การเงินมีปัญหาอย่างรุนแรงทำไงดี(รายรับ-รายจ่ายต่างกันมาก)

ก่อนหน้านี้ผมไม่มีความรู้ด้านการเงินเลย  ใช้จ่ายหรือบริหารเงินไม่เป็นเลย พอรู้ตัวอีกที"หนี้" ท่วมหัวแล้ว รายรับ-รายจ่ายไม่สมดุลกันอย่างรุนแรง
รายได้ผมมีแค่เงินเดือน ประมาน 10,000 บาท (น้อยมาก กำลังทำเรื่องลาออกครับแต่มีปัญหา ต้องอีก 4เดือนจากนี้ถึงออกได้ครับ)
รายจ่าย
ต่อวัน 100 - 120 บาท
หนี้ทั่วไป 6,000 แบ่งจ่ายเดือนละ 1,500 - 2,000 บาท(ผ่อนผันได้)
หนี้บัตรกดเงินสด K 15,800 บาท ยอดขั้นต่ำต่อเดือน 1,900 บาท
                    E 10,000 บาท "                      " 600 บาท
ค่าอินเตอเนต ต่อเดือน 600 บาท (จำเป็นต่อสายอาชีพ)
ค่าห้อง 4,000 บาท (คงต้องเปรี่ยน แน่ๆ)
ค่าดูแลรถ ค่าประกัน ประมาน 9000 ต่อปี
ผมก็ทำบันชีไม่เป็น ได้คร่าวๆ ประมานนี้


เรื่องรถตัดเลยผมขายไม่ได้จริงๆ T T มะงั้นขายไปแล้ว

ผมดูแล้วชีวิตมีปัญหาแน่ๆแต่ผมไม่รู้จะบริหารยังไงดี (จบม.3 ความรู้แทบไม่มี - -*)
อยากไห้ช่วยดูและแนะนำครับผมจะไช้เงินยังไงดี ให้หนี้มันหมดไวๆ ทุกวันนี้ต้องเดินไปทำงานสู้ค่าน้ำมันไม่ไหว กินข้าวอย่างประหยัดมากๆ น้ำอัดลม ปรกติผมไม่กินอยู่แล้ว น้ำเปล่าอย่างเดียว เสื้อผ้าไม่ซื้อแล้ว ดูหนังในโรงปรกติดูบ่อยมากตอนนี้ไม่กล้าเข้า เมเจอเลย(ใครใจดีเลี้ยงหนังหน่อยนะยิ้ม อยากดูหนังใหม่มากเลยอะ T T)
ข้อมูล ให้พี่ๆถามเพิ่มเติมได้
ปล.ช่วยแนะนำหน่อยนะครับผมรู้สึกโง่มากๆ เรื่องบริหารเงินตอนนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ถ้ามีเงินที่ไม่ใช้ พยายามลดหนี้รายจ่ายบัตรให้ได้ครับ (บัตรไหนอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ให้จ่ายก่อน)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
อมยิ้ม04 ..เพื่อนๆ พี่ๆ คห.ข้างบนแนะนำดีๆ ไปเยอะแล้วค่ะ .. พี่จะไม่พูดซ้ำ..

แค่อยากจะบอกคุณน้อง จขกท.ว่า คนที่มีปัญหา แล้วบ่นๆๆๆ ว่าหาทางออกไม่ได้ มืดแปดด้าน สิบสองด้านนั้น
..ที่พบเจอมาตลอด 40++ ปีนี้ .. สาเหตุที่ทำให้ให้แก้ปัญหาไม่ได้ หรือมองไม่เห็นทางออกของปัญหา
คือ "การตั้งเงื่อนไข" ให้กับตัวเอง ..

อย่างกรณีของคุณก็เหมือนกัน ..โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้
ติดเหตุผลร้อยแปดพันเก้า ที่คุณสรรหามาบอกตัวเอง ..หาความชอบธรรมให้กับสิ่งที่คิด ที่ยึดติด ..

ตามแก้ที่ปลายเหตุเท่าไหร่ มันก็ไม่เป็นผลหรอกค่ะ ..
เพราะเดี๋ยวคุณก็ก่อเรื่องใหม่มาเพิ่มอีก

ลองกลับไปทนทวนตัวเองค่ะ ..คำแนะนำ ต่อให้ดีแค่ไหน ถ้าคุณไม่เอาไปใช้ นำไปปฏิบัติ
..ก็ไร้ค่าค่ะ

หนี้สิน ที่จริงยังไม่นับว่าเยอะ .. แค่ 3 เท่ากว่าๆ ของรายได้
แต่ค่าใช้จ่ายประจำนั่นแหละตัวดี .. คุณถึงไม่สามารถปลดหนี้ได้ เพราะลำพังจะอยู่ในรอดถึงสิ้นเดือน ก็แทบแย่แล้ว
..ยังมี "ความยึดติด" ที่คุณอุตส่าห์เหนี่ยวรั้งมันไว้ ทำให้มันเป็น "พันธนาการ" ตัวเองอีก ..

ถ้าเรื่องราวในเวลานี้ คุณไม่สามารถเคลียร์ได้ ..อย่าเพิ่งริก่อหนี้ก้อนใหญ่และยาวนาน อย่างซื้อบ้านเชียว
..เพราะขนาดรถ ที่ไม่ติดภาระ ขับก็ไม่ได้ขับ เพราะเดินไปทำงาน ..จอดทิ้งให้ฝุ่นจับ และเสียค่า maintenance เปล่าๆ ปลี้ๆ
ยังไม่กล้าขายมาใช้หนี้ เพราะรถนี้มี "ประวัติที่ฝังใจ"
ถึงคิวผ่อนบ้าน ..ยิ่งหนักเลยน้องเอ๊ย ..
..ถ้ารั้นซื้อ เพราะฟังคนว่าบ้านมีแต่จะขึ้นราคา ไม่ซื้อตอนนี้จะซื้อไหน พร้อม-ไม่พร้อมช่างมัน ไปตายเอาดาบหน้า
หรือเหตุผลยอดฮิตคือ เสียดายค่าเช่าบ้าน ทิ้งไปเปล่าๆ ไม่ได้อะไรเป็นของตัวเอง
แต่ถ้าถึงเวลาไม่มีปัญญาผ่อน ..จะขายทิ้งก็ยาก บางคนติดป้ายเป็นปีๆ ยังขายไม่ออก
แต่ค่างวด - ดอกเบี้ยเดินทุกวัน .. ไม่มีปัญญาจ่าย ดอกทบต้น ต้นทบดอก
..โดนยึดบ้าน ..ทำใจไม่ได้อีก
เพราะเป็น "บ้านหลังแรก" ทุกซอกทุกมุมของบ้าน มี "อดีต" ทั้งนั้น ....

กลับไปทบทวนชีวิตตัวเองดีๆ หนุ่มน้อยเอ๋ย .. และขอให้คิดได้ไวๆ ค่ะ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่