‘เมย์-แมน’นำทัพบู๊เอเซียต้าชิง 30 ล้าน
ตามที่ “เอเซียต้า กรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจสื่อสารของมาเลเซีย ร่วมกับสมาคมแบดมินตันแห่งมาเลเซีย และสมาพันธ์แบดมินตันแห่งเอเชีย (เอบีซี) กำหนดจัดการแข่งขันแบดมินตันประเภททีม “เอเซียต้า คัพ” ครั้งที่ 3 ชิงเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านบาท) ที่อินโดนีเซียและมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายนถึง 7 ธันวาคม 2557 โดยมี 8 ทีมได้รับเชิญเข้าร่วมแข่งขันประกอบด้วยทีมชาติจาก 6 ประเทศ คือ มาเลเซีย (แชมป์เก่า), ไทย(รองแชมป์เก่า), อินโดนีเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ และทีมรวมดาราอีก 2 ทีม คือ ทีมรวมดาราเอเชีย, ทีมรวมดารายุโรปนั้น
นายอุดม เหลืองเพชราภรณ์ ผู้ฝึกสอนนักแบดมินตันทีมชาติไทย กล่าวว่า สำหรับทีมไทย “รองแชมป์เก่า” ได้คัดนักกีฬาที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน 11 คนดังนี้ ชาย 7 คนได้แก่ “แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ, “สอง” ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข, “เต่า” สุดเขต ประภากมล, “เอ” มณีพงศ์ จงจิตร, “ต้นน้ำ” นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร, “บอล” ปฏิพัทธ์ ฉลาดแฉลม, “เต็น” วรรณวัฒน์ อำพันสุวรรณ หญิง 3 คนได้แก่ “เมย์” รัชนก อินทนนท์, “พีช” พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข และ”ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย
สำหรับแบดมินตัน “เอเซียต้า คัพ” เป็นการแข่งขันประเภททีมผสม 4 ประเภท คือ ชายเดี่ยว, หญิงเดี่ยว, ชายคู่ และคู่ผสม รอบแรกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มๆ ละ 4 ทีม แข่งพบกันหมดในแต่ละกลุ่ม คัดเลือกเอาทีมได้คะแนนอันดับ 1-2 เข้ารอบไปไขว้ตัดเชือกในรอบรองชนะเลิศ หาผู้ชนะเข้าไปชิงชนะเลิศ ผู้แพ้ไปชิงอันดับ 3 รอบแรกแข่งขันที่อารีน่า บรีตาม่าในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย รอบรองฯและชิงชนะเลิศ แข่งขันที่ยิมเนเซียมเชราส กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย
เงินรางวัลของแบดมินตัน “เอเซียต้า คัพ” รวมทั้งหมด 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านบาท) กำหนดแบ่งดังนี้ ชนะเลิศได้ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12 ล้านบาท), รองชนะเลิศได้ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6 ล้านบาท), อันดับ 3 ได้ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.5 ล้านบาท), อันดับ 4 ได้ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3 ล้านบาท), อันดับ 5 ได้ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท), อันดับ 6 ได้ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท), อันดับ 7 ได้ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 900,000 บาท) และอันดับ 8 ได้ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (600,000 บาท)
Sport Classic 25 ต.ค. 2557
http://www.sportclassic.in.th/ข่าวประจำวัน/เมย์-แมนนำทัพบู๊เอเซี/
สุดล้ำ’ศูนย์ฝึกแบดฯ+วิทย์กีฬา’ แรงบันดาลใจ’สู่ชัยชนะ’
หลังจากที่เปิดตัวโครงการ “เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี” SCG Badminton Academy ซึ่งเป็นค่ายผลิตนักแบดมินตันเยาวชนเมื่อ 7 ปีก่อน รวมถึงในฐานะหัวเรือใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังวงการลูกขนไก่ไทยมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ล่าสุด “เอสซีจี” หวังต่อยอดความสำเร็จ เพื่อขยับรากฐานวงการแบดมินตันไทยให้เทียบชั้นระดับสากล ด้วยการเปิดศูนย์ฝึกลูกขนไก่ไทยที่สุดไฮเทคที่สุดในประเทศ มีชื่อว่า “ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา”
“ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา” เป็นแนวคิดของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ร่วมกับ เอสซีจี ตั้งอยู่ที่ถนนนางลิ้นจี่ ซอย 3 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร บนเนื้อที่ 9 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา เป็นอาคาร 2 ชั้น โดยชั้นแรกภายในตัวอาคาร ประกอบไปด้วย ห้องฟิตเนส ห้องกายภาพ ห้องพยาบาล บ่อทรายสำหรับออกกำลังขา อาคารสำนักงาน ห้องอาหารขนาดเล็ก ห้องพักกรรมการ
ส่วนชั้น 2 ประกอบไปด้วย สนามแบดมินตันมาตรฐาน 18 คอร์ต ขนาด 50×100 เมตร ด้านข้างมีลู่วิ่งรอบสนามแบด และ อัฒจันทร์จุคนดูได้ราว 1,500 คน
ศูนย์ฝึกแห่งนี้ยังมีอาคารพักนักกีฬาสูง 4 ชั้น ขนาด 12×40 เมตร ชั้นแรก เป็นห้องประชุม ห้องสันทนาการ ห้องกรรมการ ห้องซักอบรีด ชั้น 2 เป็นห้องพักนักกีฬา ประมาณ 50 ห้อง แบ่งออกเป็น ห้องพักผู้ฝึกสอน 11 ห้อง และ ของส่วนนักกีฬา แบ่งไว้อย่างมีระเบียบ ผู้หญิง 20 ห้อง ผู้ชาย 20 ห้อง รวมทั้ง มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา
คุณประสงค์ บุญช่วยส่ง หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหาร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มแนวคิด และผู้ออกแบบศูนย์ฝึก เล่าว่า พื้นที่ตรงนี้จริงๆ แล้ว เกือบจะเป็นสนามมวยลุมพินีไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ทว่าสถานการณ์พลิกผัน เมื่อสนามมวยโดนต่อต้านจากชุมชนโดยรอบ ทำให้พื้นที่ตรงนี้ว่างไม่ได้ทำประโยชน์อันใด ทางสำนักงานทรัพย์สินฯจึงประมูลมา ก่อนจะผุดศูนย์ฝึกขึ้นมา
“สำนักงานทรัพย์สินฯ กับ เอสซีจี ได้พูดคุยกัน ว่าจะทำประโยชน์อย่างไรกับพื้นที่ว่างเปล่า เราจึงคิดขึ้นมาได้ว่า เราน่าจะสร้างศูนย์ฝึกแบดมินตันที่ล้ำสมัยที่สุดในประเทศขึ้นมาดีกว่าไหม จากนั้นทุกฝ่ายเห็นด้วย จึงดำเนินการทันที โดยก่อนหน้าที่เราจะสร้าง เราได้ตระเวนเดินทางไปดูศูนย์ฝึกต่างๆ ในหลายประเทศ และ ไปสะดุดกับแบบของเกาหลีใต้ เราจึงยึดไอเดียต้นแบบของเกาหลีใต้ ซึ่งต้องบอกว่า ศูนย์ฝึกของเราอาจจะดีกว่าของเขาด้วยซ้ำ และว่าไปแล้วอาจจะดีที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้” คุณประสงค์กล่าว
“ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา” ใช้งบประมาณไปทั้งหมด 231 ล้านบาท เริ่มลงเสาเข็มมาตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม ปี 2556 แล้วเสร็จเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาใช้เวลาในก่อสร้าง 2 ปีเต็ม
หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหาร สำนักงานทรัพย์สินฯ บอกอีกว่า นอกเหนือจากจะเป็นสถานที่บ่มเพาะนักตบลูกขนไก่ในโครงการ “เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี” ที่จะย้ายมาจากสถานที่เดิมที่ถนนกรุงเทพกรีฑาแล้ว ยังจะใช้เป็นสถานที่แข่งขันแบดมินตันทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติด้วย โดยได้ประเดิมการแข่งขันรายการแรกไปแล้วในศึก “เอสซีจี จูเนียร์ แบดมินตัน แชมเปี้ยนชิพส์ 2014” รอบชิงชนะเลิศประเทศไทย ระหว่างวันที่ 10-14 กันยายนที่ผ่านมา และจะต่อด้วยการแข่งขัน “เอสซีจี ออล ไทยแลนด์ แบดมินตัน แชมเปี้ยนชิพส์ 2014” ระหว่างวันที่ 4-9 พฤศจิกายน และในอนาคตอาจจะใช้เป็นสังเวียนการแข่งขันแบดมินตันระดับกรังด์ปรีซ์โกลด์ “เอสซีจี ไทยแลนด์ โอเพ่น”
แต่ความโดดเด่นและแปลกใหม่ภายใน “ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา” ก็คือ ห้องนิทรรศการที่บอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของกีฬาลูกขนไก่ รวมทั้งรวบรวมเอาผลงานของนักแบดมินตันระดับโลก ทั้งไทยและต่างประเทศ มารวมไว้ ซึ่ง หวังว่าจะเป็นแรงกระตุ้น และ สร้างแรงจูงใจ ให้กับนัก
แบดมินตันเยาวชน โดยห้องนี้มีชื่อว่า Inspiration หรือห้อง “แรงบันดาลใจ”
“ผมเห็นว่า ในเมื่อเรามีสนามมาตรฐานระดับสากลแล้ว เรายังต้องมีแรงกระตุ้นเพื่อจะก้าวไปสู่ความสำเร็จ โดยห้องนี้ มีความพิเศษอยู่ที่โซนส่วนหนึ่งเราจัดแสดงพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระปรีชาสามารถทางการกีฬา และกีฬาแบดมินตันก็เป็นกีฬาอีกชนิดที่พระองค์ท่านทรงสนพระราชหฤทัยและโปรดปรานมาก ที่สำคัญเราได้รวบรวมพระบรมราโชวาทที่เกี่ยวข้องกับกีฬามาแสดงไว้ทุกมุมห้อง เพื่อให้นักกีฬาได้ยึดเป็นแบบอย่างตามพระองค์ท่าน มุ่งหวังไปสู่ความสำเร็จ ” หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหาร สำนักงานทรัพย์สินฯ เล่าความพิเศษของห้องดังกล่าว
ในส่วนของรายละเอียด ห้อง “แรงบันดาลใจ” (Inspiration) แบ่งออกเป็น 4 โซน
โซนแรก “ความเป็นมาของกีฬาแบดมินตัน” เป็นโซนแสดงประวัติบอกเล่าความเป็นมาของกีฬาแบดมินตัน ตั้งแต่ต้นกำเนิด ที่หลายๆ คนอาจไม่รู้ เช่นมีการนำไม้แบดจำลอง ในช่วงยุคเริ่มต้น ที่ออกแบบได้ใกล้เคียงของจริง นำมาจัดแสดงโชว์ ส่วนเนื้อหาภายในโซนนี้ก็อัดแน่นไปด้วยข้อมูลที่ซิลสกรีนลงบนแผ่นลามิเนตลายไม้ทั้งหมด มีรูปแบบสวยงาม สมกับที่เอสซีจี เป็นผู้นำในการด้านการออกแบบสิ่งปลูกสร้าง ที่พิเศษกว่านั้น คือ สามารถเพิ่มเติมเนื้อหาลงไปได้อีกในแผ่นไม้
โซนที่ 2 ชื่อว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับแบดมินตัน” เป็นโซนที่คุณประสงค์ บุญช่วยส่ง บอกว่าเป็นไฮไลท์ของห้องนี้เลย โดยมีรายละเอียดพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเกี่ยวกับกีฬาแบดมินตัน อีกทั้งมีห้องซ้อนอยู่ด้านในอีก 1 ชั้น เพื่อซ่อนเนื้อหาของพระองค์ท่านไว้ภายใน วัตถุประสงค์นี้เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับทราบว่า พระองค์ท่านทรงพระปรีชาสามารถทางการกีฬาชนิดนี้ และให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ที่พิเศษกว่านั้นคือ มีการจัดทำชุดจำลองฉลองพระองค์ทรงแบดมินตันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯไว้ในโซนนี้ด้วย สำหรับโซนนี้ หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหาร สำนักงานทรัพย์สินฯ เผยว่า มุ่งหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักแบด ที่ต้องการประสบความสำเร็จ
โซนที่ 3 ชื่อโซนว่า “รู้แพ้รู้ชนะ รู้อภัย คือน้ำใจนักกีฬา” เป็นส่วนแสดงกฎ กติกา ของกีฬาแบดมินตัน เพื่อที่คนเข้ามาชมห้องนิทรรศการ อาจจะยังไม่ทราบปลีกย่อยของกติกา ที่ถูกต้อง ตั้งแต่สนาม กติกา การแต่งกาย ฯลฯ ความพิเศษของโซนนี้ จะอยู่ที่การรวบรวมเอาคำพูด เส้นทางความสำเร็จของผู้ทรงอิทธิพลในวงการขนไก่ไทย อย่างเช่น ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน อดีตนายกสมาคมแบดมินตันฯ และอดีตนักแบดมินตันระดับโลกของไทย รวมถึงนักตบลูกขนไก่ยุคปัจจุบันอย่าง “ซูเปอร์แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ สุดเขต ประภากมล-สราลีย์ ทุ่งทองคำ เป็นต้น
โซนสุดท้าย ชื่อว่า “แรงบันดาลใจ” โซนนี้รวบรวมนักกีฬาหรือบุคคลสำคัญตั้งแต่อดีตถึงปัจจุปันเพื่อเป็นแรงกระตุ้นในการก้าวไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งจะมีการดำเนินเรื่องฉายบทสัมภาษณ์ของนักแบดมินตันชื่อดังของวงการ อาทิ “ซูเปอร์แมน” บุญศักดิ์, “น้องครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ , คู่หูประวัติศาสตร์วงการขนไก่ไทย เจ้าของแชมป์เยาวชนโลก 2014 “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน โดยเนื้อหา เจาะลึกถึง เบื้องหน้า เบื้องหลัง ว่าผ่านร้อน ผ่านหนาวอะไรมาบ้าง ก่อนที่จะมาโด่งดัง รวมถึงผลงานของแต่ละคน
โซนนี้ยังมีการประดับ “ทำเนียบนักกีฬา” ของนักแบดมินตันไทยในอดีตที่ล่วงลับอย่าง ด.ต.ปราโมทย์ ธีระวิวัฒน์ เจ้าของเหรียญเงินเอเชี่ยนเกมส์ 2 สมัย รวมถึงนักแบดฯระดับโลกทั้งอดีตและปัจจุบัน ก็ถูกประดับไว้ใกล้เคียงกัน อาทิ ปาร์ค จู บอง ยอดนักแบดชาวเกาหลีใต้ เจ้าของเหรียญทองชายคู่ โอลิมปิก 1992 ที่บาร์เซโลน่า , จาง หนิง ตำนานหญิงเดี่ยวของจีน เหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย , หลี่ ซือ รุ่ย หญิงเดี่ยวสาวจีน มือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน และ 2 สุดยอดชายเดี่ยวไร้เทียมทาน ของโลก ในยุคปัจจุบัน อย่าง หลิน ตัน ขนไก่ชาวจีน กับ ลี ชอง เหว่ย ของมาเลเซีย ด้วย
“งบประมาณสำหรับห้องนี้ เราลงทุนไป 5.5 ล้านบาท อย่างที่บอกเรามุ่งหวังว่า สร้างแรงกระตุ้น ให้กับน้องๆ เยาวชน โดยยึดเอาพระบรมราโชวาทที่เราประดับไว้ทั่วห้องของพระองค์ท่าน มาเป็นตัวผลักดันก้าวไปสู่ความสำเร็จ” ผู้ดูแลเผย
“ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา” จึงไม่ใช่แค่สถานที่เก็บตัว ฝึกซ้อมและแข่งขันเท่านั้น แต่เป็นที่รวบรวม “จิตวิญญาณ” ของวงการขนไก่ไทยมาไว้ ณ ที่แห่งนี้.
Sport Classic 26 ต.ค. 2557
http://www.sportclassic.in.th/ข่าวประจำวัน/สุดล้ำศูนย์ฝึกแบดฯวิท/
"เมย์-แมน" นำทัพบู๊ AXIATA CUP • ศูนย์ฝึกแบตมินตันสุดไฮเทค • 4 - 5 พ.ย. นี้ ชี้ขาด ! ตรวจโด๊ป "ลี ชอง เหว่ย"
ตามที่ “เอเซียต้า กรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจสื่อสารของมาเลเซีย ร่วมกับสมาคมแบดมินตันแห่งมาเลเซีย และสมาพันธ์แบดมินตันแห่งเอเชีย (เอบีซี) กำหนดจัดการแข่งขันแบดมินตันประเภททีม “เอเซียต้า คัพ” ครั้งที่ 3 ชิงเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านบาท) ที่อินโดนีเซียและมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายนถึง 7 ธันวาคม 2557 โดยมี 8 ทีมได้รับเชิญเข้าร่วมแข่งขันประกอบด้วยทีมชาติจาก 6 ประเทศ คือ มาเลเซีย (แชมป์เก่า), ไทย(รองแชมป์เก่า), อินโดนีเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ และทีมรวมดาราอีก 2 ทีม คือ ทีมรวมดาราเอเชีย, ทีมรวมดารายุโรปนั้น
นายอุดม เหลืองเพชราภรณ์ ผู้ฝึกสอนนักแบดมินตันทีมชาติไทย กล่าวว่า สำหรับทีมไทย “รองแชมป์เก่า” ได้คัดนักกีฬาที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน 11 คนดังนี้ ชาย 7 คนได้แก่ “แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ, “สอง” ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข, “เต่า” สุดเขต ประภากมล, “เอ” มณีพงศ์ จงจิตร, “ต้นน้ำ” นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร, “บอล” ปฏิพัทธ์ ฉลาดแฉลม, “เต็น” วรรณวัฒน์ อำพันสุวรรณ หญิง 3 คนได้แก่ “เมย์” รัชนก อินทนนท์, “พีช” พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข และ”ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย
สำหรับแบดมินตัน “เอเซียต้า คัพ” เป็นการแข่งขันประเภททีมผสม 4 ประเภท คือ ชายเดี่ยว, หญิงเดี่ยว, ชายคู่ และคู่ผสม รอบแรกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มๆ ละ 4 ทีม แข่งพบกันหมดในแต่ละกลุ่ม คัดเลือกเอาทีมได้คะแนนอันดับ 1-2 เข้ารอบไปไขว้ตัดเชือกในรอบรองชนะเลิศ หาผู้ชนะเข้าไปชิงชนะเลิศ ผู้แพ้ไปชิงอันดับ 3 รอบแรกแข่งขันที่อารีน่า บรีตาม่าในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย รอบรองฯและชิงชนะเลิศ แข่งขันที่ยิมเนเซียมเชราส กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย
เงินรางวัลของแบดมินตัน “เอเซียต้า คัพ” รวมทั้งหมด 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านบาท) กำหนดแบ่งดังนี้ ชนะเลิศได้ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12 ล้านบาท), รองชนะเลิศได้ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6 ล้านบาท), อันดับ 3 ได้ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.5 ล้านบาท), อันดับ 4 ได้ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3 ล้านบาท), อันดับ 5 ได้ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท), อันดับ 6 ได้ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.2 ล้านบาท), อันดับ 7 ได้ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 900,000 บาท) และอันดับ 8 ได้ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (600,000 บาท)
Sport Classic 25 ต.ค. 2557
http://www.sportclassic.in.th/ข่าวประจำวัน/เมย์-แมนนำทัพบู๊เอเซี/
สุดล้ำ’ศูนย์ฝึกแบดฯ+วิทย์กีฬา’ แรงบันดาลใจ’สู่ชัยชนะ’
หลังจากที่เปิดตัวโครงการ “เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี” SCG Badminton Academy ซึ่งเป็นค่ายผลิตนักแบดมินตันเยาวชนเมื่อ 7 ปีก่อน รวมถึงในฐานะหัวเรือใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังวงการลูกขนไก่ไทยมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ล่าสุด “เอสซีจี” หวังต่อยอดความสำเร็จ เพื่อขยับรากฐานวงการแบดมินตันไทยให้เทียบชั้นระดับสากล ด้วยการเปิดศูนย์ฝึกลูกขนไก่ไทยที่สุดไฮเทคที่สุดในประเทศ มีชื่อว่า “ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา”
“ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา” เป็นแนวคิดของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ร่วมกับ เอสซีจี ตั้งอยู่ที่ถนนนางลิ้นจี่ ซอย 3 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร บนเนื้อที่ 9 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา เป็นอาคาร 2 ชั้น โดยชั้นแรกภายในตัวอาคาร ประกอบไปด้วย ห้องฟิตเนส ห้องกายภาพ ห้องพยาบาล บ่อทรายสำหรับออกกำลังขา อาคารสำนักงาน ห้องอาหารขนาดเล็ก ห้องพักกรรมการ
ส่วนชั้น 2 ประกอบไปด้วย สนามแบดมินตันมาตรฐาน 18 คอร์ต ขนาด 50×100 เมตร ด้านข้างมีลู่วิ่งรอบสนามแบด และ อัฒจันทร์จุคนดูได้ราว 1,500 คน
ศูนย์ฝึกแห่งนี้ยังมีอาคารพักนักกีฬาสูง 4 ชั้น ขนาด 12×40 เมตร ชั้นแรก เป็นห้องประชุม ห้องสันทนาการ ห้องกรรมการ ห้องซักอบรีด ชั้น 2 เป็นห้องพักนักกีฬา ประมาณ 50 ห้อง แบ่งออกเป็น ห้องพักผู้ฝึกสอน 11 ห้อง และ ของส่วนนักกีฬา แบ่งไว้อย่างมีระเบียบ ผู้หญิง 20 ห้อง ผู้ชาย 20 ห้อง รวมทั้ง มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา
คุณประสงค์ บุญช่วยส่ง หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหาร สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มแนวคิด และผู้ออกแบบศูนย์ฝึก เล่าว่า พื้นที่ตรงนี้จริงๆ แล้ว เกือบจะเป็นสนามมวยลุมพินีไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ทว่าสถานการณ์พลิกผัน เมื่อสนามมวยโดนต่อต้านจากชุมชนโดยรอบ ทำให้พื้นที่ตรงนี้ว่างไม่ได้ทำประโยชน์อันใด ทางสำนักงานทรัพย์สินฯจึงประมูลมา ก่อนจะผุดศูนย์ฝึกขึ้นมา
“สำนักงานทรัพย์สินฯ กับ เอสซีจี ได้พูดคุยกัน ว่าจะทำประโยชน์อย่างไรกับพื้นที่ว่างเปล่า เราจึงคิดขึ้นมาได้ว่า เราน่าจะสร้างศูนย์ฝึกแบดมินตันที่ล้ำสมัยที่สุดในประเทศขึ้นมาดีกว่าไหม จากนั้นทุกฝ่ายเห็นด้วย จึงดำเนินการทันที โดยก่อนหน้าที่เราจะสร้าง เราได้ตระเวนเดินทางไปดูศูนย์ฝึกต่างๆ ในหลายประเทศ และ ไปสะดุดกับแบบของเกาหลีใต้ เราจึงยึดไอเดียต้นแบบของเกาหลีใต้ ซึ่งต้องบอกว่า ศูนย์ฝึกของเราอาจจะดีกว่าของเขาด้วยซ้ำ และว่าไปแล้วอาจจะดีที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้” คุณประสงค์กล่าว
“ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา” ใช้งบประมาณไปทั้งหมด 231 ล้านบาท เริ่มลงเสาเข็มมาตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม ปี 2556 แล้วเสร็จเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาใช้เวลาในก่อสร้าง 2 ปีเต็ม
หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหาร สำนักงานทรัพย์สินฯ บอกอีกว่า นอกเหนือจากจะเป็นสถานที่บ่มเพาะนักตบลูกขนไก่ในโครงการ “เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี” ที่จะย้ายมาจากสถานที่เดิมที่ถนนกรุงเทพกรีฑาแล้ว ยังจะใช้เป็นสถานที่แข่งขันแบดมินตันทั้งระดับชาติและระดับนานาชาติด้วย โดยได้ประเดิมการแข่งขันรายการแรกไปแล้วในศึก “เอสซีจี จูเนียร์ แบดมินตัน แชมเปี้ยนชิพส์ 2014” รอบชิงชนะเลิศประเทศไทย ระหว่างวันที่ 10-14 กันยายนที่ผ่านมา และจะต่อด้วยการแข่งขัน “เอสซีจี ออล ไทยแลนด์ แบดมินตัน แชมเปี้ยนชิพส์ 2014” ระหว่างวันที่ 4-9 พฤศจิกายน และในอนาคตอาจจะใช้เป็นสังเวียนการแข่งขันแบดมินตันระดับกรังด์ปรีซ์โกลด์ “เอสซีจี ไทยแลนด์ โอเพ่น”
แต่ความโดดเด่นและแปลกใหม่ภายใน “ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา” ก็คือ ห้องนิทรรศการที่บอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของกีฬาลูกขนไก่ รวมทั้งรวบรวมเอาผลงานของนักแบดมินตันระดับโลก ทั้งไทยและต่างประเทศ มารวมไว้ ซึ่ง หวังว่าจะเป็นแรงกระตุ้น และ สร้างแรงจูงใจ ให้กับนัก
แบดมินตันเยาวชน โดยห้องนี้มีชื่อว่า Inspiration หรือห้อง “แรงบันดาลใจ”
“ผมเห็นว่า ในเมื่อเรามีสนามมาตรฐานระดับสากลแล้ว เรายังต้องมีแรงกระตุ้นเพื่อจะก้าวไปสู่ความสำเร็จ โดยห้องนี้ มีความพิเศษอยู่ที่โซนส่วนหนึ่งเราจัดแสดงพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระปรีชาสามารถทางการกีฬา และกีฬาแบดมินตันก็เป็นกีฬาอีกชนิดที่พระองค์ท่านทรงสนพระราชหฤทัยและโปรดปรานมาก ที่สำคัญเราได้รวบรวมพระบรมราโชวาทที่เกี่ยวข้องกับกีฬามาแสดงไว้ทุกมุมห้อง เพื่อให้นักกีฬาได้ยึดเป็นแบบอย่างตามพระองค์ท่าน มุ่งหวังไปสู่ความสำเร็จ ” หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหาร สำนักงานทรัพย์สินฯ เล่าความพิเศษของห้องดังกล่าว
ในส่วนของรายละเอียด ห้อง “แรงบันดาลใจ” (Inspiration) แบ่งออกเป็น 4 โซน
โซนแรก “ความเป็นมาของกีฬาแบดมินตัน” เป็นโซนแสดงประวัติบอกเล่าความเป็นมาของกีฬาแบดมินตัน ตั้งแต่ต้นกำเนิด ที่หลายๆ คนอาจไม่รู้ เช่นมีการนำไม้แบดจำลอง ในช่วงยุคเริ่มต้น ที่ออกแบบได้ใกล้เคียงของจริง นำมาจัดแสดงโชว์ ส่วนเนื้อหาภายในโซนนี้ก็อัดแน่นไปด้วยข้อมูลที่ซิลสกรีนลงบนแผ่นลามิเนตลายไม้ทั้งหมด มีรูปแบบสวยงาม สมกับที่เอสซีจี เป็นผู้นำในการด้านการออกแบบสิ่งปลูกสร้าง ที่พิเศษกว่านั้น คือ สามารถเพิ่มเติมเนื้อหาลงไปได้อีกในแผ่นไม้
โซนที่ 2 ชื่อว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับแบดมินตัน” เป็นโซนที่คุณประสงค์ บุญช่วยส่ง บอกว่าเป็นไฮไลท์ของห้องนี้เลย โดยมีรายละเอียดพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเกี่ยวกับกีฬาแบดมินตัน อีกทั้งมีห้องซ้อนอยู่ด้านในอีก 1 ชั้น เพื่อซ่อนเนื้อหาของพระองค์ท่านไว้ภายใน วัตถุประสงค์นี้เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับทราบว่า พระองค์ท่านทรงพระปรีชาสามารถทางการกีฬาชนิดนี้ และให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ที่พิเศษกว่านั้นคือ มีการจัดทำชุดจำลองฉลองพระองค์ทรงแบดมินตันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯไว้ในโซนนี้ด้วย สำหรับโซนนี้ หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหาร สำนักงานทรัพย์สินฯ เผยว่า มุ่งหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักแบด ที่ต้องการประสบความสำเร็จ
โซนที่ 3 ชื่อโซนว่า “รู้แพ้รู้ชนะ รู้อภัย คือน้ำใจนักกีฬา” เป็นส่วนแสดงกฎ กติกา ของกีฬาแบดมินตัน เพื่อที่คนเข้ามาชมห้องนิทรรศการ อาจจะยังไม่ทราบปลีกย่อยของกติกา ที่ถูกต้อง ตั้งแต่สนาม กติกา การแต่งกาย ฯลฯ ความพิเศษของโซนนี้ จะอยู่ที่การรวบรวมเอาคำพูด เส้นทางความสำเร็จของผู้ทรงอิทธิพลในวงการขนไก่ไทย อย่างเช่น ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน อดีตนายกสมาคมแบดมินตันฯ และอดีตนักแบดมินตันระดับโลกของไทย รวมถึงนักตบลูกขนไก่ยุคปัจจุบันอย่าง “ซูเปอร์แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ สุดเขต ประภากมล-สราลีย์ ทุ่งทองคำ เป็นต้น
โซนสุดท้าย ชื่อว่า “แรงบันดาลใจ” โซนนี้รวบรวมนักกีฬาหรือบุคคลสำคัญตั้งแต่อดีตถึงปัจจุปันเพื่อเป็นแรงกระตุ้นในการก้าวไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งจะมีการดำเนินเรื่องฉายบทสัมภาษณ์ของนักแบดมินตันชื่อดังของวงการ อาทิ “ซูเปอร์แมน” บุญศักดิ์, “น้องครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ , คู่หูประวัติศาสตร์วงการขนไก่ไทย เจ้าของแชมป์เยาวชนโลก 2014 “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน โดยเนื้อหา เจาะลึกถึง เบื้องหน้า เบื้องหลัง ว่าผ่านร้อน ผ่านหนาวอะไรมาบ้าง ก่อนที่จะมาโด่งดัง รวมถึงผลงานของแต่ละคน
โซนนี้ยังมีการประดับ “ทำเนียบนักกีฬา” ของนักแบดมินตันไทยในอดีตที่ล่วงลับอย่าง ด.ต.ปราโมทย์ ธีระวิวัฒน์ เจ้าของเหรียญเงินเอเชี่ยนเกมส์ 2 สมัย รวมถึงนักแบดฯระดับโลกทั้งอดีตและปัจจุบัน ก็ถูกประดับไว้ใกล้เคียงกัน อาทิ ปาร์ค จู บอง ยอดนักแบดชาวเกาหลีใต้ เจ้าของเหรียญทองชายคู่ โอลิมปิก 1992 ที่บาร์เซโลน่า , จาง หนิง ตำนานหญิงเดี่ยวของจีน เหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย , หลี่ ซือ รุ่ย หญิงเดี่ยวสาวจีน มือ 1 ของโลกคนปัจจุบัน และ 2 สุดยอดชายเดี่ยวไร้เทียมทาน ของโลก ในยุคปัจจุบัน อย่าง หลิน ตัน ขนไก่ชาวจีน กับ ลี ชอง เหว่ย ของมาเลเซีย ด้วย
“งบประมาณสำหรับห้องนี้ เราลงทุนไป 5.5 ล้านบาท อย่างที่บอกเรามุ่งหวังว่า สร้างแรงกระตุ้น ให้กับน้องๆ เยาวชน โดยยึดเอาพระบรมราโชวาทที่เราประดับไว้ทั่วห้องของพระองค์ท่าน มาเป็นตัวผลักดันก้าวไปสู่ความสำเร็จ” ผู้ดูแลเผย
“ศูนย์ฝึกแบดมินตันและวิทยาศาสตร์การกีฬา” จึงไม่ใช่แค่สถานที่เก็บตัว ฝึกซ้อมและแข่งขันเท่านั้น แต่เป็นที่รวบรวม “จิตวิญญาณ” ของวงการขนไก่ไทยมาไว้ ณ ที่แห่งนี้.
Sport Classic 26 ต.ค. 2557
http://www.sportclassic.in.th/ข่าวประจำวัน/สุดล้ำศูนย์ฝึกแบดฯวิท/