อยู่เมืองไทย ร้านที่เข้าๆออกๆเป็นประจำไปลองเล่นคสอ.ก็คือ watsons แต่พอมีโอกาสไปเรียนอังกฤษทั้งที ร้าน Boots กับ Superdrug ก็เลยเป็นร้านที่เราเข้าๆออกๆ เดินลองเล่นคสอ.ไปเรื่อยเปื่อย ซื้อนู่นนี่ตามที่ beauty guru ใน youtube แนะนำกันมา วันเวลาผ่านไป เรียนจบ เก็บของกลับบ้าน ตกใจเล็กๆ ลิปสติกที่ได้มาจาก drugstores มันก็เยอะอยู่นะ เลยเกิดอยากรวบรวมที่เป็น collection สักหน่อย ทำทั้งที ก็เลยแถมลิปสติกจากร้าน high-street เข้าไปด้วยเลยทีเดียว เพราะราคาน่ารักพอกัน ไม่ต่างกันเท่าไหร่
เริ่มกันที่
Rimmel ละกัน ได้อารมณ์อังกฤษดี เพราะแบรนด์นี้มี tagline ว่า “Get The London Look” มาดูกันว่าเราจะได้ London Look แบบไหนมาบ้าง (คือไม่ได้ไปเรียนที่ลันดั้นกะเค้าหรอกนะ แต่ก็เผื่อจะ Get The Look ได้จากการทาลิปเนี่ยหละ ;-p)
Rimmel Apocalips Lip Lacquer
Colour name (left to right): Luna, Big Bang, Stellar, Nova
ลิปสติกรุ่นนี้ออกมาเมื่อปีก่อน หน้าตาเหมือนลิปกรอส แต่คือไม่ใช่นะ เนื้อสีแน่นกว่าลิปสติกแบบปกติบางรุ่นอีกค่ะ เรามีอยู่ 4 สี แต่ที่อิงแลนด์ตอนนี้เค้าออกมา 13 สีแล้ว ไปดู swatch กันเลยดีกว่า
แบบที่เห็นใน swatch หละ finish ของรุ่นนี้ไม่แมท แต่ก็ไม่ได้เงาแว๊บเป็นลิปกรอส เนื้อก็ชุ่มชื้นดี ทาแล้วปากไม่แห้ง สีชัดตามที่เห็นในแท่งเลย แต่ว่าก็ไม่ได้ติดทนเท่าไหร่นะ เรารู้สึกว่ามัน slide ออกง่ายเหมือนกัน (แถมชอบเลอะฟันด้วย ต้องคอยเช็คตัวเองเวลาทา ไม่รู้เป็นกับเราคนเดียวรึเปล่า) รุ่นนี้เราว่าสีสดๆชัดๆสวยกว่าสีนู้ดๆหละ ถ้าสนใจสีนู้ดๆ ไปลองมองรุ่นอื่นน่าจะดีกว่า
เมื่อไม่นานมานี้ Rimmel ออก Apocalips รุ่นใหม่เป็นเนื้อแมท มาแล้วด้วย แต่ยังไม่มีโอกาสได้จัดมาลองเหมือนกัน
Rimmel Moisture Renew Lipstick
Colour name (left to right): As You Want Victoria, In Love with Ginger
รุ่นนี้บอกตรงๆเลยว่า ซื้อตามเพื่อน เห็นเพื่อนทาสี
In Love With Ginger แล้วสวยเลยไปซื้อตาม พอวันที่ไปซื้อดันมี promotion buy 1 get 2nd half price เลยเดินวนไปมา ตัดสินใจเอาอีกแท่ง แต่เลือกสีไม่ถูก เลยเลือกสีตามที่นางแบบใน Advert สี
As You Want Victoria เป็นสีที่ตอนแรกกลัวว่าทาออกมาแล้วจะดูแก่นะ แต่สุดท้าย ชอบกว่าสีที่ตั้งใจไปซื้ออีก
เนื่องจากชื่อรุ่นว่า Moisture และ โฆษณาชัดเจนว่าให้ความชุ่มชื้นเลยไม่ได้ควดหวังว่าจะติดทน แต่สุดท้ายแล้วสีก็ติดทนอยู่นะ แล้วก็ชุ่มชื้นจริงตามที่โฆษณาเลย สีก็ทาออกมาได้ตามที่เห็นในแท่งเลย มีสีให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่สีสดๆไปจนถึงโทนนู้ดๆหลากหลายเฉด รุ่นนี้ดีทีเดียว แต่มีความเห็นส่วนตัว 1 อย่าง คือ เราค่อนข้างเรื่องมากนิดหน่อยเรื่องกลิ่นลิปสติก เพราะถ้ามันเป็นกลิ่นที่เราไม่โอเคแล้วต้องมานั่งได้กลิ่นทั้งวัน คงเวียนหัวตาย รุ่นนี้มีกลิ่นหอมแปลกๆที่เราไม่ค่อยชอบ เกือบไม่ซื้อเพราะกลิ่นนี่หละ แต่พอซื้อมา ลองทาก็พอทนได้นะ เหมือนกลิ่นจะค่อยๆจางหายไปหลังทา
Rimmel Lasting Finish Matte By Kate Moss
Colour name: 107
สุดท้ายสำหรับ Rimmel ที่เรามี สีนี้จำได้แม่น ซื้อตาม Zoe หรือ Zoella เค้าเป็น youtuber ชาวอังกฤษที่เราชอบมากๆคนหนึ่งเลย คือเค้าทาแล้วสวยมาก เราเลยอยากลอง
(สีนี้เราทำรูปที่ทาบนปากหายไป หาไม่เจอจริงๆ เลยไม่มีรูปมาให้ดูเลย ขอโทษทีนะ)
เนื้อทาง่าย สีออกมาสวยงาม ปกติเราไม่ค่อยซื้อลิปสติกเนื้อแมท เพราะปากแห้งมาก และลอกเป็นขุยง่ายมาก ทั้งจากปากแห้งและบ้างครั้งแพ้ลิปสติก แต่ลิปสติกอันนี้เราทาแล้วตกเย็นปากแห้งๆนิดหน่อย แต่ไม่ถึงขั้นกับว่าลองแห้งจนวันต่อไปทาปากอะไรไม่ได้เลย ก็ปกติของลิปสติกแมทหละ ถือว่าดีเลยทีเดียว
ไปกันที่แบรนด์ต่อไป
Bourjois เป็นแบรนด์ที่ได้ยินจาก beauty guru เยอะมากก่อนมาเรียน และคิดว่ามาแล้วจะต้องจัดซักหน่อย แต่พอมาได้ไม่นาน ก็ได้ยินว่าแบรนด์นี้เข้าเมืองไทยละ (ทีตอนชั้นอยู่นะ ไม่มาซักที)
Bourjois Colour Boost Lip Crayon
Colour name (left to right): Peach on the Beach, Orange Punch, Fuchsia Libre, Red Sunrise
รุ่นนี้ก็เหมือน Revlon ที่เค้าฮิตๆกันตอนนู้น เค้าชอบกันใหญ่ เราก็มีกับเค้าเหมือนกันนะ แต่ว่าทาแล้วปากลอก สงสัยจะแพ้มั้ง แต่พอมาเจอของ Bourjois อันนี้ มี youtuber บอกว่าดี เลยไปซื้อมาลองก่อน 1 สี ชอบมากแถมปากไม่ลอกอีก เลยไม่จัดมาเพิ่มอีก 3 สี ก็เป็นอย่างที่เห็นค่ะ เบา เบา จบลงที่ 4 สี
แบบที่เห็นค่ะ สีชัดเจน เป็นเนื้อแบบ moisturize แต่ก็จะ slide หลุดง่ายหน่อย พวกสีเข้มๆก็อาจมี stain ติดทนหน่อย กลิ่นหอมค่ะ ชอบเลยรุ่นนี้ เทียบกับ Revlon เราชอบอันนี้กว่านะ เพราะไม่ชอบ Revlon ที่ทาแล้วเย็นๆ และอันนี้เราไม่แพ้ พอทาแล้วตกเย็นปากไม่ลอกด้วย
Bourjois Rouge Edition Velvet
Colour name: Ole Flamingo!
รุ่นนี้เพิ่งออกมาช่วงกลางปีค่ะ ตอนที่ออกมา เห็นใน youtube เรียกว่าเกือบจะแต่งตัวแล้วออกไปซื้อเลยทันที เพราะ beauty blogger คนหนึ่งบอกว่ามันคือ The Best Liquid Lipsticks สำหรับเค้า สุดท้ายก็จัดมาก่อน 1 สี อยากซื้อเพิ่มใจจะขาด ก็ห้ามใจตัวเอง เพราะตอนนั้นกล่อมตัวเองว่าควรเริ่มเก็บเงินไปเที่ยว และอยากไปสอยบางอย่างที่ Sephora ที่ฝรั่งเศสกับอิตาลี มากกว่า รุ่นนี้เลยจบลงที่ 1 สีอย่างที่เห็นค่ะ (สีอื่นก็สวยนะคะ จริงๆ อยากได้เพิ่ม แต่ก่อนกลับมา Boots กับ Superdrug ใกล้บ้านไม่มีของ)
หลังจากใช้มา เราก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับ blogger คนนั้นนะ ทาแล้วปากไม่ลอก ไม่แห้งเกินไป ติดทนมากๆ กินน้ำยังไม่หลุด สีสวยด้วย ว่าไปก็อยากได้เพิ่มอีก
แบรนด์ต่อไปคือ
Soap & Glory ที่หาซื้อได้ใน Boots แบรนด์นี้เค้ามีพวก Body Care ที่เราก็ชอบเหมือนกัน ชอบตั้งแต่ก่อนไปเรียนแล้ว ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าที่เมืองไทยมี เครื่องสำอางค์ ของแบรนด์นี้เข้าไปขายรึยัง เดี๋ยวกลับไปอยากไปดูหมือนกัน ขอให้เข้าเมืองไทยแล้วเถอะ เราชอบบางอย่างของแบรนด์นี้อยู่นะ (แต่ลิปรุ่นนี้....)
Soap & Glory Sexy Mother Pucker Gloss Stick 3D Super Colour Volume Lip Shine
Colour name: Bashful
ชื่อยาวมากจริงๆ แท่งนี้ก็ตามเคยค่ะ ซื้อตามที่เค้าว่ากันว่าดี Fleur De Force คือ beauty blogger ที่พูดจนเราต้องซื้อตามจริงๆรุ่นนี้ ทาออกมาก็สวยอยู่ค่ะ ทาครั้งแรกก็รู้สึกว่า สีสวย เนื้อก็ดี
แต่สุดท้าย เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะพอทาไปซักพักจะเป็นคราบนิดๆ และตกเย็นปากจะลอกนิดๆด้วย เลยไม่ค่อยได้ใช้ และไม่ได้ซื้อสีเพิ่ม แต่เหล่า youtubers เค้าก็ยังชอบกันหลายคนนะ ไม่เคยได้ยิน bloggers ที่เราตามอยู่บ่นถึงเรื่องคราบแบบที่เราเจอเลย เค้าก็ดูชอบกันนะ ไม่รู้สินะ แต่สรุปแล้วเราไม่ค่อยชอบหละ
ไปที่
Maybelline กันค่ะ จากที่สังเกต Maybelline ที่เมืองไทยถูกกว่าพอสมควรเลย เราเลยไม่ค่อยได้ซื้อยี่ห้อนี้เท่าไหร่ รู้สึกเหมือนซื้อไม่ลง
Maybelline Color Elixir Lip Lacquer
Colour name (left to right): 400 Alluring Coral, 135 Raspberry Rhapsody
รุ่นนี้ที่เมืองไทยมีขายก่อนอังกฤษอีก ว่าจะไม่ซื้อละเพราะเห็นที่เมืองไทยก็มี แต่ดู พอดีเจอ promotion เห็นสีสวย เราเลยขอจัดสักหน่อย
packaging ต่างกันนิดหน่อย แต่ลองทาแล้วเนื้อก็เหมือนกันนะ ทาแล้วปากไม่ลอกเป็นขุยๆ ไม่เป็นคราบ สีที่เลือกมาก็ถูกใจ สรุปคือ ชอบค่ะ
แบรนด์สุดท้ายของ drugstore ก่อนจะถึง high-street brands คือ
Tanya Burr ซึ่ง Tanya เจ้าของแบรนด์นี้ เป็น beauty guru และมี channel ใน youtube ตามชื่อนี้เลยค่ะ แบรนด์นี้จะมีขายแต่ใน Superdrug กับ online เท่านั้นนะคะ
Tanya Burr Exclusive Collection by Eye Candy Lip-gloss
Colour name (left to right): Picnic in the Park, Heart Skipped a Beat
สารภาพจากใจ 2 แท่งนี้ซื้อเพราะรักชอบ beauty blogger คนนี้ พอเห็นเค้าออกสินค้าก็อยากจะสนับสนุนเค้า แต่ก่อนสินค้าจะวางขายก็มี beauty bloggers มารีวิวว่าดีอย่างนู้นอย่างนี้ เนื่องจากช่วงที่สินค้าเปิดตัวแรกๆยังไม่มีวางชายในร้านค้า เลยหา google หา swatch สี และเลือกสั่งมา 2 สีอย่างที่เห็น
อย่างแรกเลยค่ะ กลิ่นหอมมากๆ ดีเลยค่ะ ทาแล้วปากไม่ลอก ไม่เป็นคราบ เนื้อลิปถือว่าดีเลยถ้าเทียบกับเนื้อลิปกรอสทั่วไปที่มักเหนอะๆยืดๆจนน่ารำคาญ คือปกติเราไม่ค่อยชอบทาลิปกรอสนะ รำคาญ texture ของมัน แต่อันนี้คือเนื้อดีเลยหละ ถือว่าเป็นลิปกรอสที่เราชอบเลย
>>> ต่อแบรนด์จากร้าน high-street กันใน คห นะคะ
[CR] รีวิวสีลิปสติก หลากแบรนด์ หลากสี ราคาน่ารักน่าคบ จาก drugstores/ร้านขายยา อังกฤษ ค่ะ
อยู่เมืองไทย ร้านที่เข้าๆออกๆเป็นประจำไปลองเล่นคสอ.ก็คือ watsons แต่พอมีโอกาสไปเรียนอังกฤษทั้งที ร้าน Boots กับ Superdrug ก็เลยเป็นร้านที่เราเข้าๆออกๆ เดินลองเล่นคสอ.ไปเรื่อยเปื่อย ซื้อนู่นนี่ตามที่ beauty guru ใน youtube แนะนำกันมา วันเวลาผ่านไป เรียนจบ เก็บของกลับบ้าน ตกใจเล็กๆ ลิปสติกที่ได้มาจาก drugstores มันก็เยอะอยู่นะ เลยเกิดอยากรวบรวมที่เป็น collection สักหน่อย ทำทั้งที ก็เลยแถมลิปสติกจากร้าน high-street เข้าไปด้วยเลยทีเดียว เพราะราคาน่ารักพอกัน ไม่ต่างกันเท่าไหร่
เริ่มกันที่ Rimmel ละกัน ได้อารมณ์อังกฤษดี เพราะแบรนด์นี้มี tagline ว่า “Get The London Look” มาดูกันว่าเราจะได้ London Look แบบไหนมาบ้าง (คือไม่ได้ไปเรียนที่ลันดั้นกะเค้าหรอกนะ แต่ก็เผื่อจะ Get The Look ได้จากการทาลิปเนี่ยหละ ;-p)
Rimmel Apocalips Lip Lacquer
Colour name (left to right): Luna, Big Bang, Stellar, Nova
ลิปสติกรุ่นนี้ออกมาเมื่อปีก่อน หน้าตาเหมือนลิปกรอส แต่คือไม่ใช่นะ เนื้อสีแน่นกว่าลิปสติกแบบปกติบางรุ่นอีกค่ะ เรามีอยู่ 4 สี แต่ที่อิงแลนด์ตอนนี้เค้าออกมา 13 สีแล้ว ไปดู swatch กันเลยดีกว่า
แบบที่เห็นใน swatch หละ finish ของรุ่นนี้ไม่แมท แต่ก็ไม่ได้เงาแว๊บเป็นลิปกรอส เนื้อก็ชุ่มชื้นดี ทาแล้วปากไม่แห้ง สีชัดตามที่เห็นในแท่งเลย แต่ว่าก็ไม่ได้ติดทนเท่าไหร่นะ เรารู้สึกว่ามัน slide ออกง่ายเหมือนกัน (แถมชอบเลอะฟันด้วย ต้องคอยเช็คตัวเองเวลาทา ไม่รู้เป็นกับเราคนเดียวรึเปล่า) รุ่นนี้เราว่าสีสดๆชัดๆสวยกว่าสีนู้ดๆหละ ถ้าสนใจสีนู้ดๆ ไปลองมองรุ่นอื่นน่าจะดีกว่า
เมื่อไม่นานมานี้ Rimmel ออก Apocalips รุ่นใหม่เป็นเนื้อแมท มาแล้วด้วย แต่ยังไม่มีโอกาสได้จัดมาลองเหมือนกัน
Rimmel Moisture Renew Lipstick
Colour name (left to right): As You Want Victoria, In Love with Ginger
รุ่นนี้บอกตรงๆเลยว่า ซื้อตามเพื่อน เห็นเพื่อนทาสี In Love With Ginger แล้วสวยเลยไปซื้อตาม พอวันที่ไปซื้อดันมี promotion buy 1 get 2nd half price เลยเดินวนไปมา ตัดสินใจเอาอีกแท่ง แต่เลือกสีไม่ถูก เลยเลือกสีตามที่นางแบบใน Advert สี As You Want Victoria เป็นสีที่ตอนแรกกลัวว่าทาออกมาแล้วจะดูแก่นะ แต่สุดท้าย ชอบกว่าสีที่ตั้งใจไปซื้ออีก
เนื่องจากชื่อรุ่นว่า Moisture และ โฆษณาชัดเจนว่าให้ความชุ่มชื้นเลยไม่ได้ควดหวังว่าจะติดทน แต่สุดท้ายแล้วสีก็ติดทนอยู่นะ แล้วก็ชุ่มชื้นจริงตามที่โฆษณาเลย สีก็ทาออกมาได้ตามที่เห็นในแท่งเลย มีสีให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่สีสดๆไปจนถึงโทนนู้ดๆหลากหลายเฉด รุ่นนี้ดีทีเดียว แต่มีความเห็นส่วนตัว 1 อย่าง คือ เราค่อนข้างเรื่องมากนิดหน่อยเรื่องกลิ่นลิปสติก เพราะถ้ามันเป็นกลิ่นที่เราไม่โอเคแล้วต้องมานั่งได้กลิ่นทั้งวัน คงเวียนหัวตาย รุ่นนี้มีกลิ่นหอมแปลกๆที่เราไม่ค่อยชอบ เกือบไม่ซื้อเพราะกลิ่นนี่หละ แต่พอซื้อมา ลองทาก็พอทนได้นะ เหมือนกลิ่นจะค่อยๆจางหายไปหลังทา
Rimmel Lasting Finish Matte By Kate Moss
สุดท้ายสำหรับ Rimmel ที่เรามี สีนี้จำได้แม่น ซื้อตาม Zoe หรือ Zoella เค้าเป็น youtuber ชาวอังกฤษที่เราชอบมากๆคนหนึ่งเลย คือเค้าทาแล้วสวยมาก เราเลยอยากลอง
(สีนี้เราทำรูปที่ทาบนปากหายไป หาไม่เจอจริงๆ เลยไม่มีรูปมาให้ดูเลย ขอโทษทีนะ)
เนื้อทาง่าย สีออกมาสวยงาม ปกติเราไม่ค่อยซื้อลิปสติกเนื้อแมท เพราะปากแห้งมาก และลอกเป็นขุยง่ายมาก ทั้งจากปากแห้งและบ้างครั้งแพ้ลิปสติก แต่ลิปสติกอันนี้เราทาแล้วตกเย็นปากแห้งๆนิดหน่อย แต่ไม่ถึงขั้นกับว่าลองแห้งจนวันต่อไปทาปากอะไรไม่ได้เลย ก็ปกติของลิปสติกแมทหละ ถือว่าดีเลยทีเดียว
ไปกันที่แบรนด์ต่อไป Bourjois เป็นแบรนด์ที่ได้ยินจาก beauty guru เยอะมากก่อนมาเรียน และคิดว่ามาแล้วจะต้องจัดซักหน่อย แต่พอมาได้ไม่นาน ก็ได้ยินว่าแบรนด์นี้เข้าเมืองไทยละ (ทีตอนชั้นอยู่นะ ไม่มาซักที)
Bourjois Colour Boost Lip Crayon
Colour name (left to right): Peach on the Beach, Orange Punch, Fuchsia Libre, Red Sunrise
รุ่นนี้ก็เหมือน Revlon ที่เค้าฮิตๆกันตอนนู้น เค้าชอบกันใหญ่ เราก็มีกับเค้าเหมือนกันนะ แต่ว่าทาแล้วปากลอก สงสัยจะแพ้มั้ง แต่พอมาเจอของ Bourjois อันนี้ มี youtuber บอกว่าดี เลยไปซื้อมาลองก่อน 1 สี ชอบมากแถมปากไม่ลอกอีก เลยไม่จัดมาเพิ่มอีก 3 สี ก็เป็นอย่างที่เห็นค่ะ เบา เบา จบลงที่ 4 สี
แบบที่เห็นค่ะ สีชัดเจน เป็นเนื้อแบบ moisturize แต่ก็จะ slide หลุดง่ายหน่อย พวกสีเข้มๆก็อาจมี stain ติดทนหน่อย กลิ่นหอมค่ะ ชอบเลยรุ่นนี้ เทียบกับ Revlon เราชอบอันนี้กว่านะ เพราะไม่ชอบ Revlon ที่ทาแล้วเย็นๆ และอันนี้เราไม่แพ้ พอทาแล้วตกเย็นปากไม่ลอกด้วย
Bourjois Rouge Edition Velvet
Colour name: Ole Flamingo!
รุ่นนี้เพิ่งออกมาช่วงกลางปีค่ะ ตอนที่ออกมา เห็นใน youtube เรียกว่าเกือบจะแต่งตัวแล้วออกไปซื้อเลยทันที เพราะ beauty blogger คนหนึ่งบอกว่ามันคือ The Best Liquid Lipsticks สำหรับเค้า สุดท้ายก็จัดมาก่อน 1 สี อยากซื้อเพิ่มใจจะขาด ก็ห้ามใจตัวเอง เพราะตอนนั้นกล่อมตัวเองว่าควรเริ่มเก็บเงินไปเที่ยว และอยากไปสอยบางอย่างที่ Sephora ที่ฝรั่งเศสกับอิตาลี มากกว่า รุ่นนี้เลยจบลงที่ 1 สีอย่างที่เห็นค่ะ (สีอื่นก็สวยนะคะ จริงๆ อยากได้เพิ่ม แต่ก่อนกลับมา Boots กับ Superdrug ใกล้บ้านไม่มีของ)
หลังจากใช้มา เราก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับ blogger คนนั้นนะ ทาแล้วปากไม่ลอก ไม่แห้งเกินไป ติดทนมากๆ กินน้ำยังไม่หลุด สีสวยด้วย ว่าไปก็อยากได้เพิ่มอีก
แบรนด์ต่อไปคือ Soap & Glory ที่หาซื้อได้ใน Boots แบรนด์นี้เค้ามีพวก Body Care ที่เราก็ชอบเหมือนกัน ชอบตั้งแต่ก่อนไปเรียนแล้ว ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าที่เมืองไทยมี เครื่องสำอางค์ ของแบรนด์นี้เข้าไปขายรึยัง เดี๋ยวกลับไปอยากไปดูหมือนกัน ขอให้เข้าเมืองไทยแล้วเถอะ เราชอบบางอย่างของแบรนด์นี้อยู่นะ (แต่ลิปรุ่นนี้....)
Soap & Glory Sexy Mother Pucker Gloss Stick 3D Super Colour Volume Lip Shine
Colour name: Bashful
ชื่อยาวมากจริงๆ แท่งนี้ก็ตามเคยค่ะ ซื้อตามที่เค้าว่ากันว่าดี Fleur De Force คือ beauty blogger ที่พูดจนเราต้องซื้อตามจริงๆรุ่นนี้ ทาออกมาก็สวยอยู่ค่ะ ทาครั้งแรกก็รู้สึกว่า สีสวย เนื้อก็ดี
แต่สุดท้าย เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะพอทาไปซักพักจะเป็นคราบนิดๆ และตกเย็นปากจะลอกนิดๆด้วย เลยไม่ค่อยได้ใช้ และไม่ได้ซื้อสีเพิ่ม แต่เหล่า youtubers เค้าก็ยังชอบกันหลายคนนะ ไม่เคยได้ยิน bloggers ที่เราตามอยู่บ่นถึงเรื่องคราบแบบที่เราเจอเลย เค้าก็ดูชอบกันนะ ไม่รู้สินะ แต่สรุปแล้วเราไม่ค่อยชอบหละ
ไปที่ Maybelline กันค่ะ จากที่สังเกต Maybelline ที่เมืองไทยถูกกว่าพอสมควรเลย เราเลยไม่ค่อยได้ซื้อยี่ห้อนี้เท่าไหร่ รู้สึกเหมือนซื้อไม่ลง
Maybelline Color Elixir Lip Lacquer
Colour name (left to right): 400 Alluring Coral, 135 Raspberry Rhapsody
รุ่นนี้ที่เมืองไทยมีขายก่อนอังกฤษอีก ว่าจะไม่ซื้อละเพราะเห็นที่เมืองไทยก็มี แต่ดู พอดีเจอ promotion เห็นสีสวย เราเลยขอจัดสักหน่อย
packaging ต่างกันนิดหน่อย แต่ลองทาแล้วเนื้อก็เหมือนกันนะ ทาแล้วปากไม่ลอกเป็นขุยๆ ไม่เป็นคราบ สีที่เลือกมาก็ถูกใจ สรุปคือ ชอบค่ะ
แบรนด์สุดท้ายของ drugstore ก่อนจะถึง high-street brands คือ Tanya Burr ซึ่ง Tanya เจ้าของแบรนด์นี้ เป็น beauty guru และมี channel ใน youtube ตามชื่อนี้เลยค่ะ แบรนด์นี้จะมีขายแต่ใน Superdrug กับ online เท่านั้นนะคะ
Tanya Burr Exclusive Collection by Eye Candy Lip-gloss
Colour name (left to right): Picnic in the Park, Heart Skipped a Beat
สารภาพจากใจ 2 แท่งนี้ซื้อเพราะรักชอบ beauty blogger คนนี้ พอเห็นเค้าออกสินค้าก็อยากจะสนับสนุนเค้า แต่ก่อนสินค้าจะวางขายก็มี beauty bloggers มารีวิวว่าดีอย่างนู้นอย่างนี้ เนื่องจากช่วงที่สินค้าเปิดตัวแรกๆยังไม่มีวางชายในร้านค้า เลยหา google หา swatch สี และเลือกสั่งมา 2 สีอย่างที่เห็น
อย่างแรกเลยค่ะ กลิ่นหอมมากๆ ดีเลยค่ะ ทาแล้วปากไม่ลอก ไม่เป็นคราบ เนื้อลิปถือว่าดีเลยถ้าเทียบกับเนื้อลิปกรอสทั่วไปที่มักเหนอะๆยืดๆจนน่ารำคาญ คือปกติเราไม่ค่อยชอบทาลิปกรอสนะ รำคาญ texture ของมัน แต่อันนี้คือเนื้อดีเลยหละ ถือว่าเป็นลิปกรอสที่เราชอบเลย
>>> ต่อแบรนด์จากร้าน high-street กันใน คห นะคะ