วัยเป้งง นักเลงขาสั้น ( 2557, กำกับโดย พชร์ ภเสฐ หรือ พจน์ อานนท์)
ขออนุญาตให้คะแนน 4/10
ขอยอมรับตามตรงว่าพอเห็นชื่อผู้กำกับคุณพจน์ อานนท์ และกระทู้ด่าสาปส่งในพันทิปแล้ว แทบจะทำใจไปดูหนังเรื่องนี้ไม่ได้ ทั้งที่เป็นคนที่จะติดตามดูหนังไทยในโรงแทบทุกเรื่อง อาจจะเพราะอยู่ต่างจังหวัด ค่าตั๋วหนังประมาณ 100 บาท ถ้าอยู่ที่กรุงเทพกับค่าตั๋วร่วม 200 บาท และในเมืองที่มีหนังหลายหลากให้เลือกมากกว่า อาจจะไม่ได้ติดตามดูหนังไทยในโรงมากเช่นที่เป็นอยู่
หนังไทยก็คือหนังไทย เรายอมรับข้อจำกัดของมันได้ หลายเรื่องดูแล้วอ่อนเพลียละเหี่ยอารมณ์ แต่มันก็ยังมีเสน่ห์ให้ติดตามด้วยความเป็นหนังของชาติเรา และที่สำคัญทำให้เราได้เรียนรู้และมองเห็นภาพรวมของวงการหนังไทย ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวความรู้อีกรูปแบบหนึ่ง อาจจะไม่มีประโยชน์กับชีวิตมากนัก แต่ในเมื่อเราสนใจวงการนี้ การเรียนรู้ไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี
หนังเรื่อง “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” ของคุณพจน์ อานนท์ มีหลายสิ่งที่ผิดจากที่คิดและจินตนาการไว้ก่อนดู คงเพราะเตรียมตัวมารับชมหนังที่เขาว่ากันว่าเลวร้ายอย่างเต็มที่ แต่... มันกลับเป็นหนังที่ดูเพลินอย่างไม่น่าเชื่อเรื่องหนึ่ง แม้ว่าโดยเนื้อแท้นี่จะไม่ใช่หนังที่ดี แต่กลับมีสิ่งที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมากมาย
โดยรูปแบบการนำเสนอ นี่คือหนังไทยที่เหมือนย้อนกลับไปในยุคหนังไทยกระโปรงบานขาสั้นยังไงยังงั้น ยุคที่หนังวัยรุ่นเฟื่องฟู หนังไทยแนวนี้หลายต่อหลายเรื่องในยุคนั้นไม่ได้มีบทที่ดีอะไรเลย แต่สมัยนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ตที่ทำให้ผู้คนสามารถวิจารณ์ได้อย่างกว้างขวาง ก็เหมือนคนยังดูกันตามมีตามเกิด จนเมื่อหนังแนวนี้ถึงจุดอิ่มตัว ทั้งหนังฮอลลีวูดก็เข้ามามีบทบาทเป็นที่นิยมในเมืองไทยมากขึ้น การที่มีวิดีโอ VHS เกิดขึ้น เวลานั้น ภาพยนตร์ไทยก็ถึงยุคตกต่ำและเสื่อมความนิยม
จากยุคตกต่ำในเวลานั้น ดำเนินเรื่อยมา ถึงช่วงฟื้นฟู ช่วงรุ่งเรือง ช่วงโกอินเตอร์ จนเมื่อปีที่แล้วนี้เองกับความสำเร็จทางรายได้อย่างมหาศาลของหนังไทยเรื่องพี่มากพระโขนง แต่ดูเหมือนในปี 2557 นี้ มีบรรยากาศบางอย่างเกิดขึ้น คล้ายเป็นช่วงที่ซบเซาเหมือนวงการหนังไทยไม่รู้จะเดินหน้าต่อไปยังไงดี
ในช่วงเวลาเช่นนี้ การที่มีหนังอย่าง “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” เกิดขึ้น ดูมีความหมายบางอย่าง
เพราะหนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกประหลาดเมื่อได้ดู เหมือนกลับไปสู่ยุค 80-90
หนังเรื่อง “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” เป็นหนังไทยที่ดูแปลกตามากๆ ด้วยภาพ วิธีการกำกับ การดำเนินเรื่อง เป็นรูปแบบหนังไทยสมัยเก่าที่ไม่มีจริตภาษาหนังสมัยใหม่อย่างหนังไทยยุคปัจจุบัน เป็นหนังที่ซื่อๆง่ายๆดูกันแบบบ้านๆ แต่งานด้านภาพ มุมกล้อง งานโปรดักชั่นต้องถือว่าดูดีพอสมควร ไม่ได้มีสภาพเป็นหนังแผ่นเหมือนหนังไทยบางเรื่อง โลเคชั่นสวยแปลกตา ที่น่าสนใจคือนอกจากความเป็นหนังวัยรุ่นแบบเก่าที่ดูได้แบบเพลินๆ ด้วยคาแรคเตอร์ตัวละครและความตลกสนุกสนาน ในส่วนของดราม่า มีวิธีการกำกับที่มีสไตล์ชัดเจนเป็นเมโลดราม่าดั้งเดิมที่มีเสน่ห์ (เช่นเดียวกับที่คุณพจน์เคยกำกับในเรื่อง Bangkok Love Story) ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าคุณพจน์กำกับหนังได้ดูสนุก เป็นหนังเพื่อความบันเทิง แม้ว่าหลายคนที่คิดมากจะไม่บันเทิงและเสียอารมณ์แทน คนที่มีส่วนทำให้หนังเรื่องนี้ดูดีขึ้นคือ คุณเมย์ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล (หรือเธอจะถูกชะตากับคุณพจน์ซะแล้ว หลังจากที่เคยเล่นเรื่อง ม.6/5 ปากหมาท้าผี) นักแสดงวัยรุ่นคนอื่นๆก็แสดงได้ไม่ขัดตาอะไร จริงๆแล้ว คุณพจน์มีวิธีการกำกับนักแสดงและอารมณ์ดราม่าได้ดีและน่าสนใจ ถ้าเราจะเข้าใจใน “รูปแบบโบราณ” นี้ เพียงแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับหนังไทยเรื่องนี้ก็คือปัญหาเดิมๆที่ไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆนั่นคือ “บทภาพยนตร์”
โดยส่วนตัวรู้สึกแปลกใจตัวเองที่ร่วงโรยเป็นวัยป้างงแล้วแต่ดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างเพลินๆไม่หงุดหงิดใจมาก อาจจะเพราะชอบหนังที่มีลักษณะแบบเด็กๆและไร้ตรรกะอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ดูแล้วสบายตากว่าหนังที่พยายามอวดฉลาดแต่เรากลับรู้ทันซะก่อน แต่ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่าเป็นหนังที่สะเปะสะปะ ไม่มีทิศทาง หากก็ไม่คิดว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นพิษเป็นภัยอะไรมากนัก (รวมทั้งไม่คิดว่ามันคือหายนะของหนังไทยขนาดนั้น) อาจจะมีฉากล่อแหลมอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็เหมือนหนังวัยรุ่นผสมเมโลดราม่าธรรมดาๆเรื่องหนึ่ง มีการสะท้อนสังคมและคติเตือนใจ แม้ว่ามันจะเป็นไปด้วยความทื่อและเชยมากๆก็ตาม
หนังเรื่อง “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” อาจดูอ่อนด้อยทางศิลปะ แต่มันก็คือหนังตลาดเรื่องหนึ่ง ถ้าเรามองอย่างเป็นธรรม หนังฮอลลีวูดหลายเรื่องที่เราดูในโรงก็ทำให้เราหงุดหงิดผิดหวังเช่นกัน ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะช่วยกันติชมเพื่อผลักดันให้หนังไทยมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ขอเพียงงดสิ่งที่เรียกว่า Hate Speech เพื่อความสะใจลงบ้างก็น่าจะดี
ส่วนคุณ “ พจน์ อานนท์” ฉันมองว่าเขาเป็นผู้กำกับที่มีส่วนดีในตัวอยู่ ถ้าจะมีใครเขียนบทดีๆให้เขา (บทภาพยนตร์คือปัญหาหลักของหนังไทยทุกวันนี้ ไม่เฉพาะหนังของคุณพจน์) แม้ว่าผลงานโดยรวมที่ผ่านมาจะไม่น่าจดจำในเชิงคุณภาพเท่าไหร่นัก แต่เขาคือผู้กำกับที่น่าศึกษา ถ้าเราคิดจะศึกษา ก็มีหลายแง่มุม เช่น ทำไมเขาจึงเป็นผู้กำกับหนังไทยรุ่นเก่าหนึ่งในไม่กี่คนที่มีผลงานอย่างต่อเนื่องและอยู่รอดได้จนทุกวันนี้
บางครั้ง “แรงบันดาลใจ” อาจไม่ได้มาจากงานชิ้นมาสเตอร์พีซเสมอไป แต่แรงบันดาลใจมาจากการที่เราเห็นคนๆหนึ่งทำงานตลอดเวลา ทำในสิ่งที่เขาเชื่อที่เขารู้สึก แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะดูถูกเหยียดหยามก็ตาม
สำหรับฉัน หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่ดีในความหมายของศิลปะภาพยนตร์ แต่การดูหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ประสบการณ์ที่เลวร้าย ฉันได้เห็นสิ่งที่น่าสนใจ และได้คิดอะไรมากมายเกี่ยวกับวงการหนังไทย
[CR] วัยเป้งง นักเลงขาสั้น : หนังไทยปี 2557 ที่ย้อนกลับไปในยุคกระโปรงบานขาสั้น และเมโลดราม่าสมัยเก่า
ขออนุญาตให้คะแนน 4/10
ขอยอมรับตามตรงว่าพอเห็นชื่อผู้กำกับคุณพจน์ อานนท์ และกระทู้ด่าสาปส่งในพันทิปแล้ว แทบจะทำใจไปดูหนังเรื่องนี้ไม่ได้ ทั้งที่เป็นคนที่จะติดตามดูหนังไทยในโรงแทบทุกเรื่อง อาจจะเพราะอยู่ต่างจังหวัด ค่าตั๋วหนังประมาณ 100 บาท ถ้าอยู่ที่กรุงเทพกับค่าตั๋วร่วม 200 บาท และในเมืองที่มีหนังหลายหลากให้เลือกมากกว่า อาจจะไม่ได้ติดตามดูหนังไทยในโรงมากเช่นที่เป็นอยู่
หนังไทยก็คือหนังไทย เรายอมรับข้อจำกัดของมันได้ หลายเรื่องดูแล้วอ่อนเพลียละเหี่ยอารมณ์ แต่มันก็ยังมีเสน่ห์ให้ติดตามด้วยความเป็นหนังของชาติเรา และที่สำคัญทำให้เราได้เรียนรู้และมองเห็นภาพรวมของวงการหนังไทย ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวความรู้อีกรูปแบบหนึ่ง อาจจะไม่มีประโยชน์กับชีวิตมากนัก แต่ในเมื่อเราสนใจวงการนี้ การเรียนรู้ไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี
หนังเรื่อง “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” ของคุณพจน์ อานนท์ มีหลายสิ่งที่ผิดจากที่คิดและจินตนาการไว้ก่อนดู คงเพราะเตรียมตัวมารับชมหนังที่เขาว่ากันว่าเลวร้ายอย่างเต็มที่ แต่... มันกลับเป็นหนังที่ดูเพลินอย่างไม่น่าเชื่อเรื่องหนึ่ง แม้ว่าโดยเนื้อแท้นี่จะไม่ใช่หนังที่ดี แต่กลับมีสิ่งที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมากมาย
โดยรูปแบบการนำเสนอ นี่คือหนังไทยที่เหมือนย้อนกลับไปในยุคหนังไทยกระโปรงบานขาสั้นยังไงยังงั้น ยุคที่หนังวัยรุ่นเฟื่องฟู หนังไทยแนวนี้หลายต่อหลายเรื่องในยุคนั้นไม่ได้มีบทที่ดีอะไรเลย แต่สมัยนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ตที่ทำให้ผู้คนสามารถวิจารณ์ได้อย่างกว้างขวาง ก็เหมือนคนยังดูกันตามมีตามเกิด จนเมื่อหนังแนวนี้ถึงจุดอิ่มตัว ทั้งหนังฮอลลีวูดก็เข้ามามีบทบาทเป็นที่นิยมในเมืองไทยมากขึ้น การที่มีวิดีโอ VHS เกิดขึ้น เวลานั้น ภาพยนตร์ไทยก็ถึงยุคตกต่ำและเสื่อมความนิยม
จากยุคตกต่ำในเวลานั้น ดำเนินเรื่อยมา ถึงช่วงฟื้นฟู ช่วงรุ่งเรือง ช่วงโกอินเตอร์ จนเมื่อปีที่แล้วนี้เองกับความสำเร็จทางรายได้อย่างมหาศาลของหนังไทยเรื่องพี่มากพระโขนง แต่ดูเหมือนในปี 2557 นี้ มีบรรยากาศบางอย่างเกิดขึ้น คล้ายเป็นช่วงที่ซบเซาเหมือนวงการหนังไทยไม่รู้จะเดินหน้าต่อไปยังไงดี
ในช่วงเวลาเช่นนี้ การที่มีหนังอย่าง “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” เกิดขึ้น ดูมีความหมายบางอย่าง
เพราะหนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกประหลาดเมื่อได้ดู เหมือนกลับไปสู่ยุค 80-90
หนังเรื่อง “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” เป็นหนังไทยที่ดูแปลกตามากๆ ด้วยภาพ วิธีการกำกับ การดำเนินเรื่อง เป็นรูปแบบหนังไทยสมัยเก่าที่ไม่มีจริตภาษาหนังสมัยใหม่อย่างหนังไทยยุคปัจจุบัน เป็นหนังที่ซื่อๆง่ายๆดูกันแบบบ้านๆ แต่งานด้านภาพ มุมกล้อง งานโปรดักชั่นต้องถือว่าดูดีพอสมควร ไม่ได้มีสภาพเป็นหนังแผ่นเหมือนหนังไทยบางเรื่อง โลเคชั่นสวยแปลกตา ที่น่าสนใจคือนอกจากความเป็นหนังวัยรุ่นแบบเก่าที่ดูได้แบบเพลินๆ ด้วยคาแรคเตอร์ตัวละครและความตลกสนุกสนาน ในส่วนของดราม่า มีวิธีการกำกับที่มีสไตล์ชัดเจนเป็นเมโลดราม่าดั้งเดิมที่มีเสน่ห์ (เช่นเดียวกับที่คุณพจน์เคยกำกับในเรื่อง Bangkok Love Story) ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าคุณพจน์กำกับหนังได้ดูสนุก เป็นหนังเพื่อความบันเทิง แม้ว่าหลายคนที่คิดมากจะไม่บันเทิงและเสียอารมณ์แทน คนที่มีส่วนทำให้หนังเรื่องนี้ดูดีขึ้นคือ คุณเมย์ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล (หรือเธอจะถูกชะตากับคุณพจน์ซะแล้ว หลังจากที่เคยเล่นเรื่อง ม.6/5 ปากหมาท้าผี) นักแสดงวัยรุ่นคนอื่นๆก็แสดงได้ไม่ขัดตาอะไร จริงๆแล้ว คุณพจน์มีวิธีการกำกับนักแสดงและอารมณ์ดราม่าได้ดีและน่าสนใจ ถ้าเราจะเข้าใจใน “รูปแบบโบราณ” นี้ เพียงแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับหนังไทยเรื่องนี้ก็คือปัญหาเดิมๆที่ไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆนั่นคือ “บทภาพยนตร์”
โดยส่วนตัวรู้สึกแปลกใจตัวเองที่ร่วงโรยเป็นวัยป้างงแล้วแต่ดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างเพลินๆไม่หงุดหงิดใจมาก อาจจะเพราะชอบหนังที่มีลักษณะแบบเด็กๆและไร้ตรรกะอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ดูแล้วสบายตากว่าหนังที่พยายามอวดฉลาดแต่เรากลับรู้ทันซะก่อน แต่ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่าเป็นหนังที่สะเปะสะปะ ไม่มีทิศทาง หากก็ไม่คิดว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นพิษเป็นภัยอะไรมากนัก (รวมทั้งไม่คิดว่ามันคือหายนะของหนังไทยขนาดนั้น) อาจจะมีฉากล่อแหลมอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็เหมือนหนังวัยรุ่นผสมเมโลดราม่าธรรมดาๆเรื่องหนึ่ง มีการสะท้อนสังคมและคติเตือนใจ แม้ว่ามันจะเป็นไปด้วยความทื่อและเชยมากๆก็ตาม
หนังเรื่อง “วัยเป้งง นักเลงขาสั้น” อาจดูอ่อนด้อยทางศิลปะ แต่มันก็คือหนังตลาดเรื่องหนึ่ง ถ้าเรามองอย่างเป็นธรรม หนังฮอลลีวูดหลายเรื่องที่เราดูในโรงก็ทำให้เราหงุดหงิดผิดหวังเช่นกัน ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะช่วยกันติชมเพื่อผลักดันให้หนังไทยมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ขอเพียงงดสิ่งที่เรียกว่า Hate Speech เพื่อความสะใจลงบ้างก็น่าจะดี
ส่วนคุณ “ พจน์ อานนท์” ฉันมองว่าเขาเป็นผู้กำกับที่มีส่วนดีในตัวอยู่ ถ้าจะมีใครเขียนบทดีๆให้เขา (บทภาพยนตร์คือปัญหาหลักของหนังไทยทุกวันนี้ ไม่เฉพาะหนังของคุณพจน์) แม้ว่าผลงานโดยรวมที่ผ่านมาจะไม่น่าจดจำในเชิงคุณภาพเท่าไหร่นัก แต่เขาคือผู้กำกับที่น่าศึกษา ถ้าเราคิดจะศึกษา ก็มีหลายแง่มุม เช่น ทำไมเขาจึงเป็นผู้กำกับหนังไทยรุ่นเก่าหนึ่งในไม่กี่คนที่มีผลงานอย่างต่อเนื่องและอยู่รอดได้จนทุกวันนี้
บางครั้ง “แรงบันดาลใจ” อาจไม่ได้มาจากงานชิ้นมาสเตอร์พีซเสมอไป แต่แรงบันดาลใจมาจากการที่เราเห็นคนๆหนึ่งทำงานตลอดเวลา ทำในสิ่งที่เขาเชื่อที่เขารู้สึก แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะดูถูกเหยียดหยามก็ตาม
สำหรับฉัน หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่ดีในความหมายของศิลปะภาพยนตร์ แต่การดูหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ประสบการณ์ที่เลวร้าย ฉันได้เห็นสิ่งที่น่าสนใจ และได้คิดอะไรมากมายเกี่ยวกับวงการหนังไทย