ความเดิมตอนที่แล้ว ... คลิ๊กที่นี่
http://ppantip.com/topic/32732617
กระทู้ของน้องโตโต้
http://ppantip.com/topic/32747179
....
หลังจากเดินทางในความมืด ฝ่าพายุหิมะกันมาหลายชั่วโมง ...
เราก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆที่เป็นศูนย์กลางของอุทยานแห่งชาติ Altyn Emel
ซึ่งพรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางเข้าไปบุกตะลุยกัน
แต่ตอนนี้สังขารไม่น่าจะตะลุยอะไรไหว แค่ตะเกียกตะกายลงจากรถยังรู้สึกแย่
… ที่พักของเราคืนนี้ค่อนข้างดี เป็นบ้านหลังใหญ่มีหลายห้องนอน หลายห้องน้ำ และเครื่องทำน้ำอุ่น ...
มีเครื่องน้ำอุ่น อย่างนี้ก็อาบน้ำไป ต้มมาม่าใส่ลงไปด้วยก็ได้สิ ... ว้าว
พวกเรานอนกันบนชั้น 2 ของบ้าน พี่หาวพักอยู่ห้องเดียวกับน้องโตโต้
บุรุษผู้มิได้บรรจุคำว่า "เหน็ดเหนื่อย" ไว้ในพจณานุกรรมส่วนตัว
หิว ... กิน
ห้องอาหาร และครัวของที่นี่กว้างขวางใหญ่โตมาก
สามารถรับรองคนได้เป็นร้อย แต่ว่าวันที่มามีแค่เพียงกลุ่มของเรา 9 คนเท่านั้น
(รวมน้อง Dina และ 2 เชอเก้ พลขับ)
ขนมปัง กับสลัดผักสด ถูกเสิร์ฟมาก่อนเป็นอย่างแรก ...
ตามด้วยจานหลักเป็นเหมือนทอเทลลินี ต้มมาในน้ำซุป
อาหารของชาวคาซัค จะออกแนวๆทางมองโกล ธิเบต และพวกจีนจืดๆ ประมาณนั้น
เครื่องเทศจะไม่เยอะแยะอะไรมากมาย
ส่วนใหญ่เป็นแป้งและเนื้อสัตว์พวก แกะ แพะ วัว ...
หรือถ้าโอกาสพิเศษก็จะมีม้าเสิร์ฟมาด้วย
… พี่หาว กับเพื่อนๆรวมๆแล้วไม่มีปัญหาอะไรกับอาหารของที่นี่
กินแต่ละที แต่ละมื้อ ก็ไม่มีใครเหนียมอาย หรือรู้สึกเกรงใจเจ้าภาพ
แต่เวลาทานอาหารแต่ละมื้อของที่นี่จะค่อนข้างนานนะครับ กินกันที ชั่วโมงกว่า บางทีก็ สองชั่วโมง
มาเที่ยวนี้เสียเวลาไปกับการกินเยอะพอสมควร
….
ประเทศคาซัคสถาน เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่โตมหฬาร กว่าลานน้ำพุหน้าสยามพารากอนมาก
พื้นที่ใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 5 เท่ากว่าๆ
แต่ว่ามีประชากรน้อยกว่าเราประมาณหนึ่งในสี่ ...
ลองคิดดูแล้วกันครับ ว่าคนที่เขาจะรู้สึกเหงากันแค่ไหน ...
ขนาดของเราอยู่กันอัดๆ ยังเห็นมีคนบ่นเหงากันเรื่อยๆ
อุทยาน Altyn Emel ที่เรามาสำรวจ จึงมีขนาดที่ไม่ธรรมดา 4,600 ตร.กม.
กะว่าเดินชิวๆ กว่าจะครบก็คงราวๆทษวรรษหน้า
… อุทยานแห่งนี้ถ้าเทียบตำแหน่งง่ายๆ ก็จะอยู่คล้ายๆกับจังหวัด มุกดาหาร อำนาจเจริญ อะไรทางนั้น
ประมาณทิศตะวันออกเฉียงล่างนิดๆ
เมื่อคืนได้นอนหลับค่อนข้างเต็มที่
แม้ว่าจะได้ยินเสียงโตโต้ละเมอพูดเหมือนพิธีกรรายการทีวี สลับเสียงกรนเป็นระยะๆ
อันนี้พี่หาวก็เพิ่งเคยเห็นนะครับ ว่าคนเราละเมอพูดเป็นเหมือนพิธีกรได้ ...
อาจเป็นเพราะน้องโต้โต้ เขาเป็นพิธีกรโดยอาชีพ
ก็เลยติดมาคิดมาฝันตอนนอนด้วย นี่ถ้าโตโต้เป็นดาราเอวี พี่หาวคงจะได้ยินเสียงอีกแบบ
เช้านี้บรรยากาศยังอึมครึม เมฆค่อนข้างเยอะ ...
ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ค่อยจะเหมาะกับการเดินทางไปชมบรรยากาศแบบทะเลทรายในอุทยานซักเท่าไหร่
ยิ่งถ้าคนถ่ายภาพที่ชอบฟ้าใสๆ เด้งๆ อันนี้คงจะเซ็งน่าดู
แต่พี่หาวไม่มีปัญหา ... มาถึงนี่แล้ว บรรยากาศแบบไหนถ่ายได้หมด
แม่กิ๊กภรรยาพี่หาวฝึกมาดี ... อารมณ์มาคุยิ่งกว่านี้พี่หาวก็เจอมาแล้ว
Singing Sand Dune คือจุดหมายแรกที่เรามาถึง
ซึ่งกว่าจะมาถึงก็ต้องยอมรับว่าพี่หาวสุดจะทรมาณระหว่างที่นั่งมาในรถ
เพราะถนนที่ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นถนน คือทางที่พาเรามาถึงที่นี่ ฝุ่น ทราย โคลน หิน หญ้า ... เราลุยผ่านมาหมด
คนขับรถทั้งสองคันก็ดูเหมือนจะเมามันส์กับการขับมาก
สาดเป็นสาด Drift เป็น Drift ... คือจริงๆถ้า Dina บอกก่อนว่าให้เตรียมใจ
ว่าพวกเราจะไปกันแบบแรลลี่ ก็คงจะไม่มีปัญหา
แต่ว่าพี่หาวงงๆ ไง... ว่าตกลงมันจะเป็นทางไม่ดีแป๊ปๆแล้วเลิกรึเปล่า ... แล้วมันจะเลิกตอนไหน
สรุปว่ามันไม่เลิกครับ จัดหนัก ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
… หลังมื้อกลางวัน พี่หาวก็เลยต้องให้อาหารกิ้งก่าในทะเลทราย
เดินอาเจียนตรงนั้น ตรงนี้ กินพื้นที่กว้างประมาณ 0.5 ตร.กม.
… สำหรับ Sand Dune ที่นี่พี่หาวเฉยๆนะ ...
เพราะว่าไปทะเลทรายมาหลายที่ ... จุดนี้ถือว่าเล็กมาก
ถ้าเทียบกับซาฮาร่า อันนั้นเป็นย่าทวด ...
แต่บรรยากาศโดยรอบถือว่าสวยและแปลกดี "หนาวๆ แต่ว่ามีทะเลทราย"
Dina พาน้องๆ เดินขึ้นไปจนถึงยอด .. ส่วนพี่หาวแอบตอดถ่ายต้นไม้ใบหญ้า แถวๆที่รถจอด
รอเขาขึ้นไปถึงยอด แล้วค่อยถ่ายรูปจากข้างล่างขึ้นไป
เสร็จากที่นี่เราเดินทางกันต่อ ทางช่วงแรกว่าโหดแล้ว ช่วงนี้ยิ่งโหดกว่า ...
เอาหละ ตามแต่จะพาไปเถอะ อารมณ์ตอนนั้น
ประมาณว่าสละซึ่งทุกสิ่งแล้ว ยกเว้นยาดมที่น้องอ๊อกหยิบยื่นให้
…
บรรยากาศทะเลทรายที่นี่เวิ้งว้างนะ มีแต่พวกนกอินทรีย์ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของประเทศนี้บินไปบินมา
หรือไม่ก็เกาะกลุ่มรวมกันจั่วรัมมี่กันบนพื้นเป็นฝูงใหญ่
ไกลออกไปก็มีกาเซล สัตว์พวกเก้งกวาง กระโดดกระเด้ง เหยงๆ ผ่านหน้าเราไปไวๆ
อาหารกลางวันของเราก็อย่างที่เห็นหละครับ เป็นข้าวกล่อง ... มีเนื้อปั้นก้อนๆ 2 ลูก
และมีผักแจมๆมาพอเป็นพิธี ... เห็นอย่างนี้อร่อยใช้ได้เลยนะ
แม้ว่ามันจะเย็นๆชืดๆเพราะอากาศรอบๆตอนนี้เรียกว่าหนาวจัด และลมแรงมาก
ทานเสร็จเราเดินถ่ายรูปกันนิดหน่อย แล้วก็เดินทางกันต่อ ..
ไปยังจุดชมวิวอีกแห่งที่มีชื่อเสียงของที่นี่
อันนี้แหละครับที่มีชื่อเสียง มันเป็นกองหินรูปทรงแปลกๆ ครับ ...
แต่นั่งรถมาตั้งไกลเพื่อจะมาดูอะไรแค่นี้เนี่ยนะ !
ตอนแรกพี่หาวก็ประมาณนั้นแหละ แต่พอกลับมาถึงที่พักแล้ว
พี่หาวว่า High Light มันไม่ได้อยู่ที่จุดชมวิวอะไรนั่นหรอก
มันอยู่ที่การเดินทางอันแสนสาหัส ... ได้รู้ว่าชับรถวิ่งกันป่าราบมันเป็นอย่างไร
ทิวทัศน์เวิ้งว้างสองข้างทาง กับเพื่อนร่วมทางที่มีน้ำใจหยิบยื่นยาดมให้ยามที่เรารู้สึกท้อ และป้อแป้
... มันเป็นความทรงจำที่จะอยู่กับเราตลอดไป ถ้าไม่เป็นอัลไซน์เมอร์ไปซะก่อน
^ น้อง อ๊อก เทพธิดา ยาดม ที่ช่วยชีวิตพี่หาว
อันนี้ออกไปลุยๆวันแรก ยังมีอีกหลายวัน ชีวิตของชายจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในตอนต่อไป
ขอขอบคุณ สิงห์ คอเปอเรชั่นมากๆ ที่สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้
ถ้ามีครั้งหน้าพี่หาวขอสนับสนุนให้พี่หาวไปหาดริเวียร่า หรือว่านั่งบนเรือสำราญบ้างก็จะดีครับ
[SR] K-A-Z-A-K-H-2 [Altyn-Emel National Park]
ความเดิมตอนที่แล้ว ... คลิ๊กที่นี่ http://ppantip.com/topic/32732617
กระทู้ของน้องโตโต้ http://ppantip.com/topic/32747179
....
หลังจากเดินทางในความมืด ฝ่าพายุหิมะกันมาหลายชั่วโมง ...
เราก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆที่เป็นศูนย์กลางของอุทยานแห่งชาติ Altyn Emel
ซึ่งพรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางเข้าไปบุกตะลุยกัน
แต่ตอนนี้สังขารไม่น่าจะตะลุยอะไรไหว แค่ตะเกียกตะกายลงจากรถยังรู้สึกแย่
… ที่พักของเราคืนนี้ค่อนข้างดี เป็นบ้านหลังใหญ่มีหลายห้องนอน หลายห้องน้ำ และเครื่องทำน้ำอุ่น ...
มีเครื่องน้ำอุ่น อย่างนี้ก็อาบน้ำไป ต้มมาม่าใส่ลงไปด้วยก็ได้สิ ... ว้าว
พวกเรานอนกันบนชั้น 2 ของบ้าน พี่หาวพักอยู่ห้องเดียวกับน้องโตโต้
บุรุษผู้มิได้บรรจุคำว่า "เหน็ดเหนื่อย" ไว้ในพจณานุกรรมส่วนตัว
หิว ... กิน
ห้องอาหาร และครัวของที่นี่กว้างขวางใหญ่โตมาก
สามารถรับรองคนได้เป็นร้อย แต่ว่าวันที่มามีแค่เพียงกลุ่มของเรา 9 คนเท่านั้น
(รวมน้อง Dina และ 2 เชอเก้ พลขับ)
ขนมปัง กับสลัดผักสด ถูกเสิร์ฟมาก่อนเป็นอย่างแรก ...
ตามด้วยจานหลักเป็นเหมือนทอเทลลินี ต้มมาในน้ำซุป
อาหารของชาวคาซัค จะออกแนวๆทางมองโกล ธิเบต และพวกจีนจืดๆ ประมาณนั้น
เครื่องเทศจะไม่เยอะแยะอะไรมากมาย
ส่วนใหญ่เป็นแป้งและเนื้อสัตว์พวก แกะ แพะ วัว ...
หรือถ้าโอกาสพิเศษก็จะมีม้าเสิร์ฟมาด้วย
… พี่หาว กับเพื่อนๆรวมๆแล้วไม่มีปัญหาอะไรกับอาหารของที่นี่
กินแต่ละที แต่ละมื้อ ก็ไม่มีใครเหนียมอาย หรือรู้สึกเกรงใจเจ้าภาพ
แต่เวลาทานอาหารแต่ละมื้อของที่นี่จะค่อนข้างนานนะครับ กินกันที ชั่วโมงกว่า บางทีก็ สองชั่วโมง
มาเที่ยวนี้เสียเวลาไปกับการกินเยอะพอสมควร
….
ประเทศคาซัคสถาน เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่โตมหฬาร กว่าลานน้ำพุหน้าสยามพารากอนมาก
พื้นที่ใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 5 เท่ากว่าๆ
แต่ว่ามีประชากรน้อยกว่าเราประมาณหนึ่งในสี่ ...
ลองคิดดูแล้วกันครับ ว่าคนที่เขาจะรู้สึกเหงากันแค่ไหน ...
ขนาดของเราอยู่กันอัดๆ ยังเห็นมีคนบ่นเหงากันเรื่อยๆ
อุทยาน Altyn Emel ที่เรามาสำรวจ จึงมีขนาดที่ไม่ธรรมดา 4,600 ตร.กม.
กะว่าเดินชิวๆ กว่าจะครบก็คงราวๆทษวรรษหน้า
… อุทยานแห่งนี้ถ้าเทียบตำแหน่งง่ายๆ ก็จะอยู่คล้ายๆกับจังหวัด มุกดาหาร อำนาจเจริญ อะไรทางนั้น
ประมาณทิศตะวันออกเฉียงล่างนิดๆ
เมื่อคืนได้นอนหลับค่อนข้างเต็มที่
แม้ว่าจะได้ยินเสียงโตโต้ละเมอพูดเหมือนพิธีกรรายการทีวี สลับเสียงกรนเป็นระยะๆ
อันนี้พี่หาวก็เพิ่งเคยเห็นนะครับ ว่าคนเราละเมอพูดเป็นเหมือนพิธีกรได้ ...
อาจเป็นเพราะน้องโต้โต้ เขาเป็นพิธีกรโดยอาชีพ
ก็เลยติดมาคิดมาฝันตอนนอนด้วย นี่ถ้าโตโต้เป็นดาราเอวี พี่หาวคงจะได้ยินเสียงอีกแบบ
เช้านี้บรรยากาศยังอึมครึม เมฆค่อนข้างเยอะ ...
ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ค่อยจะเหมาะกับการเดินทางไปชมบรรยากาศแบบทะเลทรายในอุทยานซักเท่าไหร่
ยิ่งถ้าคนถ่ายภาพที่ชอบฟ้าใสๆ เด้งๆ อันนี้คงจะเซ็งน่าดู
แต่พี่หาวไม่มีปัญหา ... มาถึงนี่แล้ว บรรยากาศแบบไหนถ่ายได้หมด
แม่กิ๊กภรรยาพี่หาวฝึกมาดี ... อารมณ์มาคุยิ่งกว่านี้พี่หาวก็เจอมาแล้ว
Singing Sand Dune คือจุดหมายแรกที่เรามาถึง
ซึ่งกว่าจะมาถึงก็ต้องยอมรับว่าพี่หาวสุดจะทรมาณระหว่างที่นั่งมาในรถ
เพราะถนนที่ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นถนน คือทางที่พาเรามาถึงที่นี่ ฝุ่น ทราย โคลน หิน หญ้า ... เราลุยผ่านมาหมด
คนขับรถทั้งสองคันก็ดูเหมือนจะเมามันส์กับการขับมาก
สาดเป็นสาด Drift เป็น Drift ... คือจริงๆถ้า Dina บอกก่อนว่าให้เตรียมใจ
ว่าพวกเราจะไปกันแบบแรลลี่ ก็คงจะไม่มีปัญหา
แต่ว่าพี่หาวงงๆ ไง... ว่าตกลงมันจะเป็นทางไม่ดีแป๊ปๆแล้วเลิกรึเปล่า ... แล้วมันจะเลิกตอนไหน
สรุปว่ามันไม่เลิกครับ จัดหนัก ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
… หลังมื้อกลางวัน พี่หาวก็เลยต้องให้อาหารกิ้งก่าในทะเลทราย
เดินอาเจียนตรงนั้น ตรงนี้ กินพื้นที่กว้างประมาณ 0.5 ตร.กม.
… สำหรับ Sand Dune ที่นี่พี่หาวเฉยๆนะ ...
เพราะว่าไปทะเลทรายมาหลายที่ ... จุดนี้ถือว่าเล็กมาก
ถ้าเทียบกับซาฮาร่า อันนั้นเป็นย่าทวด ...
แต่บรรยากาศโดยรอบถือว่าสวยและแปลกดี "หนาวๆ แต่ว่ามีทะเลทราย"
Dina พาน้องๆ เดินขึ้นไปจนถึงยอด .. ส่วนพี่หาวแอบตอดถ่ายต้นไม้ใบหญ้า แถวๆที่รถจอด
รอเขาขึ้นไปถึงยอด แล้วค่อยถ่ายรูปจากข้างล่างขึ้นไป
เสร็จากที่นี่เราเดินทางกันต่อ ทางช่วงแรกว่าโหดแล้ว ช่วงนี้ยิ่งโหดกว่า ...
เอาหละ ตามแต่จะพาไปเถอะ อารมณ์ตอนนั้น
ประมาณว่าสละซึ่งทุกสิ่งแล้ว ยกเว้นยาดมที่น้องอ๊อกหยิบยื่นให้
…
บรรยากาศทะเลทรายที่นี่เวิ้งว้างนะ มีแต่พวกนกอินทรีย์ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของประเทศนี้บินไปบินมา
หรือไม่ก็เกาะกลุ่มรวมกันจั่วรัมมี่กันบนพื้นเป็นฝูงใหญ่
ไกลออกไปก็มีกาเซล สัตว์พวกเก้งกวาง กระโดดกระเด้ง เหยงๆ ผ่านหน้าเราไปไวๆ
อาหารกลางวันของเราก็อย่างที่เห็นหละครับ เป็นข้าวกล่อง ... มีเนื้อปั้นก้อนๆ 2 ลูก
และมีผักแจมๆมาพอเป็นพิธี ... เห็นอย่างนี้อร่อยใช้ได้เลยนะ
แม้ว่ามันจะเย็นๆชืดๆเพราะอากาศรอบๆตอนนี้เรียกว่าหนาวจัด และลมแรงมาก
ทานเสร็จเราเดินถ่ายรูปกันนิดหน่อย แล้วก็เดินทางกันต่อ ..
ไปยังจุดชมวิวอีกแห่งที่มีชื่อเสียงของที่นี่
อันนี้แหละครับที่มีชื่อเสียง มันเป็นกองหินรูปทรงแปลกๆ ครับ ...
แต่นั่งรถมาตั้งไกลเพื่อจะมาดูอะไรแค่นี้เนี่ยนะ !
ตอนแรกพี่หาวก็ประมาณนั้นแหละ แต่พอกลับมาถึงที่พักแล้ว
พี่หาวว่า High Light มันไม่ได้อยู่ที่จุดชมวิวอะไรนั่นหรอก
มันอยู่ที่การเดินทางอันแสนสาหัส ... ได้รู้ว่าชับรถวิ่งกันป่าราบมันเป็นอย่างไร
ทิวทัศน์เวิ้งว้างสองข้างทาง กับเพื่อนร่วมทางที่มีน้ำใจหยิบยื่นยาดมให้ยามที่เรารู้สึกท้อ และป้อแป้
... มันเป็นความทรงจำที่จะอยู่กับเราตลอดไป ถ้าไม่เป็นอัลไซน์เมอร์ไปซะก่อน
^ น้อง อ๊อก เทพธิดา ยาดม ที่ช่วยชีวิตพี่หาว
อันนี้ออกไปลุยๆวันแรก ยังมีอีกหลายวัน ชีวิตของชายจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในตอนต่อไป
ขอขอบคุณ สิงห์ คอเปอเรชั่นมากๆ ที่สนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้
ถ้ามีครั้งหน้าพี่หาวขอสนับสนุนให้พี่หาวไปหาดริเวียร่า หรือว่านั่งบนเรือสำราญบ้างก็จะดีครับ