สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ดีใจเถอะค่ะ 5555
อดีต ... ของดิฉัน เซอร์ไพรส์เก่งมากค่ะ โรแมนติกสุดๆ
มีของขวัญมาประเคนให้ทุกเทศกาล
ทำกับข้าวให้ทานตอนเช้า ห่อข้าวให้ไปทำงาน
ชอบทำอะไรเซอร์ไพรส์ให้ดีใจเล่น
และที่เซอร์ไพรส์สุดๆ
คือ มนุษย์คนนั้น มีกิ๊กนับไม่ถ้วนค่ะ ToT
ดิฉันเซอร์ไพรส์บ่อยมากจนเอือมค่ะ
จนสุดท้ายแล้ว อยู่ด้วยกันไม่ได้ค่ะ
คนเรามีข้อดีข้อเสียต่างกันค่ะ แค่เรายอมรับในสิ่งที่เค้าขาดให้ได้ ก็จะสบายใจเองจ้า
ถ้าให้เลือก เจอแบบเรา จขกท คงไม่อยากได้ชิมิ
อดีต ... ของดิฉัน เซอร์ไพรส์เก่งมากค่ะ โรแมนติกสุดๆ
มีของขวัญมาประเคนให้ทุกเทศกาล
ทำกับข้าวให้ทานตอนเช้า ห่อข้าวให้ไปทำงาน
ชอบทำอะไรเซอร์ไพรส์ให้ดีใจเล่น
และที่เซอร์ไพรส์สุดๆ
คือ มนุษย์คนนั้น มีกิ๊กนับไม่ถ้วนค่ะ ToT
ดิฉันเซอร์ไพรส์บ่อยมากจนเอือมค่ะ
จนสุดท้ายแล้ว อยู่ด้วยกันไม่ได้ค่ะ
คนเรามีข้อดีข้อเสียต่างกันค่ะ แค่เรายอมรับในสิ่งที่เค้าขาดให้ได้ ก็จะสบายใจเองจ้า
ถ้าให้เลือก เจอแบบเรา จขกท คงไม่อยากได้ชิมิ
ความคิดเห็นที่ 15
นั้นสิครับ มนุษย์ผัวที่บ้านเหมือนกัน จ้องแต่จะะทำลูก บอกไปแล้วไม่มีรังไข่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 13
หวังว่าบทความนนี้น่าจะช่วย จขกท ได้นะคะ
ลองสำรวจตัวเองกับสามีดูค่ะ
ภาษารัก 5 ภาษา
1. คำพูดที่ให้กำลังใจ
มาร์ก ทเวนกล่าวว่า “ผมสามารถดำเนินชีวิตต่อไปอีกสองเดือนด้วยคำพูดชมเชยของผู้อื่นเพียงหนึ่งคำ” อำนาจชี้เป็นชี้ตายอยู่ที่ลิ้น (สุภาษิต) จุดมุ่งหมายของความรักใช่ว่าคุณจะต้องได้อะไรมา แต่อยู่ที่ คุณจะทำอะไร เพื่อคนที่คุณรักต่างหาก ความจริง อย่างหนึ่งคือ เมื่อเราได้ฟังคำพูดที่ให้กำลังใจ แล้ว เราก็อดไม่ได้ที่จะไม่ทำอะไรตอบแทนอีกฝ่ายหนึ่ง
1.1 คำพูดที่หนุนน้ำใจ
คำพูดชมเชยเป็นวิธีหนึ่ง ที่ให้กำลังใจแต่คำว่า “หนุนใจ” มีความหมายว่าบันดาล ให้เกิดความกล้าหาญขึ้นมา เราทุกคนย่อม เคยรู้สึกไม่มั่นคง ไม่มั่นใจในบางเรื่อง และต้องการกำลังใจ ในเรื่องนั้นๆ คำพูดหนุนใจเป็นเหมือนกุญแจที่ปลดปล่อยพลังออกมา
หากเราอยากหนุนใจคนรักของเรา เราต้องร่วมในอารมณ์ความรู้สึกเดียวกับเขาและมองโลกตามมุมมองของเขา ก่อนอื่น..เราต้องเรียนรู้ว่า อะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับเขา
1.2 คำพูดที่ปรานี
ความรักกระทำคุณให้ คำพูดที่ออกมาจากจิตใจที่มีความปรานี จะมีน้ำเสียงที่อ่อนโยนและสื่อถึงจิตใจที่มีต่อผู้ที่เราพูดด้วย แต่ถ้าพูดด้วย การเย้ยหยัน จะทำให้ความหมายเปลี่ยนทันที “คำตอบอ่อนหวานช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไปแต่คำกักขฬะเร้าโทสะ..” (สุภาษิต 15:1) ความรักไม่จดจำความผิด
1.3 คำพูดที่ถ่อมใจ
ความรักทำให้เรามีคำพูดที่ขอร้องและแสดงออกถึงการยินยอม ไม่ใช่คำสั่ง หากคุณเรียกร้องให้ทำตามในลักษณะออกคำสั่ง คุณก็ไม่ได้รักแต่เป็นจอมเผด็จการต่างหากคนรักของคุณจะไม่ได้รับกำลังใจ
ลึกลงไปในใจมนุษย์สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือความรู้สึกว่า คนอื่นมองเห็นคุณค่าของเราควรชมเชย เขาต่อหน้าคนอื่นๆและแม้เขาจะไม่อยู่ก็ยังควรชมเชย
2. การใช้เวลาที่มีคุณค่า
เวลาที่มีคุณค่า หมายถึง การทุ่มเทความสนใจทั้งหมดของคุณไปที่อีกคนหนึ่ง แก่นแท้ ของการใช้เวลาที่มีคุณค่าคือการอยู่ด้วยกัน คือ การทุ่มเทความสนใจทั้งหมด ไปที่กันและกันเพียงสองคน
สรรหากิจกรรมที่มีคุณค่า หมายถึง กิจกรรมใดๆก็ได้ที่ทั้งคู่หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชื่นชอบ หรือเคยมีประสบการณ์ร่วมกันที่ดีในกิจกรรมนั้นๆ อาจเป็นการไปไหนต่อไหนด้วยกันหรือทำอะไรร่วมกัน เช่นการเล่นกีฬา แต่ต้องไม่ลืมว่าคนสำคัญกว่ากิจกรรมที่ทำร่วมกัน
ผลพลอยได้ของกิจกรรม คือ ความสัมพันธ์ ที่มีต่อกันในครอบครัวการจดจ่อคือ เน้นที่ความสัมพันธ์
3. การให้ของขวัญ
ของขวัญเป็น ภาษารักที่จับต้องได้ ของขวัญไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แต่จำเป็นที่ต้องมีคุณค่าทางใจต่อผู้ที่เราจะให้ เครื่องหมายของความรักที่มองเห็นได้ชัดจำเป็นมากสำหรับบางคน นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมบางคนไม่เคยถอดแหวน แต่งงานออกจากนิ้วเลย
มีของขวัญอีกอย่างหนึ่งที่มองไม่เห็นแต่มีคุณค่ามากกว่าของขวัญที่จับต้องได้ซะอีก คือ การให้ตนเองเป็นของขวัญมีบางช่วงเวลาที่เราเองต้องให้ตนเองเป็นของขวัญแก่คนที่เรารัก
4. การปฏิบัติ หรือ การปรนนิบัติ
หมายถึง การทำบางสิ่งบางอย่างที่คนรักของคุณอยากให้คุณทำเอาใจเขาด้วยการปรนนิบัติการกระทำเช่น ทำงานบ้าน ทำอาหาร ล้างจานล้างห้องน้ำ เอาขยะไปทิ้ง ฯลฯ พระเยซูก็แสดงภาษารักโดยการล้างเท้าสาวก
คำคม “การขอร้องจะช่วยชี้แนะหนทาง แสดงความรัก แต่การเรียกร้องทำให้ความรักหยุดชะงักลง”
ข้อคิด ผ้าเช็ดเท้าเป็นวัตถุที่ไม่มีความรู้สึก ไม่มีจิตใจ คุณเหยียบย่ำมัน เตะมัน หรือทำอะไรก็ได้ มันไม่มีความรู้สึก มันไม่มีความคิด แต่เอามันมาเป็นคู่ครองไม่ได้
5.การสัมผัสทางกาย
การวิจัย เรื่องพัฒนาการเด็กรายงานว่า เด็กที่มีคนมาอุ้ม กอดและสัมผัส กอดจูบ จะมีอารมณ์ดีกว่าเด็กที่ถูกทอดทิ้งโดยไม่มีการแตะต้องตัวนานๆพ่อแม่ที่ฉลาดย่อมเป็นพ่อแม่ที่รู้จักจังหวะที่จะสัมผัสลูกๆอย่างถูกต้อง “การสัมผัสทางกายสามารถสร้างสายสัมพันธ์ แต่ก็สามารถทำลายความสัมพันธ์ได้เช่นกัน”
ความรักเป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะกระทำ “ฉันจะพูดภาษารักให้เขาได้อย่างไร?ในเมื่อเขา ไม่เคยกระทำดีต่อฉัน แค่เห็นหน้าก็พูดไม่ออกแล้ว” มนุษย์เราเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่พระเจ้าประทานนั้น คือ การเลือก เราเลือกที่จะกระทำได้ ความรักลบล้างอดีตไม่ได้ แต่มัน เปลี่ยนแปลงอนาคตได้อำนาจนั้นอยู่ที่เราตัดสินใจ
CR: "คนบนฟ้า"
ป.ล. ขงอดิฉันเป็นอันที่ 5 สุดโต่งเลยค่ะ
ลองสำรวจตัวเองกับสามีดูค่ะ
ภาษารัก 5 ภาษา
1. คำพูดที่ให้กำลังใจ
มาร์ก ทเวนกล่าวว่า “ผมสามารถดำเนินชีวิตต่อไปอีกสองเดือนด้วยคำพูดชมเชยของผู้อื่นเพียงหนึ่งคำ” อำนาจชี้เป็นชี้ตายอยู่ที่ลิ้น (สุภาษิต) จุดมุ่งหมายของความรักใช่ว่าคุณจะต้องได้อะไรมา แต่อยู่ที่ คุณจะทำอะไร เพื่อคนที่คุณรักต่างหาก ความจริง อย่างหนึ่งคือ เมื่อเราได้ฟังคำพูดที่ให้กำลังใจ แล้ว เราก็อดไม่ได้ที่จะไม่ทำอะไรตอบแทนอีกฝ่ายหนึ่ง
1.1 คำพูดที่หนุนน้ำใจ
คำพูดชมเชยเป็นวิธีหนึ่ง ที่ให้กำลังใจแต่คำว่า “หนุนใจ” มีความหมายว่าบันดาล ให้เกิดความกล้าหาญขึ้นมา เราทุกคนย่อม เคยรู้สึกไม่มั่นคง ไม่มั่นใจในบางเรื่อง และต้องการกำลังใจ ในเรื่องนั้นๆ คำพูดหนุนใจเป็นเหมือนกุญแจที่ปลดปล่อยพลังออกมา
หากเราอยากหนุนใจคนรักของเรา เราต้องร่วมในอารมณ์ความรู้สึกเดียวกับเขาและมองโลกตามมุมมองของเขา ก่อนอื่น..เราต้องเรียนรู้ว่า อะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับเขา
1.2 คำพูดที่ปรานี
ความรักกระทำคุณให้ คำพูดที่ออกมาจากจิตใจที่มีความปรานี จะมีน้ำเสียงที่อ่อนโยนและสื่อถึงจิตใจที่มีต่อผู้ที่เราพูดด้วย แต่ถ้าพูดด้วย การเย้ยหยัน จะทำให้ความหมายเปลี่ยนทันที “คำตอบอ่อนหวานช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไปแต่คำกักขฬะเร้าโทสะ..” (สุภาษิต 15:1) ความรักไม่จดจำความผิด
1.3 คำพูดที่ถ่อมใจ
ความรักทำให้เรามีคำพูดที่ขอร้องและแสดงออกถึงการยินยอม ไม่ใช่คำสั่ง หากคุณเรียกร้องให้ทำตามในลักษณะออกคำสั่ง คุณก็ไม่ได้รักแต่เป็นจอมเผด็จการต่างหากคนรักของคุณจะไม่ได้รับกำลังใจ
ลึกลงไปในใจมนุษย์สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือความรู้สึกว่า คนอื่นมองเห็นคุณค่าของเราควรชมเชย เขาต่อหน้าคนอื่นๆและแม้เขาจะไม่อยู่ก็ยังควรชมเชย
2. การใช้เวลาที่มีคุณค่า
เวลาที่มีคุณค่า หมายถึง การทุ่มเทความสนใจทั้งหมดของคุณไปที่อีกคนหนึ่ง แก่นแท้ ของการใช้เวลาที่มีคุณค่าคือการอยู่ด้วยกัน คือ การทุ่มเทความสนใจทั้งหมด ไปที่กันและกันเพียงสองคน
สรรหากิจกรรมที่มีคุณค่า หมายถึง กิจกรรมใดๆก็ได้ที่ทั้งคู่หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดชื่นชอบ หรือเคยมีประสบการณ์ร่วมกันที่ดีในกิจกรรมนั้นๆ อาจเป็นการไปไหนต่อไหนด้วยกันหรือทำอะไรร่วมกัน เช่นการเล่นกีฬา แต่ต้องไม่ลืมว่าคนสำคัญกว่ากิจกรรมที่ทำร่วมกัน
ผลพลอยได้ของกิจกรรม คือ ความสัมพันธ์ ที่มีต่อกันในครอบครัวการจดจ่อคือ เน้นที่ความสัมพันธ์
3. การให้ของขวัญ
ของขวัญเป็น ภาษารักที่จับต้องได้ ของขวัญไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แต่จำเป็นที่ต้องมีคุณค่าทางใจต่อผู้ที่เราจะให้ เครื่องหมายของความรักที่มองเห็นได้ชัดจำเป็นมากสำหรับบางคน นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมบางคนไม่เคยถอดแหวน แต่งงานออกจากนิ้วเลย
มีของขวัญอีกอย่างหนึ่งที่มองไม่เห็นแต่มีคุณค่ามากกว่าของขวัญที่จับต้องได้ซะอีก คือ การให้ตนเองเป็นของขวัญมีบางช่วงเวลาที่เราเองต้องให้ตนเองเป็นของขวัญแก่คนที่เรารัก
4. การปฏิบัติ หรือ การปรนนิบัติ
หมายถึง การทำบางสิ่งบางอย่างที่คนรักของคุณอยากให้คุณทำเอาใจเขาด้วยการปรนนิบัติการกระทำเช่น ทำงานบ้าน ทำอาหาร ล้างจานล้างห้องน้ำ เอาขยะไปทิ้ง ฯลฯ พระเยซูก็แสดงภาษารักโดยการล้างเท้าสาวก
คำคม “การขอร้องจะช่วยชี้แนะหนทาง แสดงความรัก แต่การเรียกร้องทำให้ความรักหยุดชะงักลง”
ข้อคิด ผ้าเช็ดเท้าเป็นวัตถุที่ไม่มีความรู้สึก ไม่มีจิตใจ คุณเหยียบย่ำมัน เตะมัน หรือทำอะไรก็ได้ มันไม่มีความรู้สึก มันไม่มีความคิด แต่เอามันมาเป็นคู่ครองไม่ได้
5.การสัมผัสทางกาย
การวิจัย เรื่องพัฒนาการเด็กรายงานว่า เด็กที่มีคนมาอุ้ม กอดและสัมผัส กอดจูบ จะมีอารมณ์ดีกว่าเด็กที่ถูกทอดทิ้งโดยไม่มีการแตะต้องตัวนานๆพ่อแม่ที่ฉลาดย่อมเป็นพ่อแม่ที่รู้จักจังหวะที่จะสัมผัสลูกๆอย่างถูกต้อง “การสัมผัสทางกายสามารถสร้างสายสัมพันธ์ แต่ก็สามารถทำลายความสัมพันธ์ได้เช่นกัน”
ความรักเป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะกระทำ “ฉันจะพูดภาษารักให้เขาได้อย่างไร?ในเมื่อเขา ไม่เคยกระทำดีต่อฉัน แค่เห็นหน้าก็พูดไม่ออกแล้ว” มนุษย์เราเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่พระเจ้าประทานนั้น คือ การเลือก เราเลือกที่จะกระทำได้ ความรักลบล้างอดีตไม่ได้ แต่มัน เปลี่ยนแปลงอนาคตได้อำนาจนั้นอยู่ที่เราตัดสินใจ
CR: "คนบนฟ้า"
ป.ล. ขงอดิฉันเป็นอันที่ 5 สุดโต่งเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 40
สมองของมนุษย์มีส่วนที่ใช้เหตุผลและส่วนของอารมณ์...ผู้ชายส่วนใหญ่จะให้เหตุผลมากกว่า การแสดงออกหรือสนองตอบอารมณ์ถึงมีน้อย
ผู้ชายชอบอะไรที่ชัดเจน ตรงๆ แต่ผู้หญิงชอบทำอะไรอ้อมๆ ต้องตีความ หลายหลายครั้งผู้ชายก็จับอาการไม่ได้ หรือจับได้ก็ตีความผิด
สามีคุณอาจจะเคยพยายามทำอะไรให้คุณหลายอย่าง แต่คุณไม่เห็นมัน เช่น สามีคุณอาจจะรู้ว่าคุณชอบกินเค้ก ก็ซื้อมาให้ แต่บังเอิญว่าคุณอาจจะอยู่ในช่วงควบคุมอาหาร(แต่สมีไม่รู้) หรือคุณอาจจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากกินเค้ก หรือคุณอาจจะไม่ชอบกินเค้กแล้ว...คุณก็ไม่ใส่ใจกับเค้กที่สามีซื้อมาให้ ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกดีใจ พึงพอใจ สามีคุณจะรู้สึกเสียใจแน่นอน แต่เขาจะไม่พูด ไม่แสดงออกหรอก พอหลายๆครั้ง สมองส่วนเหตุผลของผู้ชายก็จะเข้ามาจัดการ เขาจะเมินเฉยต่ออารมณ์ของคุณ เขาจะไม่ทำเซอร์ไพรซ์คุณ แต่เขาจะตอบสนองต่อเรื่องที่มีการพูดคุยตกลงกัน เพราะเขามั่นใจว่าสิ่งนั้นถูกต้องตรงใจคุณแน่นอน
อย่างเรื่องที่เขาพาครอบครัวไปเที่ยวเป็นประจำวัน ผมเข้าใจว่าคงผ่านการพูดคุยกันก่อนแล้วจะไปที่ไหน สามีคุณจึงมั่นใจว่าคุณจะพึงพอใจในแต่ล่ะทริป
ท้ายสุดคงต้องพูดในฐานะผู้ชายว่า มากไปไหม เข้าใจกันบ้างหรือเปล่า มันสาหัสเอาเรื่องน่ะที่จะต้องมานั่งคิดหาวิธี"เซอร์ไพร์"คุณภรรยา หลายครั้งเรื่องเครียดที่ทำงานยังไม่เครียดเท่าเลยครับ...
ผู้ชายชอบอะไรที่ชัดเจน ตรงๆ แต่ผู้หญิงชอบทำอะไรอ้อมๆ ต้องตีความ หลายหลายครั้งผู้ชายก็จับอาการไม่ได้ หรือจับได้ก็ตีความผิด
สามีคุณอาจจะเคยพยายามทำอะไรให้คุณหลายอย่าง แต่คุณไม่เห็นมัน เช่น สามีคุณอาจจะรู้ว่าคุณชอบกินเค้ก ก็ซื้อมาให้ แต่บังเอิญว่าคุณอาจจะอยู่ในช่วงควบคุมอาหาร(แต่สมีไม่รู้) หรือคุณอาจจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากกินเค้ก หรือคุณอาจจะไม่ชอบกินเค้กแล้ว...คุณก็ไม่ใส่ใจกับเค้กที่สามีซื้อมาให้ ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกดีใจ พึงพอใจ สามีคุณจะรู้สึกเสียใจแน่นอน แต่เขาจะไม่พูด ไม่แสดงออกหรอก พอหลายๆครั้ง สมองส่วนเหตุผลของผู้ชายก็จะเข้ามาจัดการ เขาจะเมินเฉยต่ออารมณ์ของคุณ เขาจะไม่ทำเซอร์ไพรซ์คุณ แต่เขาจะตอบสนองต่อเรื่องที่มีการพูดคุยตกลงกัน เพราะเขามั่นใจว่าสิ่งนั้นถูกต้องตรงใจคุณแน่นอน
อย่างเรื่องที่เขาพาครอบครัวไปเที่ยวเป็นประจำวัน ผมเข้าใจว่าคงผ่านการพูดคุยกันก่อนแล้วจะไปที่ไหน สามีคุณจึงมั่นใจว่าคุณจะพึงพอใจในแต่ล่ะทริป
ท้ายสุดคงต้องพูดในฐานะผู้ชายว่า มากไปไหม เข้าใจกันบ้างหรือเปล่า มันสาหัสเอาเรื่องน่ะที่จะต้องมานั่งคิดหาวิธี"เซอร์ไพร์"คุณภรรยา หลายครั้งเรื่องเครียดที่ทำงานยังไม่เครียดเท่าเลยครับ...
แสดงความคิดเห็น
กระทู้บ่น มนุษย์ผัว รู้จักบ้างมั้ย เซอร์ไพร โรแมนติก ...หรือหลายๆอารมณ์ที่ผู้หญิงต้องการ
อยู่กะสามีมา มีลูกด้วยกัน 2 คน
ความรักก็รักกันเสมอต้นเสมอปลายกันดี
ไม่มีลดหย่อนห้อยยานไปตามกาลเวลา
แต่... สิ่งที่มันยังติดขัดอยู่ในใจคือ
1.--ไม่ว่าจะวันปีใหม่ วันเกิด ครบรอบเเต่งงาน หรือวันใดๆก็เเล้วเเต่
มนุษย์ผัวของชั้นไม่เคยมีของขวัญหรือเค้กหรืออะไรมาให้เลย
คืออยากได้อะไรไปซื้อเอาเลย ใช้เงินได้ไม่ว่ากัน
อบากจะบอกว่า...อันนี้มันของซื้อค่ะ ไม่ใช่ของขวัญ
เรื่องเซอร์ไพร หรือเป็นอะไรที่ทำให้ประทับใจในวันที่เราให้ความสำคัญ
ลืมไปได้เลยค่ะ ไม่มี เเค่คิดก็รู้เเล้ว ว่าต้องผิดหวัง เฟลตัวเองที่ตั้งความหวัง ว่าเค้าจะให้ความสำคัญ
มนุษย์ผัวของชั้น นิ่งเฉยมากค่ะ หลายๆครั้งน้อยใจมากกก เวลาเห็นคนที่เค้าสวีทกัน
ทำไมคู่เรา มันนิ่งมากขนาดนี้ อยากได้รับการเซอร์ไพร เเบบที่คนอื่นๆเค้าได้บ้างเหมือนกันนะ
ฮื่อๆๆ😢😢😢😢น้อยใจ น้อยใจ
...2) การเเสดงอารมณ์โรเเมนติก อย่าหวัง ว่าจะมี
เเค่ทุกวันนี้ มีออกไปกินข้าว เดินเล่นด้วยกัน นี่ก็โลกสวยดูดีที่สุดเท่าที่มนุษย์ผัวของชั้นจะทำได้เเล้ว
ไม่เคยมีซักครั้ง การเเสดงออกแบบโรเเมนติก สวีทหวาน
ถึงเเม้จะออกเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันบ่อยๆก็ตาม ก็ไม่เคยเเสดงความโรแมนติกเลยซักครั้ง
บางครั้ง ออกจะดูนิ่งเฉย หรือแสดงออกเหมือนเพื่อนมากกว่าคู่รักด้วยซ้ำ
...อยากให้รู้นะยะ ผู้หญิงทุกคนอยากให้สามี แสดงออกถึงความรัก สวีทหวาน เซอร์ไพร โรเเมนติก
แต่ก็รู้สึกขอบคุณมนุษย์ผัวของชั้นมาก ที่ไม่เคยนอกลู่นอกทาง ถึงแม้ชั้นจะมีระเเวงบ้าง ก็ยังให้ความมั่นใจ
ว่า รักเมีย รักเมีย แต่ชั้นอยากจะให้คุณเธอ ช่วยปรับตัวให้มันมีชีวิตชีวากว่านี้หน่อย สงสารมนุษย์เมียลูก 2 อย่างชั้นมั่ง
หลายๆครั้ง คุณรู้อยู่เเก่ใจ ว่าชั้นต้องการอะไร แต่คุณเลือกที่จะนิ่งเฉย มากกว่าทำอะไรให้ชั้นรู้สึกดีและประทับใจ