หลังจากไปสำรวจบ้านเมืองยามเช้า ด้วยระยะทางกว่า 4 กม.จนเมื่อยขา เราและอิเพื่อนก็พร้อมไปตะลุย สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของสิงคโปร์ที่ไม่ว่าใครจะต้องไป
การไป USS ง่ายมาก เริ่มจากนั่ง MRT ไปลงที่สถานี Habour front ออกทางออก E เข้าห้าง VivoCity ขึ้นไปชั้นสาม เพื่อไปซื้อตั๋ว Sentosa Express ซึ่งเป็นรถไฟรางที่เป็นทางเชื่อมระหว่างVivocity กับเกาะ Sentosa สนนราคาตั๋วอยู่ที่ 4SGD จ้า นั่งรถไฟนี่จะเห็นทัศนียภาพของปากแม่น้ำสิงคโปร์เลยนะ เห็นเรือบรรทุกสินค้าจอดเรียงกันมากมาย ส่วนอีกฝั่งก็จะเป็นเกาะ Sentosa สำหรับใครที่ไม่อยากนั่งรถไฟ ที่นี่เขามีทางให้เดินด้วยจ้าราคาค่าผ่านทางคนละ 1SGD ได้ชมทัศนียภาพสวยๆงามๆ แต่เดินไกลพอสมควรอยู่นะ ฮี่ๆๆ
ก่อนที่เราจะจับรถไฟไปตะลุย USS ก็หาอะไรรองท้องก่อน ที่ชั้น 3 ของ VivoCity จะมี FoodRepublic เป็นศูนย์อาหารที่มีอาหารอยู่หลายเชื้อชาติ เช้านี้เราเลยจัดข้าวหน้าหมูกรอบมา 1 set กับน้ำเปล่าอีก 1 ขวด อาหารเช้าวันนี้สนนราคาอยู่ที่ 5.5SGD ส่วนอิเพื่อนก็จัดการข้าวหมูแดง ราคาเท่ากันฮะ ศูนย์อาหารในประเทศสิงคโปร์ทุกที่จะเป็น Self service นะ (รสชาติอาหารค่อนข้างพึงพอใจ มีน้ำจิ้มเปรี้ยวๆเผ็ดๆแกล้มด้วย แต่ให้น้อยง่ะ)
เมื่ออิ่มแล้วเราก็ตะลุย USS กันเลย
สำหรับ USS จะมีตั๋วให้เลือก 2 แบบ คือธรรมดาและ express (อันนี้จะไปเล่นอะไรก็ได้เข้าก่อนพวก แต่แพงหูดับ) สำหรับค่าตั๋วธรรมดาอยู่ที่ราคา 74 SGD ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,700฿ (ใครที่ไม่อยากต่อคิวก็ซื้อตามเว็บไซต์มาก่อนจะได้ไม่เสียเวลา แต่ดีว่าวันที่ไปเป็นช่วง non peak คนเลยไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็ต่อคิวนานอยู่ดี ๕๕๕) เมื่อซื้อบัตรเรียบร้อยก็เข้า USS กันเลย พนักงานที่นี่น่ารักเป็นกันเอง แถมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ด้วย
เข้ามาใน USS เราก็จะเจอโซน Hollywood เป็นโซนแรก โซนนี่จะไม่มีเครื่องเล่นเพราะส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าขายของฝากซะมากกว่า เดินไปอีกหน่อย ก็จะเจอโซน Newyork โซนนี้เด็กๆน่าจะชอบเพราะรวมเอาการ์ตูนหลายๆเรื่องมาทำเป็นเครื่องเล่น
ส่วนเราเริ่มที่โซน Sci-fi ที่แรกที่ไปคือ Transformer ภายในนี้เราเหมือนอยู่ในฐานปฏิบัติการ จะมีตู้กระจกที่บรรจุ Cube หน้าจอคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นของที่นี่เป็น 3D จ่ะ ต้องใส่แว่นตาด้วยนะ สำหรับการเล่น เขาก็จะให้เรานั่งอยู่บนรถรางซึ่งจำลองเป็น Autobot ต่อคิวค่อนข้างยาวนะ แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะจัดไปตามกรุ๊ปที่เราไป แต่ถ้าที่นั่งไหนว่าง แล้วมาแค่ 2/3 คนก็อาจจะได้สิทธิ์นั้นไปก่อนเหมือนเรา ฮี่ๆๆ ได้ที่นั่งแล้วก็เตรียมความพร้อม แล้วตะลุยกันเลย ..... (ไม่ขอบรรยายการเล่นเพื่ออรรถรสสำหรับใครที่จะไปลิ้มลอง แต่บอกได้คำเดียวว่า มันส์มากกกกกกกกก)
ออกจาก Transformer ก็ไปต่อกันที่ Battlestar Gallactica ซึ่งเป็นรถไฟเหาะที่มันส์สุดเหวี่ยง สามารถเลือกได้ว่าจะนั่ง Human (เป็นรถราง) หรือ Cyloon (เป็นเก้าอี้) แต่เสียดายอย่างยิ่ง ช่วงที่เราไปนั้น เขาปิดซ่อม เซงมากกกกก อุตส่าห์ว่าจะนั่ง Cyloon ซะหน่อย เพราะเคยนั่ง Human มาแล้ว หึหึหึ บอกได้แค่ว่าเมื่อเล่นเสร็จคุณจะเรียกร้องหายาดมกันแทบไม่ทัน
ในเมื่อเล่นไม่ได้ ก็เดินน่าต่อเข้าไปหาอารยธรรมอันเก่าแก่ อย่าง โซน Acient Egypt : Revenge of the mummy โซนนี้เขาสร้างแบบสถาปัตยกรรมอิยิปต์โบราณเลยนะ เหมาะแก่การถ่ายรูปมาก ที่สำคัญ เขาจะมีตัว มาสคอตที่แต่งเป็นเทพอนูบิส (เทพหมาใน) มาคอยแกล้งเราด้วย
ในโซนนี้เราต้องเอากระเป๋าไปเก็บซึ่งจะมีโซน locker ไว้ให้เช่า ประมาณ 1 ชม.นีแหละ ตัว locker จะเป็นระบบคอมพิวเตอร์โดยใส่รหัสเข้าที่ตู้แล้ว locker จะเป็นให้เราโดยอัตโนมัติ (ไม่มีกุญแจ) ซึ่งเท่าที่ดู ปลอดภัยมาก เมื่อเก็บของเสร็จเราก็ไปตะลุยแดนมัมมี่กันเลย ที่นี่เขาจะให้เรานั่งรถไฟรางเผชิญหน้ากับความมืด ซึ่งมีอะไรที่ตื่นเต้นรอคุณอยู่ .. (อากาศเย็นนะ หาเสื้อใส่สักตัวจะดี)
เผชิญหน้ากับความมืดในแดนอิยิปต์เสร็จ เราก็จะเข้าสู่ Lost world ที่นี่จะมีไดโนเสาร์เต่าล้านปีมาให้คุณหนูๆได้ชม หรือถ้าเป็นผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็นั่งรถไฟเหาะแบบห้อยขาก็ได้แต่บอกเลยว่าคิวยาวเหยียด เราทั้งคู่เลยเลือกที่จะเล่น Rapids Aventure เป็นการล่องเรือเข้าไปในศูนย์จำลอง (สนุกฮะ แต่เปียก)
หลุดจาก Lost world ก็จะมาเจอดินแดนในโลกแอนิเมชั่นอย่าง Shrek ที่คุณหนูๆชื่นชอบ ใน Far far away
ออกจาก Far far away ก็ไปตะลุยเกาะ Madaguscar ไปหา King Julien ด้วยเครื่องเล่น A Created adventure เป็นการล่องเรือเข้าไปในเกาะ ก็ตื่นตาตื่นใจไปอีกแบบ (ไม่เปียกจ่ะ) ที่นี่เขาห้ามถ่ายรูปนะคะ นอกจากล่องเรือเข้าเกาะแล้ว ยังมีม้าหมุนกินบรรยากาศวัยละอ่อนให้เล่นอีกด้วย ...
เหนื่อยฮะ .... ถึงจะเล่นไม่ครบทุกอัน เพราะไม่ได้เข้าไป water world เนื่องจากกลัวเปียก แต่ก็ให้ความมันส์จนหอบกันเลยทีเดียว ...
เมื่อตะลุย USS เสร็จ แล้วก็ต่อรถไฟรางไปหา Merlion ตัวใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ซึ่งตั้งอยู่สถานี Imbiah โดย merlion ตัวนี้สูงถึง 37ม. ที่ปากของเจ้าMerlion เป็นจุดชมวิวค่ะ ซึ่งค่าขึ้นไปข้างบนนั้นก็ 8SGD สำหรับผู้ใหญ่ ส่วนเด็กก็ 5SGD
พอยลเจ้า Merlion ยักษ์จบ เราก็ต่อรถไฟไปที่สถานี Beach ที่นี่เขามีชายหาดที่ทำขึ้นเอง จำไม่ได้ว่ามีกี่หาด แต่เราไปหา Palawan beach ที่นี่มี Port of The lost wonder เป็นสวนน้ำขนาดย่อม ค่าเข้าแพงเอาเรือง แต่อยู่นี่มี free wifi ซึ่งนั่งข้างนอกก็เชื่อมต่อได้ ๕๕๕๕๕๕
หลังจากนั่งพักชมชายหน้าและน้ำทะเล(จำลอง) แล้ว เราก็จับรถบัสฟรีเพื่อกลับไปที่สถานีรถไฟ แต่ก่อนที่จะกลับ ก็เริ่มหิว สายตาก็เลยไปเจอะเข้ากับร้าน Old Chang kee เป็นร้านขายอาหารทอด มีตั้งแต่ลูกชิ้น นักเก็ต ไก่ หรือแม้แต่กะหรี่พัฟ ก็มี ราคาสบายกระเป๋า เริ่มต้นไม้ล่ะ 1SGD กว่าๆ (เราจัดไปสองอย่างคือนักเก็ตกับกะหรี่พัฟ ราคารวมกัน 3SGD กว่าๆ แต่อิ่มมาก ก็ถือว่าคุ้มนะ) อิ่มแล้วใช่ป่ะ ก็กลับกันเถอะ หนทางของเรายังอีกยาวไกล ๕๕๕๕
เมื่อกลับถึงสถานี Habourfront เราก็ขึ้น MRT ไปลงที่ BayFront ทางออก D เพื่อไปดู Merlion พ่นน้ำที่ใครๆต้องมายลโฉมนาง ซึ่งเราจะผ่านตั้งแต่ Marina bay sand สะพาน Helix ซึ่งเป็นสะพานโค้งคล้ายๆ กับ DNA มีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปด้วย กว่าจะได้ยลโฉมนางก็เดินค่อนข้างไกล ซึ่งผ่าน Esplanade park ... หรือใครที่ไม่อยากผ่านโซนนี้ก็เดินข้ามฟากมาจาก Boat quay ผ่านโรงแรม Fullerton ก็ได้จ้า
ถ่ายรูปกันอิ่มหนำ เราก็ไปหาอะไรกินกันที่ใต้ Singpore flyer ถ้าใครจะขึ้น ราคาอยู่ที่ 29.5SGD นั่งได้ 30 นาทีฮะ แต่เราไม่ขึ้น ฮ่าๆๆ เพราะเคยขึ้นแล้ว เลยเดินหาของกินแทน วันนี้เราจัดข้าวมันไก่หนึ่งจาน และโค้กหนึ่งกระป๋อง สนนราคาที่ 6SGD กว่าๆ ...อิ่มแล้วจ้า ลุงแกให้เยอะดี
กลับกันดีกว่า เดินขาลากมาทั้งวัน ... สำหรับ MRT ที่เราจะนั่งกลับ คือ Esplanade จ้า เดินจาก Singapore flyer ไปเล็กน้อย..
จบแล้วทริปวันที่สอง เหนื่อยและเพลียมาก ตอนแรกว่าจะไปเตร่ๆ แถว Pagoda อีกสักรอบ แต่เห็นจะไม่ไหว คืนนี้ขอนอนยาวๆ พุ่งนี้ตะลุยวันที่ 3 กันต่อ
ทริปนี้ที่สิงคโปร์ Day 2 ตะลุย USS และตามหา Merlion
การไป USS ง่ายมาก เริ่มจากนั่ง MRT ไปลงที่สถานี Habour front ออกทางออก E เข้าห้าง VivoCity ขึ้นไปชั้นสาม เพื่อไปซื้อตั๋ว Sentosa Express ซึ่งเป็นรถไฟรางที่เป็นทางเชื่อมระหว่างVivocity กับเกาะ Sentosa สนนราคาตั๋วอยู่ที่ 4SGD จ้า นั่งรถไฟนี่จะเห็นทัศนียภาพของปากแม่น้ำสิงคโปร์เลยนะ เห็นเรือบรรทุกสินค้าจอดเรียงกันมากมาย ส่วนอีกฝั่งก็จะเป็นเกาะ Sentosa สำหรับใครที่ไม่อยากนั่งรถไฟ ที่นี่เขามีทางให้เดินด้วยจ้าราคาค่าผ่านทางคนละ 1SGD ได้ชมทัศนียภาพสวยๆงามๆ แต่เดินไกลพอสมควรอยู่นะ ฮี่ๆๆ
ก่อนที่เราจะจับรถไฟไปตะลุย USS ก็หาอะไรรองท้องก่อน ที่ชั้น 3 ของ VivoCity จะมี FoodRepublic เป็นศูนย์อาหารที่มีอาหารอยู่หลายเชื้อชาติ เช้านี้เราเลยจัดข้าวหน้าหมูกรอบมา 1 set กับน้ำเปล่าอีก 1 ขวด อาหารเช้าวันนี้สนนราคาอยู่ที่ 5.5SGD ส่วนอิเพื่อนก็จัดการข้าวหมูแดง ราคาเท่ากันฮะ ศูนย์อาหารในประเทศสิงคโปร์ทุกที่จะเป็น Self service นะ (รสชาติอาหารค่อนข้างพึงพอใจ มีน้ำจิ้มเปรี้ยวๆเผ็ดๆแกล้มด้วย แต่ให้น้อยง่ะ)
สำหรับ USS จะมีตั๋วให้เลือก 2 แบบ คือธรรมดาและ express (อันนี้จะไปเล่นอะไรก็ได้เข้าก่อนพวก แต่แพงหูดับ) สำหรับค่าตั๋วธรรมดาอยู่ที่ราคา 74 SGD ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,700฿ (ใครที่ไม่อยากต่อคิวก็ซื้อตามเว็บไซต์มาก่อนจะได้ไม่เสียเวลา แต่ดีว่าวันที่ไปเป็นช่วง non peak คนเลยไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็ต่อคิวนานอยู่ดี ๕๕๕) เมื่อซื้อบัตรเรียบร้อยก็เข้า USS กันเลย พนักงานที่นี่น่ารักเป็นกันเอง แถมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ด้วย
เข้ามาใน USS เราก็จะเจอโซน Hollywood เป็นโซนแรก โซนนี่จะไม่มีเครื่องเล่นเพราะส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าขายของฝากซะมากกว่า เดินไปอีกหน่อย ก็จะเจอโซน Newyork โซนนี้เด็กๆน่าจะชอบเพราะรวมเอาการ์ตูนหลายๆเรื่องมาทำเป็นเครื่องเล่น
ส่วนเราเริ่มที่โซน Sci-fi ที่แรกที่ไปคือ Transformer ภายในนี้เราเหมือนอยู่ในฐานปฏิบัติการ จะมีตู้กระจกที่บรรจุ Cube หน้าจอคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นของที่นี่เป็น 3D จ่ะ ต้องใส่แว่นตาด้วยนะ สำหรับการเล่น เขาก็จะให้เรานั่งอยู่บนรถรางซึ่งจำลองเป็น Autobot ต่อคิวค่อนข้างยาวนะ แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะจัดไปตามกรุ๊ปที่เราไป แต่ถ้าที่นั่งไหนว่าง แล้วมาแค่ 2/3 คนก็อาจจะได้สิทธิ์นั้นไปก่อนเหมือนเรา ฮี่ๆๆ ได้ที่นั่งแล้วก็เตรียมความพร้อม แล้วตะลุยกันเลย ..... (ไม่ขอบรรยายการเล่นเพื่ออรรถรสสำหรับใครที่จะไปลิ้มลอง แต่บอกได้คำเดียวว่า มันส์มากกกกกกกกก)
ออกจาก Transformer ก็ไปต่อกันที่ Battlestar Gallactica ซึ่งเป็นรถไฟเหาะที่มันส์สุดเหวี่ยง สามารถเลือกได้ว่าจะนั่ง Human (เป็นรถราง) หรือ Cyloon (เป็นเก้าอี้) แต่เสียดายอย่างยิ่ง ช่วงที่เราไปนั้น เขาปิดซ่อม เซงมากกกกก อุตส่าห์ว่าจะนั่ง Cyloon ซะหน่อย เพราะเคยนั่ง Human มาแล้ว หึหึหึ บอกได้แค่ว่าเมื่อเล่นเสร็จคุณจะเรียกร้องหายาดมกันแทบไม่ทัน
ในเมื่อเล่นไม่ได้ ก็เดินน่าต่อเข้าไปหาอารยธรรมอันเก่าแก่ อย่าง โซน Acient Egypt : Revenge of the mummy โซนนี้เขาสร้างแบบสถาปัตยกรรมอิยิปต์โบราณเลยนะ เหมาะแก่การถ่ายรูปมาก ที่สำคัญ เขาจะมีตัว มาสคอตที่แต่งเป็นเทพอนูบิส (เทพหมาใน) มาคอยแกล้งเราด้วย
ในโซนนี้เราต้องเอากระเป๋าไปเก็บซึ่งจะมีโซน locker ไว้ให้เช่า ประมาณ 1 ชม.นีแหละ ตัว locker จะเป็นระบบคอมพิวเตอร์โดยใส่รหัสเข้าที่ตู้แล้ว locker จะเป็นให้เราโดยอัตโนมัติ (ไม่มีกุญแจ) ซึ่งเท่าที่ดู ปลอดภัยมาก เมื่อเก็บของเสร็จเราก็ไปตะลุยแดนมัมมี่กันเลย ที่นี่เขาจะให้เรานั่งรถไฟรางเผชิญหน้ากับความมืด ซึ่งมีอะไรที่ตื่นเต้นรอคุณอยู่ .. (อากาศเย็นนะ หาเสื้อใส่สักตัวจะดี)
เผชิญหน้ากับความมืดในแดนอิยิปต์เสร็จ เราก็จะเข้าสู่ Lost world ที่นี่จะมีไดโนเสาร์เต่าล้านปีมาให้คุณหนูๆได้ชม หรือถ้าเป็นผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็นั่งรถไฟเหาะแบบห้อยขาก็ได้แต่บอกเลยว่าคิวยาวเหยียด เราทั้งคู่เลยเลือกที่จะเล่น Rapids Aventure เป็นการล่องเรือเข้าไปในศูนย์จำลอง (สนุกฮะ แต่เปียก)
หลุดจาก Lost world ก็จะมาเจอดินแดนในโลกแอนิเมชั่นอย่าง Shrek ที่คุณหนูๆชื่นชอบ ใน Far far away
ในโซนนี้เราเล่นแค่ Enchanted Airway เป็นรถไฟเหาะขนาดย่อมที่ความเสียวไม่ย่อมเลย
ออกจาก Far far away ก็ไปตะลุยเกาะ Madaguscar ไปหา King Julien ด้วยเครื่องเล่น A Created adventure เป็นการล่องเรือเข้าไปในเกาะ ก็ตื่นตาตื่นใจไปอีกแบบ (ไม่เปียกจ่ะ) ที่นี่เขาห้ามถ่ายรูปนะคะ นอกจากล่องเรือเข้าเกาะแล้ว ยังมีม้าหมุนกินบรรยากาศวัยละอ่อนให้เล่นอีกด้วย ...
เหนื่อยฮะ .... ถึงจะเล่นไม่ครบทุกอัน เพราะไม่ได้เข้าไป water world เนื่องจากกลัวเปียก แต่ก็ให้ความมันส์จนหอบกันเลยทีเดียว ...
เมื่อตะลุย USS เสร็จ แล้วก็ต่อรถไฟรางไปหา Merlion ตัวใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ซึ่งตั้งอยู่สถานี Imbiah โดย merlion ตัวนี้สูงถึง 37ม. ที่ปากของเจ้าMerlion เป็นจุดชมวิวค่ะ ซึ่งค่าขึ้นไปข้างบนนั้นก็ 8SGD สำหรับผู้ใหญ่ ส่วนเด็กก็ 5SGD
พอยลเจ้า Merlion ยักษ์จบ เราก็ต่อรถไฟไปที่สถานี Beach ที่นี่เขามีชายหาดที่ทำขึ้นเอง จำไม่ได้ว่ามีกี่หาด แต่เราไปหา Palawan beach ที่นี่มี Port of The lost wonder เป็นสวนน้ำขนาดย่อม ค่าเข้าแพงเอาเรือง แต่อยู่นี่มี free wifi ซึ่งนั่งข้างนอกก็เชื่อมต่อได้ ๕๕๕๕๕๕
หาด Palawan
หลังจากนั่งพักชมชายหน้าและน้ำทะเล(จำลอง) แล้ว เราก็จับรถบัสฟรีเพื่อกลับไปที่สถานีรถไฟ แต่ก่อนที่จะกลับ ก็เริ่มหิว สายตาก็เลยไปเจอะเข้ากับร้าน Old Chang kee เป็นร้านขายอาหารทอด มีตั้งแต่ลูกชิ้น นักเก็ต ไก่ หรือแม้แต่กะหรี่พัฟ ก็มี ราคาสบายกระเป๋า เริ่มต้นไม้ล่ะ 1SGD กว่าๆ (เราจัดไปสองอย่างคือนักเก็ตกับกะหรี่พัฟ ราคารวมกัน 3SGD กว่าๆ แต่อิ่มมาก ก็ถือว่าคุ้มนะ) อิ่มแล้วใช่ป่ะ ก็กลับกันเถอะ หนทางของเรายังอีกยาวไกล ๕๕๕๕
เมื่อกลับถึงสถานี Habourfront เราก็ขึ้น MRT ไปลงที่ BayFront ทางออก D เพื่อไปดู Merlion พ่นน้ำที่ใครๆต้องมายลโฉมนาง ซึ่งเราจะผ่านตั้งแต่ Marina bay sand สะพาน Helix ซึ่งเป็นสะพานโค้งคล้ายๆ กับ DNA มีจุดชมวิวให้ถ่ายรูปด้วย กว่าจะได้ยลโฉมนางก็เดินค่อนข้างไกล ซึ่งผ่าน Esplanade park ... หรือใครที่ไม่อยากผ่านโซนนี้ก็เดินข้ามฟากมาจาก Boat quay ผ่านโรงแรม Fullerton ก็ได้จ้า
นางอยู่อีกฟากแม่น้ำเบยยยยย
อาคารรูปทรงดอกบัว เป็นอาคารของ Art Science Museum ซึ่งค่าเข้าชมแล้วแต่นิทรรศการ แต่ถ้าใครพักอยู่ที่ Marina bay sands ก็จะได้ส่วนลดพิเศษด้วย
ถ่ายรูปกันอิ่มหนำ เราก็ไปหาอะไรกินกันที่ใต้ Singpore flyer ถ้าใครจะขึ้น ราคาอยู่ที่ 29.5SGD นั่งได้ 30 นาทีฮะ แต่เราไม่ขึ้น ฮ่าๆๆ เพราะเคยขึ้นแล้ว เลยเดินหาของกินแทน วันนี้เราจัดข้าวมันไก่หนึ่งจาน และโค้กหนึ่งกระป๋อง สนนราคาที่ 6SGD กว่าๆ ...อิ่มแล้วจ้า ลุงแกให้เยอะดี
กลับกันดีกว่า เดินขาลากมาทั้งวัน ... สำหรับ MRT ที่เราจะนั่งกลับ คือ Esplanade จ้า เดินจาก Singapore flyer ไปเล็กน้อย..
จบแล้วทริปวันที่สอง เหนื่อยและเพลียมาก ตอนแรกว่าจะไปเตร่ๆ แถว Pagoda อีกสักรอบ แต่เห็นจะไม่ไหว คืนนี้ขอนอนยาวๆ พุ่งนี้ตะลุยวันที่ 3 กันต่อ