..การมี idea ที่สามารถทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้จริง กับการมโนไปเรื่อยเปื่อย ..ออกแนวฟุ้งซ่าน..
บางทีมันก็แค่เส้นบางๆ มาคั่นไว้เองนะ..คุณน้อง ..

ลองแยกแยะ "ความฝัน" กับ "ความเป็นจริง" ให้ออกก่อนดีมั้ยคะ ?

พี่ในความเป็นเจ้าของกิจการ ที่อิ๊บป๊อบแป๊บ แผนก Design และ Marketing ไว้ทำเอง ..เข้าใจค่ะ
เพราะขนาดว่ากิจการพี่ run ต่อเนื่องมาเข้าปีที่ 8 ..มีฐานทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว
ทั้ง Agent ที่รอจะช่วยขาย ..ทั้งลูกค้าสายตรง ที่รอซื้อ ..ทีมงานเป็น 100++ ชีวิต
เงินลงทุน ที่มาจากกำไรสะสม , กู้แบงค์ , ไถสามี ฯลฯ ก็พร้อมอยู่ ..

..ติดอย่างเดียว .. คือ งานออเดอร์ที่ลงมาอยู่ในมือแล้วตอนนี้ เยอะจนไม่กล้าทิ้งให้เด็กๆ ดูแลกันเอง เดี๋ยวพลาด
แถมลูกๆ ปิดเทอมอีก .. เลยต้องทำ 2 ตำแหน่งควบ .. ทั้งแม่ ทั้งผู้จัดการ ในเวลาเดียวกัน
แต่ idea งานใหม่ๆ ก็วิ่งพล่านเต็มหัวเลย ..แต่ยังหาเวลาปลีกวิเวก มาทำให้เป็น "รูปธรรม" ไม่ได้
..สิ่งที่ทำได้ คือ ทำใจให้เย็น .. เรียง Priority vs Urgency .. ความสำคัญกับความเร่งด่วน..ให้ดีก่อน

แต่อาจจะเป็นเพราะพี่เกิดมานานหลายขวบปีแล้วมั้ง 555..  เลยคิดต่างจากคนหนุ่มๆ สาวๆ ..วัยรุ่นใจร้อน
..ที่ไม่มีฐานอะไรเลย ..ความรู้ในสิ่งที่คิดจะทำ , ประสบการณ์การทำงาน - ประสบการณ์ชีวิต ,
เงินทุนก็ไม่มี เครดิตก็ไม่ได้สร้างไว้ล่วงหน้า ..
..สิ่งที่มีเต็มเปี่ยม คือ ความฝัน ที่จะหาเงินล้านให้ได้ก่อนอายุ 25 .. ทั้งๆ ที่ต้นทุนชีวิตเท่ากับ 0

ซึ่งพี่ไม่ได้ว่าอะไรนะ .. คนเรามีสิทธิที่จะฝัน ที่จะตั้งความหวัง .. พี่เอง ..ก็มีเช่นกัน ..
แต่เราจะสามารถดำเนินชีวิตให้มีความสุข ไม่เครียด ไม่กดดันจนเกินไป
..หากเรารู้จักตัวเอง..มีการวางแผนที่ดี ..ลงมือทำจริงๆ และเมื่อมีปัญหา-อุปสรรค ก็ค่อยๆ แก้กันไป

พี่ก็เห็นมาเยอะนะ ..เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนรอบตัว ที่เป็นนักฝัน แต่ไม่มี "อิทธิบาท 4" มากพอ
ที่จะทำให้เวลาคิดจะทำอะไรสักอย่าง ให้ประสบความสำเร็จ ..
..หลายคนฝันซะมากมาย ใหญ่โต แต่พอลงทุนทำจริงๆ ก็ทิ้งๆ ขว้างๆ  ..ก็เจ๊งสิ
..บางคนก็ฝันถึง "อิสรภาพทางการเงิน" หรือประเภท "ใช้เงินทำงาน" .. ลงทุนเสร็จ ทิ้งให้ลูกจ้างทำ
ตัวเองไปลั้ลลา .. นั่นก็เจ๊งเหมือนกัน
..บ้างก็อยากเห็นเงินไวๆ ..อะไรที่ลงทุนน้อย ลงแรงน้อย ก็ยิ่งดี เพราะไม่ชอบทำงานหนัก ..
ธุรกิจจะสีเทา สีดำ ..ไม่สน ..ขอให้ได้เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง เป็นอันใช้ได้ .. พวกนี้รวยฉาบฉวย..
เผลอๆ ไม่มีโอกาสได้ใช้เงินด้วยซ้ำ เพราะต้องไปกินข้าวแดงแทน

..ดังนั้น คหสต. ..ถ้าคุณน้อง คิดว่าตัวเองมีสมอง มีไอเดียบรรเจิด
Step ต่อไป คือ การลงมือทำ ให้เป็นรูปธรรม .. โดยเริ่มจากเล็กๆ ก่อน
พี่ก็ไม่รู้นะว่า ไอเดียธุรกิจของคุณเป็นสินค้าประเภทไหน ยังไง ..
แต่เริ่มเล็กๆ ลงทุนน้อยๆ ก่อน ได้มั้ย ..

..อย่างสมมุติอยากเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ มโนไว้แบบแต่งร้านน่ารักๆ ทำหน้าตาเค้กสวยๆ ..
แต่คำนวณแล้ว ทั้งอุปกรณ์ทำขนมอบ ทั้งการแต่งร้าน ค่าเช่าตึก ค่าจ้าลูกจ้าง ..ต้องมีเงิน 7 หลัก..
แต่ในบัญชีมีแค่หลักหมื่น .. คิดแบบนี้ ก็เครียด ก็กลุ้ม ก็ท้อ ..จริงมั้ย ?

..แต่ถ้าตัดเรื่องร้านน่ารักออกไปก่อน .. ลองทำขนมให้มันอร่อย ให้ขายได้ก่อน..ให้มีกำไรก่อน..ให้มีฐานลูกค้า
ให้อ่านตลาดขาดเสียก่อน .. แล้วค่อยๆ ขยับขยาย .. เพราะถึงเวลานั้น อยากจะกู้ ก็มี "เครดิต" หรืออย่างน้อยก็มีผลงานที่ผ่านมา
ให้แบงค์เชื่อถือได้ ..
หรือถ้าเกิดผิดทาง กับที่มโนไว้เป็นตุเป็นตะ ..ก็จะได้ไม่เจ็บตัวมาก .. ไม่ดีกว่าเหรอคะ..

ฝากไว้ลองพิจารณาค่ะ