ตอนอายุ 14 ผมเคยไปเข้าค่ายต้านภัยยาเสพติดอะไรพวกนั้นจนเเละมีโอกาสได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เเละเกิดเป็นความผูกพันที่สวยงามขึ้น ผมเองก็รู้สึกดีๆกับเขา เขาเองก็เหมือนกัน ต่างกันก็คงตรงที่ผมเองคิดเกินเลยมากกว่าเพื่อนไปเยอะ ยุคนั้นเขียนจดหมายคุยกัน หยอดตู้โทรหาบ้างนานๆที วันดีคืนดีเขาก็โทรมาเล่นกีต้าร์ร้องเพลงให้ฟัง ตรุษจีนโดดเรียนไปหา เขาก็ดูเเลเป็นอย่างดี ตอนนั้นผมอยู่ ม.2 เค้าเเก่กว่า 3ปีเรียนอยู่ม.5เเต่อยู่คนละจังหวัดกัน
พอเขาเรียนจบม.ปลายก็มาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเเห่งหนึ่งที่จังหวัดที่ผมอยู่ อารมณ์ตอนนั้นก็ดีใจที่ได้ใกล้กันมากขึ้น เเต่มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ผมคงทำตัวเยอะเเยะวุ่นวาย เจ้ากี้เจ้าการเกินไป (ตอนนี้ก็ยังเป็น เพื่อนๆรอบข้างบอกเสมอ เเต่ส่วนตัวผมคิดว่าผมลดความเยอะลงไปมากเเล้วจริงๆ) ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็หายไป หายไปอย่างไม่มีเหตุผล เเบบตื่นมาก็หายไปจากชีวิตผมเเล้ว ซึ่งผมมารู้เหตุผลตอนหลังว่า เพียงเพราะเพื่อนเขาถามว่า "ตกลงเราสองคนเป็นอะไรกัน" มันคงเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเขา เเละเราก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย
จนผมมาเรียนต่อป.ตรีที่กทม. น่าจะซัก 2-3 ปีผ่านไป วันนึงเขาก็โทรมาบอกว่าขออโหสิกรรมเพราะจะลาบวช ผมก็ถามไปว่าเคยทำอะไรไว้ ถึงต้องขออโหสิกรรม (นี่ขนาดเป็นคนไม่เยอะ เเต่มันอดไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นเพิ่งตื่นด้วย สติก็ไม่ค่อยมี) เขาก็บอกว่าก็ทุกอย่างที่เคยทำไว้ เเน่นอนล่ะ ผมอโหสิกรรมให้อย่างบริสุทธิ์ใจ เพราะไม่เคยเเม้เเต่จะโกรธเขาเลย เเละนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เราได้คุยกันอีกครั้งหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิด ผมน่าจะเปลี่ยนซิมเเต่ยังใช้เบอร์เดิม เลยไม่มีเบอร์เขา ผมก็ถามไปว่า เอาเบอร์ผมมาจากไหน คำตอบที่ได้คือเขาไม่เคยลบ (เเต่ไม่เคยโทร!!!) ผ่านไปจนเขาสึก วันดีคืนดีเขาก็เเอดเฟสมา เปิดกล้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ทุกอย่างก็เหมือนจะดี ที่ได้เพื่อนเก่าซึ่งเคยคิดว่าเสียไปเเล้วกลับมาอีกครั้ง
มีครั้งนึงปิดเทอมผมก็กลับบ้านเเล้วนัดเขาออกมาหาอะไรกินกัน ดูเขาอ้ำๆอึ้ง ผมเลยบอกว่า ผมโอเค มาเถอะ เพื่อนกัน คิดไรมาก ไม่เจอตั้งนาน ทุกอย่างดูเหมือนจะดี เเล้วผมก็ทำมันพังด้วยการพูดเรื่องเก่า จบข่าว!!!
มาเจอกันอีกครั้งก็ตอนงานผมบวช ตอนเเรกเหมือนเขาจะไม่มา เเต่เขาก็มา เเต่ไม่ยอมถ่ายรูปด้วย ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ตอนนี้ผมเรียนต่อโท มี2-3 ครั้งที่เขาขึ้นมาทำธุระที่กทม. ทั้งๆที่รู้ดีว่าผมพักอยู่เเถวไหน เเต่ก็บอกผมว่ามาเเถวที่ผมอยู่หลังจากที่เขากลับไปเเล้ว (เพื่อ....)
มีอยู่ครั้งนึงโทรมาบอกว่าอยากมาเที่ยวกทม. ออกเเนวเที่ยวหาประสบการณ์ ผมถามว่าจะมากับเเฟนหรอ เขาก็ว่าใช่ ผมเลยถามว่าเเล้วจะพักที่ไหน เขาก็บอกว่ายังไม่รู้เหมือนกัน เเหม่....พูดซะขนาดนี้ผมเลยชวนมานอนที่ห้องซะเลย (พอเล่าให้เพื่อนสนิทผมฟัง ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เธอ...เค้ามากับเเฟน ฉันว่าเธอไม่โอเค อย่ามาทำเก่ง" ผมก็คิดนะว่า ผมจะไม่โอเคจริงหรือ?)
หลายครั้งที่เขาเลี่ยงไม่เจอผม เเต่ก็ยังข้อความหากันอยู่เป็นประจำ คุยกันตลอดอย่างดี จนกระทั่งผมบอกว่า จะกลับบ้านเจอกันหน่อย กินข้าวกัน เเล้วเขาก็จะหายไป พอผมเงียบ ซักพักเขาก็จะข้อความมา ทำไร อยู่ไหน เป็นไง สบายดี ฯลฯ ผมก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง พอคุยกันซักพัก เริ่มเยอะ เขาก็จะหายไป...!!!
ล่าสุดผมก็ข้อความหา เขาบอกว่าเดี๋ยวโทรกลับ ผมก็ทั้งดีใจทั้งงง เขาก็โทรมาพูดวนไปวนมาเเล้วก็บอกว่าจะเเต่งงาน ผมก็เฉยๆนะ (เฉยเเบบ ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ ไม่รู้สึกอะไรเลย เเต่คนเราควรจะเป็นเเบบนี้หรอ ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน) ผมก็ถามเขาว่าคิดไงบอกผมเรื่องงานเเต่ง (เพราะเคยถามเขาเล่นๆว่า ถ้าเขาเเต่งงานจะบอกผมไหม เขาก็ว่าบอกสิ ผมเลยพูดติดตลกว่า ไม่กลัวผมไปพังงานเเต่งหรอ เขาก็ขำ) เขาก็ตอบกลับด้วยคำถามว่า ถ้าผมเเต่งผมจะไม่บอกเขาหรอ เเล้วเขาก็หายไปอีกเหมือนเคย
ดูเขาเฉยๆกับงานเเต่ง กลับเป็นผมเองที่ออกความคิดโน่นนี่นั่น เตรียมนี่ยัง มีนั่นยัง ที่ไหน ยังไง เมื่อไหร่ ฯลฯ เขาก็เฉยๆ ตอบเเค่ว่าเออมีเเล้ว เรียบร้อย ไม่ต้องห่วง คิดไรมาก จัดงานง่ายๆ เขาเฉยมากจนคนรอบข้างผมเริ่มถามว่าตกลงเขาอยากเเต่งจริงรึเปล่า
ล่าสุดผมทนไม่ไหว เลยข้อความถามว่าเป็นไร ทำไมเงียบไป มีไรพูดกัน เพื่อนกันคุยกันได้ อย่าเงียบไปเเบบนี้ รำคาญก็บอก หรืออะไรยังไง บลาๆๆๆ เขาก็เงียบไปตามเคย เเต่พอถามเรื่องทั่วไป ดินฟ้าอากาศ ฝนตกรถติด เขาก็คุยเป็นปกติดี (..............)
ตอนนี้ผมจองตั๋วเเล้ว ผมจะไปงานเเต่งเขา จะไปบอกเขาว่า ใช่...เมื่อก่อนผมเคยคิดกับเขามากกว่าเพื่อน เเต่มันผ่านมานานมากเเล้ว เเละตอนนั้นผมก็ยังเด็ก เเต่ตอนนี้ผมยินดีกับเขากับชีวิตที่จะเริ่มต้นใหม่ อยากเป็นเพื่อนเเบบที่เพื่อนควรจะเป็นกัน อย่าหายไปอีก อย่าคิดเเทนผมอีกว่าผมจะคิดมาก จะเสียใจ อย่ากลัวที่ต้องเจอกัน อย่าเงียบหายไป อย่าขีดเส้นไว้ว่าคุยกันได้เเค่นี้ เพราะคิดไปเองต่างๆนานา คิดเเทนผมล้วนๆ อย่ากวนน้ำนิ่งให้ตะกอนฟุ้ง ผมอึดอัด
ผมควรจะทำ ควรจะพูดอย่างไรดี ผมไม่อยากเสียเขาไป (ในฐานะเพื่อน สาบาน...) เเต่ถ้าเป็นอยู่เเบบนี้ผมเองก็อึดอัดใจเหลือเกิน
ปล.รายละเอียดมันเยอะมาก เพราะเรื่องมันยาว ตั้ง 10 กว่าปี ผมเองก็ย่อจนไม่รู้ว่าขาดตกบกพร่องตรงไหน ผมจะทำอย่างไรกับเพื่อนคิดมากคนนี้ดีครับ
ผมจะทำอย่างไรดี เหมือนว่าคนๆนี้กำลังหมดแรง
พอเขาเรียนจบม.ปลายก็มาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเเห่งหนึ่งที่จังหวัดที่ผมอยู่ อารมณ์ตอนนั้นก็ดีใจที่ได้ใกล้กันมากขึ้น เเต่มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ผมคงทำตัวเยอะเเยะวุ่นวาย เจ้ากี้เจ้าการเกินไป (ตอนนี้ก็ยังเป็น เพื่อนๆรอบข้างบอกเสมอ เเต่ส่วนตัวผมคิดว่าผมลดความเยอะลงไปมากเเล้วจริงๆ) ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาก็หายไป หายไปอย่างไม่มีเหตุผล เเบบตื่นมาก็หายไปจากชีวิตผมเเล้ว ซึ่งผมมารู้เหตุผลตอนหลังว่า เพียงเพราะเพื่อนเขาถามว่า "ตกลงเราสองคนเป็นอะไรกัน" มันคงเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเขา เเละเราก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย
จนผมมาเรียนต่อป.ตรีที่กทม. น่าจะซัก 2-3 ปีผ่านไป วันนึงเขาก็โทรมาบอกว่าขออโหสิกรรมเพราะจะลาบวช ผมก็ถามไปว่าเคยทำอะไรไว้ ถึงต้องขออโหสิกรรม (นี่ขนาดเป็นคนไม่เยอะ เเต่มันอดไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นเพิ่งตื่นด้วย สติก็ไม่ค่อยมี) เขาก็บอกว่าก็ทุกอย่างที่เคยทำไว้ เเน่นอนล่ะ ผมอโหสิกรรมให้อย่างบริสุทธิ์ใจ เพราะไม่เคยเเม้เเต่จะโกรธเขาเลย เเละนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เราได้คุยกันอีกครั้งหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิด ผมน่าจะเปลี่ยนซิมเเต่ยังใช้เบอร์เดิม เลยไม่มีเบอร์เขา ผมก็ถามไปว่า เอาเบอร์ผมมาจากไหน คำตอบที่ได้คือเขาไม่เคยลบ (เเต่ไม่เคยโทร!!!) ผ่านไปจนเขาสึก วันดีคืนดีเขาก็เเอดเฟสมา เปิดกล้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ทุกอย่างก็เหมือนจะดี ที่ได้เพื่อนเก่าซึ่งเคยคิดว่าเสียไปเเล้วกลับมาอีกครั้ง
มีครั้งนึงปิดเทอมผมก็กลับบ้านเเล้วนัดเขาออกมาหาอะไรกินกัน ดูเขาอ้ำๆอึ้ง ผมเลยบอกว่า ผมโอเค มาเถอะ เพื่อนกัน คิดไรมาก ไม่เจอตั้งนาน ทุกอย่างดูเหมือนจะดี เเล้วผมก็ทำมันพังด้วยการพูดเรื่องเก่า จบข่าว!!!
มาเจอกันอีกครั้งก็ตอนงานผมบวช ตอนเเรกเหมือนเขาจะไม่มา เเต่เขาก็มา เเต่ไม่ยอมถ่ายรูปด้วย ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ตอนนี้ผมเรียนต่อโท มี2-3 ครั้งที่เขาขึ้นมาทำธุระที่กทม. ทั้งๆที่รู้ดีว่าผมพักอยู่เเถวไหน เเต่ก็บอกผมว่ามาเเถวที่ผมอยู่หลังจากที่เขากลับไปเเล้ว (เพื่อ....)
มีอยู่ครั้งนึงโทรมาบอกว่าอยากมาเที่ยวกทม. ออกเเนวเที่ยวหาประสบการณ์ ผมถามว่าจะมากับเเฟนหรอ เขาก็ว่าใช่ ผมเลยถามว่าเเล้วจะพักที่ไหน เขาก็บอกว่ายังไม่รู้เหมือนกัน เเหม่....พูดซะขนาดนี้ผมเลยชวนมานอนที่ห้องซะเลย (พอเล่าให้เพื่อนสนิทผมฟัง ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เธอ...เค้ามากับเเฟน ฉันว่าเธอไม่โอเค อย่ามาทำเก่ง" ผมก็คิดนะว่า ผมจะไม่โอเคจริงหรือ?)
หลายครั้งที่เขาเลี่ยงไม่เจอผม เเต่ก็ยังข้อความหากันอยู่เป็นประจำ คุยกันตลอดอย่างดี จนกระทั่งผมบอกว่า จะกลับบ้านเจอกันหน่อย กินข้าวกัน เเล้วเขาก็จะหายไป พอผมเงียบ ซักพักเขาก็จะข้อความมา ทำไร อยู่ไหน เป็นไง สบายดี ฯลฯ ผมก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง พอคุยกันซักพัก เริ่มเยอะ เขาก็จะหายไป...!!!
ล่าสุดผมก็ข้อความหา เขาบอกว่าเดี๋ยวโทรกลับ ผมก็ทั้งดีใจทั้งงง เขาก็โทรมาพูดวนไปวนมาเเล้วก็บอกว่าจะเเต่งงาน ผมก็เฉยๆนะ (เฉยเเบบ ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ ไม่รู้สึกอะไรเลย เเต่คนเราควรจะเป็นเเบบนี้หรอ ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน) ผมก็ถามเขาว่าคิดไงบอกผมเรื่องงานเเต่ง (เพราะเคยถามเขาเล่นๆว่า ถ้าเขาเเต่งงานจะบอกผมไหม เขาก็ว่าบอกสิ ผมเลยพูดติดตลกว่า ไม่กลัวผมไปพังงานเเต่งหรอ เขาก็ขำ) เขาก็ตอบกลับด้วยคำถามว่า ถ้าผมเเต่งผมจะไม่บอกเขาหรอ เเล้วเขาก็หายไปอีกเหมือนเคย
ดูเขาเฉยๆกับงานเเต่ง กลับเป็นผมเองที่ออกความคิดโน่นนี่นั่น เตรียมนี่ยัง มีนั่นยัง ที่ไหน ยังไง เมื่อไหร่ ฯลฯ เขาก็เฉยๆ ตอบเเค่ว่าเออมีเเล้ว เรียบร้อย ไม่ต้องห่วง คิดไรมาก จัดงานง่ายๆ เขาเฉยมากจนคนรอบข้างผมเริ่มถามว่าตกลงเขาอยากเเต่งจริงรึเปล่า
ล่าสุดผมทนไม่ไหว เลยข้อความถามว่าเป็นไร ทำไมเงียบไป มีไรพูดกัน เพื่อนกันคุยกันได้ อย่าเงียบไปเเบบนี้ รำคาญก็บอก หรืออะไรยังไง บลาๆๆๆ เขาก็เงียบไปตามเคย เเต่พอถามเรื่องทั่วไป ดินฟ้าอากาศ ฝนตกรถติด เขาก็คุยเป็นปกติดี (..............)
ตอนนี้ผมจองตั๋วเเล้ว ผมจะไปงานเเต่งเขา จะไปบอกเขาว่า ใช่...เมื่อก่อนผมเคยคิดกับเขามากกว่าเพื่อน เเต่มันผ่านมานานมากเเล้ว เเละตอนนั้นผมก็ยังเด็ก เเต่ตอนนี้ผมยินดีกับเขากับชีวิตที่จะเริ่มต้นใหม่ อยากเป็นเพื่อนเเบบที่เพื่อนควรจะเป็นกัน อย่าหายไปอีก อย่าคิดเเทนผมอีกว่าผมจะคิดมาก จะเสียใจ อย่ากลัวที่ต้องเจอกัน อย่าเงียบหายไป อย่าขีดเส้นไว้ว่าคุยกันได้เเค่นี้ เพราะคิดไปเองต่างๆนานา คิดเเทนผมล้วนๆ อย่ากวนน้ำนิ่งให้ตะกอนฟุ้ง ผมอึดอัด
ผมควรจะทำ ควรจะพูดอย่างไรดี ผมไม่อยากเสียเขาไป (ในฐานะเพื่อน สาบาน...) เเต่ถ้าเป็นอยู่เเบบนี้ผมเองก็อึดอัดใจเหลือเกิน
ปล.รายละเอียดมันเยอะมาก เพราะเรื่องมันยาว ตั้ง 10 กว่าปี ผมเองก็ย่อจนไม่รู้ว่าขาดตกบกพร่องตรงไหน ผมจะทำอย่างไรกับเพื่อนคิดมากคนนี้ดีครับ