย
มีห้องอาบน้ำแร่ นวดแผนไทย มีบ่อน้ำร้อนสำหรับพระภิกษุสงฆ์ด้วย
นี่คือภาพบรรยากาศครับ คนเยอะใช้ได้ มีต่างชาติเยอะพอสมควร
อย่าใจร้อนรีบลงไปทั้งตัวนะครับ เดี๋ยวหัวใจจะวาย ค่อยๆเอาเท้าลงไปเพื่อปรับสภาพนะครับ
หลังจากผ่อนคลาย สบายใจกับน้ำพุร้อนหินดาดอย่างเต็มที่แล้ว ก็มุ่งหน้าต่อไปยัง
เขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม)
ก่อนถึงสามแยก น่าจะสามแยกวัดท่าขนุน
จะมีปั๊มเชลล์อยู่ทางขวามือ ถัดไปอีกไม่ไกลจะเจอปั๊ม ปตท. เซเว่น
แนะนำว่าเติมน้ำมันให้เต็มถังเลยนะครับ
พอถึงสามแยกก็ซ้ายตลอดนะครับ
ถึงเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเเขาแหลม) ประมาณ บ่ายสอง
จากน้ำพุร้อนหินดาด ถึงเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม) ระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร
เขื่อนวชิราลงกรณ เดิมมีชื่อว่า เขื่อนเขาแหลม เป็นเขื่อนหินถมแห่งแรกของประเทศไทย ที่ดาดผิวหน้าด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ตั้งอยู่บนแม่น้ำแควน้อย เป็นเขื่อนเอนกประสงค์โดยมีวัตถุประสงค์ด้านผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก สร้างปิดกั้นแม่น้ำแควน้อยบริเวณตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ตัวอ่างเก็บน้ำอยู่ในท้องที่อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ภาพบรรยากาศนะครับ
เห็นน้องหมาเลยแชะภาพมาฝากครับ
บ่ายสามกว่าๆ ท้องฟ้าครึ้มๆ ก็เดินทางออกจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ (เขื่อนเขาแหลม)
ซึ่งไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะทรหดขนาดไหน ขับไปเรื่อยๆ เห็นป้ายบอกทาง
บ้านไร่ 31 กิโลเมตร บ.ปิล๊อก 61 กิโลเมตร เหงื่อตกกันทีเดียวครับ
ขับรถเลียบสันเขื่อนไปเรื่อยๆ บรรยากาศดีมากครับ ต้นไม้เขียวอุดมสมบูรณ์มาก ถนนชันคดเคี้ยว สลับขึ้นลงไปมา
ก็มาเจอร้านกาแฟ น่ารักๆร้านนึง
Sweet Cafe
แวะพักเหนื่อย จิบชา ทานกาแฟที่ร้านนี่ ราคาถูกด้วยครับ
และก็เดินทางต่อไปยัง บ.ปิล๊อก สังเกตุว่าแทบจะไม่มีรถตามมา หรือสวนทางเลยครับ
แต่ก็สู้ต่อไปครับ
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อีก 23 กิโลเมตร
ยิ่งขับไปลึกมากขึ้น ไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ ทางก็แคบครับ เป็นหลุมเป็นบ่อเยอะมาก
เหยียบประมาณ 20-40 ไปตลอดทาง โค้งเยอะมากๆ ขับรถไต่เขาก็นะ สู้ต่อไปครับ
ยิ่งขับไป รู้สึกสงสารรถเหมือนกัน และแล้วก็ดีใจเมื่อมีรถ 4WD แซงเราไป
จนในที่สุดก็หายไปลิบตา
ยิ่งขึ้นไประหว่างทางก็ยิ่งทึบ ฟ้าก็ครึ้มวังเวงจังเลยครับ
และก็มาเจอป้ายบอกทาง ตลาดอีต่อง อีก 30 กิโลเมตร สู้ต่อไปครับ ขับกระดึ้บๆ ไปเรื่อยๆ
และแล้วก็มาเจอจุดชมวิวที่แรก จุดชมวิว กม.15
แต่วังเวงเหลือเกินครับ ไม่มีคนเลย จะโดนโจรดักจี้มั้ยนี่
และแล้วก็ยิ้มออกครับ เมื่อเจอเพื่อนร่วมทางกำลังลงจากรถ Honda CRF สีแดงเท่ห์ไม่เบาครับ
กำลังถอดหมวก โอ้ว เป็นชาวต่างชาติครับ เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และก็ช่วยถ่ายรูปให้เค้าครับ 555
เมื่อดูท้องฟ้าก็จะมืดแล้ว พระอาทิตย์กำลังตก ก็เดินทางต่อไป
ก่อนจะออก ดูรถดีๆนะครับ เพราะช่วงจุดวิวกม.15 จะเป็นทางโค้งตามรูปด้านล่างครับ
เดินทางมุ่งหน้าต่อไป ยังเป้าหมาย ตลาดอีต่องที่พักของเราคืนนี้
ผ่านอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
และแล้วเราก็แวะจอดถามเจ้าหน้าที่ เพื่อนๆทุกคนเพลียกัน และหิวข้าวเต็มที่
พี่ครับ บ้านอีต่องนี้ยังอีกไกลมั้ยครับ
****อีก 11 กิโล ครับน้อง*******
ทุกคนเหวอ..... และก็มุ่งหน้าต่อไป
สุดท้ายก็มาถึงบ้านอีต่อง ในตำนานเหมืองแร่ ฝ่า 399 โค้ง
ยิ้มเริ่มออกครับ แต่จากตรงนี้ไป ตลาดอีต่องก็ไกลพอสมควรทีเดียว
สุดท้ายเราก็มาถึงที่พัก บ้านตอไม้ครับ อยู่ในตลาดอีต่อง มีนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควรครับ
แต่ก็เห็นคนจาก ปตท.เยอะ นะครับ
แนะนำว่า ก่อนจะมาควรโทรจองที่พักก่อนนะครับ
สำหรับบ้านตอไม้ มีด้วยกัน 4 หลัง แบ่งเป็นหลังใหญ่ 2 หลัง หลังเล็ก 2 หลัง
สำหรับหลังเล็ก คืนละ 600 บาทนะครับ มีห้องน้ำในตัว เครื่องทำน้ำอุ่น
สำหรับหลังเล็ก รูปด้านล่างครับ
ทุกคนมองหน้ากันว่าหิวแล้ว ฝั่งตรงข้ามบ้านตอไม้ จะเป็นครัวสุดแดน
เจ้าของเดียวกันครับ ป้าตุ๋ย
ป้าตุ๋ยเป็นคนชุมพรครับ มาอยู่นี่กะสามีตั้งแต่ยุคเหมืองแร่แล้วครับ
สำหรับอาหารมื้อนี้อร่อยมากครับ
ต้มยำกุ้งเห็ดออริจิ
ผัดถั่วหวานฟักแม้วน้ำมันหอย
คั่วกลิ้งเนื้อเก้ง
สนนราคาที่ 440 บาท
อร่อยมากครับ ทานเหลือแค่นี้
เมนูอาหารและบรรยากาศในร้านครับ
เสียดายมากครับสำหรับอาหารมื้อนี้
ที่จริงตั้งใจว่าจะมาทานปูพม่ากัน (สงสัยว่าทำไมบนเขามีอาหารทะเล จากนี้ไปยังทะเลอันดามันฝั่งพม่า แค่ 70 กิโลเมตรเองครับ)
แต่ตอนนี้ไม่มีขาย
แม่ครัวก็ใจดี เดินไปหาซื้อร้านอาหารสดใกล้ๆให้แต่ก็ไม่มี
อยากกินๆๆๆ โอกาสหน้าไม่พลาดแน่ จะโทรสั่งป้าตุ๋ยล่วงหน้าเลยล่ะครับ
มีตะขาบดอกในร้านด้วยครับ ป้าตุ๋ยบอกว่า ต้องดองตอนที่มันเป็นๆ จะมีสรรพคุณทางยา
แก้ปวดเมื่อย รักษาไข ข้อ แต่ผมก็ไม่กล้าชิมน้ำมันหรอกครับ
สี่ทุ่มก็นอนครับ อากาศที่นี่หนาวครับ แต่ดีนะที่เอาผ้านวมมาด้วย
วันที่ 3
ตอนแรกตั้งใจว่าจะตื่นซักตี 5 ชมหมอกซะหน่อย
แต่บรรยากาศน่านอนจริงๆ ตื่นมาก็สายแล้วครับ 9 โมงเช้า
เลยได้บรรยากาศหน้าที่พักแค่นี้
ต่อที่ความคิดเห็นที่ 11 นะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น