เป็นสมาชิกมาตั้งแต่ปี 2009 ไม่เคยเขียนรีวิวอะไรกะเขาสักที
รีวิวแรก ขอเป็นทริปที่ "ประทับใจ" ไม่ใช่เพราะสวย หรู สบาย หรอกนะที่ประทับใจ แต่เพราะมันโหด มันส์ ฮา ตะหาก
ทริปนี้เริ่มต้นเพราะโปร 1 peso, 0 fuel surcharge ของการสายการบิน Cebu Pacificair แท้ๆ
กล่าวคือมีโปรจ่ายแค่ภาษีสนามบิน (airport tax) และค่าธรรมเนียมดำเนินการออกตั๋วนิดหน่อย (admin fee) ทำให้จองตั๋วได้ราคาแสนถูก แม้จะต้องบินอ้อมกรุงเทพฯ ไปมะนิลา แล้วค่อยต่อเครื่องไปปักกิ่งอีกทีก็ตาม
ได้มาแระ ขากลับมะนิลา-กรุงเทพฯ ประมาณ 180 บาท (รวมค่าเลือกที่นั่งแล้ว) ส่วนขาไป จองโปรนี้ไม่ทัน ได้โปรถัดมา จ่ายไป 1500 บาท
ตั๋วมะนิลา-ปักกิ่ง ไปกลับ ได้ราคาโปร รวมเลือกที่นั่งแล้ว
ทริปเราเริ่ม 17-23 ตุลาคม 2556 (ปีที่แล้ว) แต่เนื่องจากบ้านอยู่ชุมพร จึงต้องจองโปรจากสุราษฯ ไปกรุงเทพฯ อีก ได้ตั๋วศูนย์บาทอีกตามเคย แต่เสียค่าอาหาร ค่ากระเป๋า ไปหลายตังค์
ค่าเสียหายตั๋วสุราษ-กรุงเทพฯ 15-24 ตุลาคม 56 แวะค้างกรุงเทพฯ ทั้งไปและกลับ
เนื่องจากเป็นทริปที่วางแผนล่วงหน้านานมาก (เกือบปีมั้ง) ก็เลยมีโปรโรงแรม โปรตั๋วเครื่องบิน มาเติมเต็มทริปอยู่เรื่อยๆ
รอบนี้ได้โรงแรม All Season Huamark ตรงเดอะมอลล์ รามคำแหง ในราคา 350 บาทต่อคืน รวมอาหารเช้าแล้ว จองผ่านอะโกด้า
รู้สึกว่าตอนนั้นราคาหลุดจาก Accor ผมไปกรุงเทพฯก็นอนที่นี่อยู่หลายเดือน จนพนักงานจำหน้าได้ และผ่านไปไม่นาน โรงแรมนี้ก็ออกจากเครือ Accor และเปลี่ยนชื่อเป็น The Season Huamark ไปเลย
เกริ่นอยู่นาน ออกเดินทางกันเลย
เที่ยวบิน 5J 932 ออกเดินทางจาก Suvarnabhumi International Airport วันเวลา Thu 17 Oct 2013, 0035H
ต้องเตือนตัวเองอยู่หลายครั้ง ว่ามารอขึ้นเครื่องคืนวันที่ 16 นะ เวลาบินมันดันออกดึก เลยเที่ยงคืนไปแค่ 35 นาที เคยมีคนเข้าใจผิด ไปรอขึ้นเครื่องหลังวันเดินทาง 1 วันด้วยหละ
ถึงสุวรรณภูมิ ก็ไปใช้บริการเลาจ์ คิงพาวเวอร์ตามธรรมเนียม แม้เลาจ์กะเกทขึ้นเครื่องจะอยู่คนละซีกโลกก็ตาม
เนื่องจากดึกมากเลยไม่มีรูปบนเครื่อง Cebu Pacificair เที่ยวนี้
ด้วยความบ้าโปร เลยจองเที่ยวบินจากมะนิลาไปโบราไคไว้ด้วย กะว่าไปนอนเล่นที่เกาะครึ่งวัน ตอนเย็นบินกลับมามะนิลา แล้วค่อยต่อเที่ยวบินไปปักกิ่งตอนค่ำ และแล้ว ความตื่นเต้นก็เริ่มต้นตั้งแต่ถึงสนามบินมะนิลาเลยทีเดียว...
เคยใช้บริการเที่ยวบินนี้บ่อย ปกติจะไปถึงมะนิลาไม่เกินตีห้า แต่วันนี้เครื่องดันเสียเวลา กว่าจะแลนดิ้งที่มะนิลาก็ตีห้าครึ่งแระ ยังไงก็ไม่ทันต่อเครื่องไปโบราไคตอน 06.30 แน่นอน
ยิ่งรีบ แถวตม. ก็ยิ่งช้า พอถึงคิวเรา ตม.ก็ถามว่าจะอยู่กี่วัน เราก็บอกว่าต่อเครื่องไปปักกิ่งค่ำนี้ (จะได้ไม่ต้องเสียค่าภาษีสนามบินมะนิลา เนื่องจากจองแยกบุคกิ้งกัน) ตม.กดคอมพ์แล้วมองหน้าเรา พร้อมถามว่า คุณมีเที่ยวบินไปโบราไคตอนหกโมงครึ่งนิ เราก็บอก กะว่าจะฆ่าต่อเครื่องด้วยการไปโบราไค
ตม.หน้าเข้ม กวักมือเรียกสตาฟของเซบูแปซิฟิค ที่มีเคาร์เตอร์สำหรับผู้โดยสาร transfer อยู่ใกล้ ให้มารับตัวเรา แล้วรีบปั้มวีซ่าเข้าเมืองให้ทันที
เราสองคนกะเพื่อนไปยืนคุยอยู่กะเจ้าหน้าที่เซบูหน้าอ่อนๆ 2-3 คน เอาเอกสารให้ดูบอกว่าจองมาแล้ว แต่เครื่องจากกรุงเทพฯเสียเวลา จะทำไงดี จนท.ผู้หญิงบอกว่าไม่ได้ ไม่ทันแน่นอน เพราะต้องไปรับกระเป๋า (
โหลดกระเป๋าอีก) และต้องมาเช็คอินใหม่ พร้อมกับจ่ายภาษีสนามบินอีก หลายขั้นตอน
เราทำใจแล้วตั้งแต่เรื่องแลนดิ้ง ว่ายังไงต้องทิ้งตั๋วโบราไค ไปเดินเล่นห้าง Mall of Asia ริมอ่าวมะนิลาแน่ๆ แต่คุณพระ...ก่อนเราจะเดินออกจากโต๊ะ Transfer น้องเจ้าหน้าที่ผู้ชาย หน้าตาธรรมดา แต่ใจหล่อมากๆ วิทยุคุยสองสามคำ แล้วชวนเรากะเพื่อนวิ่งไปรับกระเป๋า ได้กระเป๋าแล้วก็พาวิ่งไปที่เคาร์เตอร์เช็คอิน แล้วน้องก็ไปกดเครื่องปรินท์บอร์ดดิ้งพาสมาให้เราเลย
จากนั้น พาวิ่งอีกรอบขึ้นชั้นบนไปขาออก ภาษีสนามบินอะไรไม่ต้องไปสนใจกันแระ วิ่งผ่านเครื่องเอ็กซเรย์เลย ข้างในกระเป๋าเราสองคน มีเสบียง ร่ม ฯลฯ เพียบ และดูเหมือนของเหลวจะเกินด้วย เจ้าหน้าที่เรียกจะเปิดกระเป๋า แต่น้องเซบูสุดหล่อคนนั้นพูดจาสองสามคำ เลยได้อภิสิทธิ์ไม่ต้องเปิด พาวิ่งต่อไปยังเกทเลย
เราล้มลุกคลุกคลาน กระเป๋ากระเด็นกระดอนหลายที หอบแทบสิ้นใจตายให้ได้ สุดท้ายก็ไปยืนอยู่บนรถบัสที่จะไปส่งที่ประตูเครื่องบิน เราสองคนเป็นผู้โดยสาร 2 คนสุดท้ายที่มาถึงประตูรถบัสพอดี (รถบัสอีกคันไปส่งผู้โดยสารที่เครื่องแล้ว)
ขึ้นเครื่องปุ๊บ ต้องพยายามยัดกระเป๋าลากและเป้ลงช่องเก็บสัมภาระให้ได้ เกือบยัดไม่ลง เพราะไม่ได้เตรียมตัวไว้สำหรับแบกขึ้นเครื่อง ATR (แผนเดิมกะว่าจะฝากกระเป๋าที่สนามบิน แล้วบินตัวเปล่าไปโบราไค)
สุดท้ายได้มานั่งหายใจหอบแฮ๊ก บนเครื่องบินตอนเที่ยว 6.30 ไปสนามบินโบราไค เรายังหอบไม่หาย และนึกไม่ถึงว่า เหตุการณ์เมื่อสักครู่เกิดขึ้นได้อย่างไร ความจริงตกเครื่องแล้ว แต่เซบูใจดีสุดๆ ให้ขึ้นจนได้
เป็นเช้ามืดที่เหนื่อยเหลือเกิน
ภายในเครื่อง ATR (ใบพัด) มีแต่เครื่องบินใบพัดที่ลงสนามบินโบราไค เนื่องจากสนามบินเล็กมาก
ยังไม่ค่อยสว่างเลย เพราะเวลาฟิลิปปินส์เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง
แป๊บเดียวก็ลดระดับลงแระ
สมกับเป็นเกาะแห่งการท่องเที่ยวจริงๆ มีเรืออยู่เต็มเลย
[CR] โหด มันส์ ฮา...จากมะนิลา สู่ปักกิ่ง ตอนที่ 1
รีวิวแรก ขอเป็นทริปที่ "ประทับใจ" ไม่ใช่เพราะสวย หรู สบาย หรอกนะที่ประทับใจ แต่เพราะมันโหด มันส์ ฮา ตะหาก
ทริปนี้เริ่มต้นเพราะโปร 1 peso, 0 fuel surcharge ของการสายการบิน Cebu Pacificair แท้ๆ
กล่าวคือมีโปรจ่ายแค่ภาษีสนามบิน (airport tax) และค่าธรรมเนียมดำเนินการออกตั๋วนิดหน่อย (admin fee) ทำให้จองตั๋วได้ราคาแสนถูก แม้จะต้องบินอ้อมกรุงเทพฯ ไปมะนิลา แล้วค่อยต่อเครื่องไปปักกิ่งอีกทีก็ตาม
ได้มาแระ ขากลับมะนิลา-กรุงเทพฯ ประมาณ 180 บาท (รวมค่าเลือกที่นั่งแล้ว) ส่วนขาไป จองโปรนี้ไม่ทัน ได้โปรถัดมา จ่ายไป 1500 บาท
ตั๋วมะนิลา-ปักกิ่ง ไปกลับ ได้ราคาโปร รวมเลือกที่นั่งแล้ว
ทริปเราเริ่ม 17-23 ตุลาคม 2556 (ปีที่แล้ว) แต่เนื่องจากบ้านอยู่ชุมพร จึงต้องจองโปรจากสุราษฯ ไปกรุงเทพฯ อีก ได้ตั๋วศูนย์บาทอีกตามเคย แต่เสียค่าอาหาร ค่ากระเป๋า ไปหลายตังค์
ค่าเสียหายตั๋วสุราษ-กรุงเทพฯ 15-24 ตุลาคม 56 แวะค้างกรุงเทพฯ ทั้งไปและกลับ
เนื่องจากเป็นทริปที่วางแผนล่วงหน้านานมาก (เกือบปีมั้ง) ก็เลยมีโปรโรงแรม โปรตั๋วเครื่องบิน มาเติมเต็มทริปอยู่เรื่อยๆ
รอบนี้ได้โรงแรม All Season Huamark ตรงเดอะมอลล์ รามคำแหง ในราคา 350 บาทต่อคืน รวมอาหารเช้าแล้ว จองผ่านอะโกด้า
รู้สึกว่าตอนนั้นราคาหลุดจาก Accor ผมไปกรุงเทพฯก็นอนที่นี่อยู่หลายเดือน จนพนักงานจำหน้าได้ และผ่านไปไม่นาน โรงแรมนี้ก็ออกจากเครือ Accor และเปลี่ยนชื่อเป็น The Season Huamark ไปเลย
เกริ่นอยู่นาน ออกเดินทางกันเลย
เที่ยวบิน 5J 932 ออกเดินทางจาก Suvarnabhumi International Airport วันเวลา Thu 17 Oct 2013, 0035H
ต้องเตือนตัวเองอยู่หลายครั้ง ว่ามารอขึ้นเครื่องคืนวันที่ 16 นะ เวลาบินมันดันออกดึก เลยเที่ยงคืนไปแค่ 35 นาที เคยมีคนเข้าใจผิด ไปรอขึ้นเครื่องหลังวันเดินทาง 1 วันด้วยหละ
ถึงสุวรรณภูมิ ก็ไปใช้บริการเลาจ์ คิงพาวเวอร์ตามธรรมเนียม แม้เลาจ์กะเกทขึ้นเครื่องจะอยู่คนละซีกโลกก็ตาม
เนื่องจากดึกมากเลยไม่มีรูปบนเครื่อง Cebu Pacificair เที่ยวนี้
ด้วยความบ้าโปร เลยจองเที่ยวบินจากมะนิลาไปโบราไคไว้ด้วย กะว่าไปนอนเล่นที่เกาะครึ่งวัน ตอนเย็นบินกลับมามะนิลา แล้วค่อยต่อเที่ยวบินไปปักกิ่งตอนค่ำ และแล้ว ความตื่นเต้นก็เริ่มต้นตั้งแต่ถึงสนามบินมะนิลาเลยทีเดียว...
เคยใช้บริการเที่ยวบินนี้บ่อย ปกติจะไปถึงมะนิลาไม่เกินตีห้า แต่วันนี้เครื่องดันเสียเวลา กว่าจะแลนดิ้งที่มะนิลาก็ตีห้าครึ่งแระ ยังไงก็ไม่ทันต่อเครื่องไปโบราไคตอน 06.30 แน่นอน
ยิ่งรีบ แถวตม. ก็ยิ่งช้า พอถึงคิวเรา ตม.ก็ถามว่าจะอยู่กี่วัน เราก็บอกว่าต่อเครื่องไปปักกิ่งค่ำนี้ (จะได้ไม่ต้องเสียค่าภาษีสนามบินมะนิลา เนื่องจากจองแยกบุคกิ้งกัน) ตม.กดคอมพ์แล้วมองหน้าเรา พร้อมถามว่า คุณมีเที่ยวบินไปโบราไคตอนหกโมงครึ่งนิ เราก็บอก กะว่าจะฆ่าต่อเครื่องด้วยการไปโบราไค
ตม.หน้าเข้ม กวักมือเรียกสตาฟของเซบูแปซิฟิค ที่มีเคาร์เตอร์สำหรับผู้โดยสาร transfer อยู่ใกล้ ให้มารับตัวเรา แล้วรีบปั้มวีซ่าเข้าเมืองให้ทันที
เราสองคนกะเพื่อนไปยืนคุยอยู่กะเจ้าหน้าที่เซบูหน้าอ่อนๆ 2-3 คน เอาเอกสารให้ดูบอกว่าจองมาแล้ว แต่เครื่องจากกรุงเทพฯเสียเวลา จะทำไงดี จนท.ผู้หญิงบอกว่าไม่ได้ ไม่ทันแน่นอน เพราะต้องไปรับกระเป๋า (โหลดกระเป๋าอีก) และต้องมาเช็คอินใหม่ พร้อมกับจ่ายภาษีสนามบินอีก หลายขั้นตอน
เราทำใจแล้วตั้งแต่เรื่องแลนดิ้ง ว่ายังไงต้องทิ้งตั๋วโบราไค ไปเดินเล่นห้าง Mall of Asia ริมอ่าวมะนิลาแน่ๆ แต่คุณพระ...ก่อนเราจะเดินออกจากโต๊ะ Transfer น้องเจ้าหน้าที่ผู้ชาย หน้าตาธรรมดา แต่ใจหล่อมากๆ วิทยุคุยสองสามคำ แล้วชวนเรากะเพื่อนวิ่งไปรับกระเป๋า ได้กระเป๋าแล้วก็พาวิ่งไปที่เคาร์เตอร์เช็คอิน แล้วน้องก็ไปกดเครื่องปรินท์บอร์ดดิ้งพาสมาให้เราเลย
จากนั้น พาวิ่งอีกรอบขึ้นชั้นบนไปขาออก ภาษีสนามบินอะไรไม่ต้องไปสนใจกันแระ วิ่งผ่านเครื่องเอ็กซเรย์เลย ข้างในกระเป๋าเราสองคน มีเสบียง ร่ม ฯลฯ เพียบ และดูเหมือนของเหลวจะเกินด้วย เจ้าหน้าที่เรียกจะเปิดกระเป๋า แต่น้องเซบูสุดหล่อคนนั้นพูดจาสองสามคำ เลยได้อภิสิทธิ์ไม่ต้องเปิด พาวิ่งต่อไปยังเกทเลย
เราล้มลุกคลุกคลาน กระเป๋ากระเด็นกระดอนหลายที หอบแทบสิ้นใจตายให้ได้ สุดท้ายก็ไปยืนอยู่บนรถบัสที่จะไปส่งที่ประตูเครื่องบิน เราสองคนเป็นผู้โดยสาร 2 คนสุดท้ายที่มาถึงประตูรถบัสพอดี (รถบัสอีกคันไปส่งผู้โดยสารที่เครื่องแล้ว)
ขึ้นเครื่องปุ๊บ ต้องพยายามยัดกระเป๋าลากและเป้ลงช่องเก็บสัมภาระให้ได้ เกือบยัดไม่ลง เพราะไม่ได้เตรียมตัวไว้สำหรับแบกขึ้นเครื่อง ATR (แผนเดิมกะว่าจะฝากกระเป๋าที่สนามบิน แล้วบินตัวเปล่าไปโบราไค)
สุดท้ายได้มานั่งหายใจหอบแฮ๊ก บนเครื่องบินตอนเที่ยว 6.30 ไปสนามบินโบราไค เรายังหอบไม่หาย และนึกไม่ถึงว่า เหตุการณ์เมื่อสักครู่เกิดขึ้นได้อย่างไร ความจริงตกเครื่องแล้ว แต่เซบูใจดีสุดๆ ให้ขึ้นจนได้
เป็นเช้ามืดที่เหนื่อยเหลือเกิน
ภายในเครื่อง ATR (ใบพัด) มีแต่เครื่องบินใบพัดที่ลงสนามบินโบราไค เนื่องจากสนามบินเล็กมาก
ยังไม่ค่อยสว่างเลย เพราะเวลาฟิลิปปินส์เร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง
แป๊บเดียวก็ลดระดับลงแระ
สมกับเป็นเกาะแห่งการท่องเที่ยวจริงๆ มีเรืออยู่เต็มเลย