มุมมองต่อ Gone Girl ... เพราะการแต่งงาน ยังไม่ใช่ตอนจบของความรัก

คำเตือน: มุมมองนี้มีสปอยล์ แต่ ...

ถ้ายังไม่ได้ดู ให้อ่านมุมมองแบบไม่สปอยล์ตาม link ในสปอยล์ครับ ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



"จะให้ฉันเริ่มต้นจากตรงไหน เรื่องยาวๆ ของเธอกับฉัน"



ผลงานล่าสุดของผู้กำกับ David Fincher ที่ได้นำเอานิยายระดับ Best Seller ของ Gillian Flynn ด้วยการเขียนบทของเธอเองมาขึ้นจอ ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเป็นอีกหนึ่งงานเจาะลึกชีวิตคู่ การตีแผ่ความสัญชาตญาณต้องการระหว่างชายหญิง เสียดสีวงการสื่อมวลชน และจิกกัดการตัดสินใจที่จะเชื่อของผู้คนผ่านการรับรู้และอคติของมนุษย์ ซึ่งหลายครั้งก็ใช้อารมณ์ส่วนตัวมากกว่าเหตุผล แน่นอนว่า ง่ายต่อการถูกสะกดจิตหมู่ จากสื่อมวลชน หรือผู้มีอำนาจสื่ออยู่ในมือ


หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบแบ่งออกเป็น 3 องก์ ซึ่งนอกจากจะค่อยๆเป็นการคลี่คลายเรื่องราวอย่างมีชั้นเชิงแล้ว ยังแสดงออกถึงนัยยะทางลำดับขั้นของชีวิตคู่ได้อย่างลึกซึ้ง


องก์ 1 : เรื่องของนิค ดันน์ (ผ่านมุมมองของตัวนิค และไดอารี่ของภรรยาที่จะช่วยพาผู้ชม ให้รู้จักนิคในอีกแง่มุมที่เรามองไม่เห็น?)



"การพบรัก คือ ช่วงเวลามหัศจรรย์ และการแต่งงานได้ครองคู่กับคนที่เรารัก มันคือยิ่งกว่าความสุขที่ทุกชีวิตรอคอย"



นิค ... ตามที่เราได้เห็นทั้งจากตัวอย่าง และการนำเสนอของหนังในองก์แรกนี้ ... เขาคือชายหนุ่มที่กลับมาบ้านในเช้าของวันครบรอบการแต่งงานปีที่ 5 และพบว่า เอมี่ ภรรยาของเขาได้หายตัวไป เหลือไว้แค่เพียงปริศนาคำใบ้ที่จะนำไปถึงของขวัญครบรอบวันสำคัญตามที่เธอเคยทำมาตลอดสามปีหลัง และ ... ร่องรอยความเสียหายภายในบ้าน


ซึ่งกลายเป็นปมสำคัญที่พาให้นิค ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะมีส่วนรู้เห็นต่อสวัสดิภาพของภรรยา ซึ่งดูเหมือนว่า น่าจะเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมภายในบ้าน ก่อนที่จะนำศพของเธอไปอำพราง แม้เขาจะพยายามปฏิเสธ แต่ก็ดูจะอ่อนด้อยทางพยานหลักฐาน และเหตุจูงใจก็มีมากมายจนยากจะทำใจไม่ให้เชื่อว่าเขา 'บริสุทธิ์' ... ซึ่งสื่อ รวมไปถึงผู้ที่ติดตามข่าวร้อนประเด็นฮอตนี้ ก็ดูจะพิพากษานิคไปหมดแล้ว ว่าเค้าคือ "ฆาตกร" ที่เหลือรอแค่ว่านิคจะเปิดปากยอมรับเมื่อไหร่ก็เท่านั้น


********


องก์ 2 : เรื่องของเอมี่ หญิงสาวผู้หายไป เธออันเป็นที่รักของมวลมหาประชาชน



"แต่การแต่งงาน มันอาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่หวัง เมื่อต้องใช้ชีวิตร่วมกันแทบ 24 ชั่วโมง คนที่เราเคยรัก อาจไม่ใช่เจ้าหญิงผู้สวยงามอ่อนหวานหรือเจ้าชายขี่ม้าขาวอีกต่อไป ... การแต่งงาน ก็คงเหมือนการเสี่ยงทาย เราไม่รู้ก่อนหรอกว่า ผลจะออกมาหัวหรือก้อย จนกระทั่งเมื่อเราทอยเหรียญออกไปแล้ว"



มาพบกับคำตอบว่า เอมี่ หายไปไหน .... และช่วงเวลาก่อนที่เธอจะหายไป เธอและนิค มีเรื่องราวอะไรกัน!!!


จากสาวน้อยที่ใครๆก็ต้องสงสาร เอมี่ ที่แท้จริง เธอไม่ได้เป็นแบบที่เราเห็นมาตั้งแต่ต้น แต่เธอคือนักวางแผน เป็นนางมารร้าย และที่สำคัญ ... ไม่น่าจะจิตปกติสักเท่าไหร่ ซึ่งผลพวงมาจากการเลี้ยงดูที่ทำให้เธอยึดติดอยู่กับ "ความสมบูรณ์แบบ" ที่มีเธอเป็น สาวน้อยมหัศจรรย์ .... ตามคาแรกเตอร์ที่พ่อนักเขียนของเธอ พรรณนาถึงเธอเอาไว้ในหนังสือภาพชุด "Amazing Amy" ... นิค ชายหนุ่มในฝันที่เธอหลงใหลในวันนั้น อยู่ๆก็แปรสภาพเป็นคนขี้แพ้ เซ็กซ์ป่วย แถมยังมีชู้ ... เอมี่จะไม่ทน ... แต่การไม่ทนของเธอ คือ การแก้แค้นให้กับหัวใจที่บอบช้ำ และช่วงชีวิตดีๆที่หายไปของเธอ ด้วยการทำลายชีวิตของนิค เจ้าชายปลอมๆ ที่ไม่มีวันจะมอบปราสาทใหญ่โตให้แก่เธอได้อีกต่อไป


การกระทำของเอมี่ .. จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่ง ความหลอนบนจอภาพยนตร์ ที่จะพาให้ผู้ชมอย่างเรา "#ขนลุก"


***************


องก์ 3 : การกลับมาของ 'เอมี่' สู่อ้อมกอดของ 'นิค'



"แม้บางครั้ง การแต่งงานอาจไม่เป็นไปดังหวัง คนที่คิดว่าใช่ อาจไม่ใช่ และถึงเธอจะเปลี่ยนไป แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยากันแล้ว ก็ต้องทนให้มันดำเนินต่อไป โดยมากก็เพื่อรักษาสถานภาพและหน้าตาทางสังคม .... ดังนั้น ครอบครัวที่เราเห็นว่า สวยหรูดูดี อาจมีความลับหลังบ้านที่เราอาจจะต้องสะพรึง"



เป็นองก์และบทสรุปที่หลายๆคนไม่ชอบ และคิดว่ามันหลุดโลกไปจากสององก์แรกที่หนังนำเสนอ ... การกลับมาของเอมี่ (ที่แน่นอนว่า เธอมีวิธีกลับมาสวยๆแบบไม่ธรรมดา!!) และเปลี่ยนทัศนคติที่เธอมีต่อนิค จากชายขี้แพ้ กลับมาสู่ชายในฝันอีกครั้ง ด้วยมายากลของสื่อ รวมทั้งนิคเองก็ต้องจำทน? ร่วมใช้ชีวิตกับภรรยาโรคจิตของตัวเองเสมือนเดิมที่เคยเป็นมา ....


ในมุมมองของจขกท. องก์นี้ก็ยังคงความดีงามไม่แพ้สององก์ก่อน และสะท้อนภาพของมายาชีวิตคู่ได้เห็นภาพชัดเจน เพราะหลายๆคู่สมรส ที่มีสตอรี่หลังแต่งงานที่ไม่สวยงามอย่างที่หวัง แต่ก็ยังจำเป็นต้องฝืนอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เพื่อรักษาหน้าตาทางสังคม หรือกับที่หลายๆครั้งที่เราได้ยิน "อยู่เพื่อลูก" ทั้งที่ในความเป็นจริง ... ความรัก มันได้ระเหยหายไปจากทุกอณูของบ้านหลังงามไปหมดแล้ว


*****

องก์ 1 สะท้อนภาพมายาของความรัก และวงการสื่อมวลชน
องก์ 2 เจาะลึกให้เห็นถึงมายาคติของการแต่งงาน
องก์ 3 ก็คือ บทสรุปของชีวิตคู่ ที่บางครั้ง คนที่นอนร่วมเตียงเดียวกันทุกๆคืน อาจเป็นคนที่เรารู้จัก "น้อยที่สุด"



Gone Girl จึงกลายเป็นงานที่หนักแน่น และยอดเยี่ยมอีกหนึ่งงานในเครดิตของฟินเชอร์ที่เล่าเรื่องได้น่าสนใจ และคุมโทนให้คงความไม่น่าไว้ใจอะไรได้เลย ก่อนจะขยี้อารมณ์ขนลุกใส่ผู้ชม จนเดินขาสั่นออกจากโรง แต่งานนี้ เค้าอาจจะโดน 'ผู้หญิง' กลบเหมือนเรื่องราวในหนังอยู่เล็กน้อย ..


เพราะความดีงามที่แท้จริงอยู่ที่ตัวบทประพันธ์ของฟลินน์ ที่สามารถบอกเล่าแง่มุมทั่วไป ให้ออกมาหนักแน่น และดาร์คสุดลิ่มโดยที่ก็ยังคงความน่าเชื่อถือ และวางอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงในสังคม ... เช่นเดียวกับ Rosamund Pike การแสดงของเธอเต็มไปด้วยรายละเอียด และคุมน้ำหนักของตัวละครให้ไม่หลุดออกไปจนแฟนตาซี และสายตาที่เธอมองกลับมาในฉากสุดท้ายของเรื่อง ... ช่วยทำให้ Gone Girl ปิดเรื่องลงอย่างทรงพลัง



ก่อนที่รีวิวจะยาวไปกว่านี้ ><" .... ขอทิ้งท้ายเอาไว้ตรงนี้ครับว่า


"การแต่งงาน มันไม่ใช่ตอนจบที่สวยงามเหมือนราวเทพนิยาย แต่มันคือการเริ่มต้นของบทพิสูจน์ทางความรัก พรหมลิขิต และสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์อย่างแท้จริง"


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ ^^
https://www.facebook.com/CinemaParadiso.by.Golffy
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่