สวัสดีครับ ผมมาเขียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ
อันนี้คือในส่วนความคิดเห็นของผมนะครับ ย้ำ ของผมเอง และนี้ก็เหมือนเป็นบทความแรก เขียนผิดเขียนถูกขออภัยด้วยนะครับ
ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นเด็กปีพ.ศ. 2535 นะครับ ในความคิดผมปัจจุบัน เทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดด้วยความเร็วที่เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ การสื่อสาร การรับชมและรับฟังข่าวสารสามารถทำได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ พิมพ์อะไรลงไปในสื่ออินเตอร์เน็ต หรือ Social Network สิ่งๆนั้นแพร่หลายออกไปอย่างทันทีทันใด สำหรับผม มันก็มีข้อดีหลาย ๆ อย่างอยู่ในตัว และในขณะเดียวกัน มันก็มีข้อเสียไม่น้อยไปกว่ากัน
ข้อดีหลาย ๆ อย่างที่เทคโนโลยีได้ช่วยเรามากขึ้น จากการทำธุรกิจ การเรียน การศึกษา การแบ่งปัน การป้องกัน การหาความรู้ ถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว เพียงปลายนิ้ว "จิ้ม" หรือ "คลิก" หากเราใช้อย่างมีประโยชน์มันก็เป็นสิ่งที่ดี และเพิ่มพูนความรู้รอบตัวให้แก่เรา ยกตัวอย่างเช่น นักธุรกิจทำรายได้มหาศาลจากการขายของผ่านอินเตอร์เน็ต , ตำรวจจับคนร้ายได้อย่างง่ายดายด้วย FB , นักศึกษาส่งงานผ่าน FB,Email โดยไม่ต้องเสียเวลาหรือกระดาษปริ้นผิดปริ้นถูกก่อนส่ง , ประชาชนรู้เท่าถึงการณ์ในเหตุการณ์ต่าง ๆ เร็วยิ่งกว่า Real-Time ฯลฯ
*แต่ว่าหากเราใช้ผิดหละ*
ข้อเสียอีกหลาย ๆ ข้อจะตามมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน การแชร์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การฉ้อโกง มิจฉาชีพ การเสียความเป็นส่วนตัว เสียสุขภาพ เสียรอยยิ้มที่ควรจะยิ้มบนใบหน้าแต่ดันไปยิ้มในสถานะโซเซียลเน็ตเวิร์ค และที่สำคัญ เสียความรู้สึกที่ึควรจะถ่ายทอดออกมาทางกริยา หรือคำพูด แต่ดันถ่ายทอดออกมาทางสถานะโทรศัพท์ สิ่งร้าย ๆ ที่อาจเกิดได้กับเรา ยกตัวอย่างเช่น ถูกตุ๋นผ่านอินเตอร์เน็ต , มิจฉาชีพใช้โอกาสของการแบ่งปันหรือแชร์สถานะของเรามาทำร้ายเราเอง ฯลฯ แต่สำหรับผมสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมันก็คือ การเสพติดมัน
ผมอ่านวิจัยของ InsightExpress บริษัทผู้วิจัยตลาดในสหรัฐฯ ที่ศึกษาพฤติกรรมของการใช้สมาร์ทโฟนในปัจจุบันของมนุษย์ เห็นแล้วก็ตกใจทีเดียว ในบทความกล่าวไว้ว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนไทยติดสมาร์ทโฟน 98% และขาดไม่ได้ ... สมาร์ทโฟนได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน เราอ่านมันแทนหนังสือพิมพ์รายวัน สามารถเช็คอีเมล์ หรือติดตามความเคลื่อนไหวทั้งของเพื่อน บุคคลสำคัญ และดารางนักแสดงได้ผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค พฤติกรรมเหล่านี้แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันที่แม้แต่คนไทยก็ขาด มันไม่ได้เสียแล้ว
พฤติกรรมของการใช้สมาร์ทโฟนในปัจจุบันถูกสำรวจโดย InsightExpress บริษัทผู้วิจัยตลาดในสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากบริษัท Cisco เพื่อเก็บข้อมูล แบ่งออกเป็นสองส่วนได้แก่
1. การสำรวจความคิดเห็นของนักศึกษาและคนทำงานตั้งแต่อายุ 18-30 ปี
2. การสำรวจความคิดเห็นของบุคลากรฝ่ายไอทีในอุตสากหรรมต่างๆรวมทั้งสิ้น 3,600 คนใน 18 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย
ผลการสำรวจในต่างประเทศชี้ให้เห็น ว่าวัยรุ่นยุคใหม่หรือที่เรียกกันว่า คนรุ่น Gen Y มีการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อดูอัพเดตข่าวคราวในอีเมล์ ข้อความ และโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค "ก่อนจะลุกจากเตียง" สูงถึง 90% ขณะที่ประเทศไทยมีอัตราสูงถึง 98% โดยความเห็นของของวัยรุ่นส่วนหนึ่งระบุว่าหากไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนก็เหมือนกับว่า "รู้สึกกระวนกระวาย เหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต"
นอกจากผลสำรวจเรื่องการใช้สมาร์ทโฟนก่อนลุกจากเตียงแล้ว ยังมีผลสำรวจในประเทศไทยที่น่าสนใจแบ่งย่อยออกไปอีกดังนี้
- ในวัยรุ่นไทย 9 ใน 10 คนระบุว่าใน 1 วัน พวกเขาเช็คสมาร์ทโฟนนับครั้งไม่ถ้วน
- 91% ของผู้ตอบแบบสอบถามจะ "รู้สึกกระวนกระวาย เหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต" หากไม่เช็คสมาร์ทโฟน
- 100% ของผู้ตอบแบบสอบถามเช็คสมาร์ทโฟนบนเตียงนอน
- 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้สมาร์ทโฟนในห้องน้ำ
- 98% ของผู้ตอบแบบสอบถามใช้สมาร์ทโฟนเพื่อส่งข้อความ เช็คอีเมล์ หรือโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คก่อนและหลังระหว่างรับประทานอาหาร
- 100% ในวัยรุ่นชี้ว่าแอพพลิเคชั่นบนมือถือมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิต
- 98% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบว่าตนเองใช้เวลาในการติดต่อกับเพื่อนผ่านโลกออนไลน์ มากกว่าการพูดคุยเป็นการส่วนตัว
- 9 ใน 10 ของวัยรุ่นมีการตอบแบบสอบถามและสั่งซื้อสินค้าออนไลน์
- 87% ของผู้ตอบแบบสอบถามออนไลน์เฟสบุคตลอดเวลา
- 97% ของผู้ตอบแบบสอบถามอัพเดตสถานะเฟสบุคอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
เห็น ผลสำรวจนี้แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าอัตราการใช้สมาร์ทโฟนของคนไทยจะสูงได้ขนาด นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเช็คข่าวสาร การเปิดหน้าเฟสบุค การเล่น Instagram เป็นต้น ซึ่งภาพที่เราเห็นทุกวันนี้ไม่ว่าจะทานข้าว ก่อน-หลังทำกิจกรรมต่างๆ หรือก่อนจะเข้านอน สมาร์ทโฟนล้วนแต่ติดอยู่ในมือแทบจะทั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นภาพที่ชินตาไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตามการใช้สมาร์ทโฟนนั้นหากใช้ในทางที่ถูกต้องและพอควรก็สามารถ สร้างประโยชน์ให้กับเราได้มาก แต่หากใช้มันมากเกินไปหรือใช้จนแทบจะละสายตาจากมันไม่ได้ล่ะก็ สมาร์ทโฟนก็สามารถให้โทษที่มีราคาแพงได้มากกว่าราคาของตัวมันเองเสียอีก
เครดิต http://www.thailandonlinefocus.com/focus/news/586/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89
ผมมีน้องชายวัย 7 ขวบคนนึง วัน ๆ นึงน้องผมไม่ทำอะไรนอกจาก เล่นเกมในโทรศัพท์ หรือ ดู youtube ในคอมพิวเตอร์ ทั้งวัน *ต้องบอกเลยครับว่าทั้งวัน ถ้าผมไม่บอกให้เลิก โดยเฉพาะดูพวกเกมส์ในยูทูปที่มีการเล่นแบบรีวิว หรือ Walkthrough โดยคนไทยด้วยกันนี้แหละ และคนที่รีวิวส่วนใหญ่เวลาเล่นก็จะบ่น ๆ และ ด่าหยาบ ๆ เนี่ยแหละครับ ผมไม่มีทางป้องกันหรือควบคุมให้เขาเล่นไม่ได้หรอกครับ ต้องยอมรับว่า ถ้าไม่ให้เขาเล่นก็ไม่รู้จะให้เขาทำอะไร เพราะเด็กอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบเดียวกันหมด ซึ่งมันแปลกที่ตอนเราเด็ก ๆ เราเล่นแต่ ดีดลูกแก้ว กับปั้นดินน้ำมัน ฮ่า ๆ
ไม่นานมานี้มีโฆษณา ๆ ตัวนึงใน youtube ผมไม่แน่ใจว่าใช่โฆษณาหรือเปล่า ทางต่างประเทศเขาทำออกมาผมชอบมากเลยครับ ทำออกมาเปรียบเทียบระหว่างการมีโทรศัพท์ กับการไม่พกโทรศัพท์ ในโฆษณาก็จะเป็นผู้ชายเดินออกจากบ้าน ก้มหน้าดูแผนที่ในโทรศัพท์และเดินผ่านผู้หญิงคนหนึ่งไปเฉย ๆ
ส่วนในตอนหลังก็จะเป็นชายคนเดียวกันแต่วางโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน แล้วถามทางจากผู้หญิงคนนั้นจนได้รักกันและมีลูกกันจนแก่ แต่ผมหาไม่เจอ T^T ใครพอจะนึกออกแปะทีนะครับ ผมพอจะนึกออกว่าเคยลง youlike โดยชื่อคลิป สังคมก้มหน้า เนี่ยละมั้งครับ
อะไร ๆ เปลี่ยนไปด้วยความไวจริง ๆ นะผมว่า หนุ่มสาว รู้จักกันอย่างรวดเร็วด้วยการแชท ความสัมพันธ์ก่อตัวอย่างรวดเร็วภายในจอ ไม่ใช่การสื่อสารด้วยปากหรือการมอง ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยเสียงที่ทำให้คุณหันไปว่า "สวัสดีครับ" แต่เริ่มต้นด้วยการมองช่องแชทว่า "ทักนะ" แทน
ต้องขอจบเพียงเท่านี้ เพราะคอมผมช้าอย่างกับอีแก่เลยครับ ฮ่า ๆ
ขอบพระคุณที่อ่านจนจบครับ
สวัสดีครับ
สังคมก้มหน้า
อันนี้คือในส่วนความคิดเห็นของผมนะครับ ย้ำ ของผมเอง และนี้ก็เหมือนเป็นบทความแรก เขียนผิดเขียนถูกขออภัยด้วยนะครับ
ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นเด็กปีพ.ศ. 2535 นะครับ ในความคิดผมปัจจุบัน เทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดด้วยความเร็วที่เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ การสื่อสาร การรับชมและรับฟังข่าวสารสามารถทำได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ พิมพ์อะไรลงไปในสื่ออินเตอร์เน็ต หรือ Social Network สิ่งๆนั้นแพร่หลายออกไปอย่างทันทีทันใด สำหรับผม มันก็มีข้อดีหลาย ๆ อย่างอยู่ในตัว และในขณะเดียวกัน มันก็มีข้อเสียไม่น้อยไปกว่ากัน
ข้อดีหลาย ๆ อย่างที่เทคโนโลยีได้ช่วยเรามากขึ้น จากการทำธุรกิจ การเรียน การศึกษา การแบ่งปัน การป้องกัน การหาความรู้ ถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว เพียงปลายนิ้ว "จิ้ม" หรือ "คลิก" หากเราใช้อย่างมีประโยชน์มันก็เป็นสิ่งที่ดี และเพิ่มพูนความรู้รอบตัวให้แก่เรา ยกตัวอย่างเช่น นักธุรกิจทำรายได้มหาศาลจากการขายของผ่านอินเตอร์เน็ต , ตำรวจจับคนร้ายได้อย่างง่ายดายด้วย FB , นักศึกษาส่งงานผ่าน FB,Email โดยไม่ต้องเสียเวลาหรือกระดาษปริ้นผิดปริ้นถูกก่อนส่ง , ประชาชนรู้เท่าถึงการณ์ในเหตุการณ์ต่าง ๆ เร็วยิ่งกว่า Real-Time ฯลฯ
*แต่ว่าหากเราใช้ผิดหละ*
ข้อเสียอีกหลาย ๆ ข้อจะตามมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน การแชร์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การฉ้อโกง มิจฉาชีพ การเสียความเป็นส่วนตัว เสียสุขภาพ เสียรอยยิ้มที่ควรจะยิ้มบนใบหน้าแต่ดันไปยิ้มในสถานะโซเซียลเน็ตเวิร์ค และที่สำคัญ เสียความรู้สึกที่ึควรจะถ่ายทอดออกมาทางกริยา หรือคำพูด แต่ดันถ่ายทอดออกมาทางสถานะโทรศัพท์ สิ่งร้าย ๆ ที่อาจเกิดได้กับเรา ยกตัวอย่างเช่น ถูกตุ๋นผ่านอินเตอร์เน็ต , มิจฉาชีพใช้โอกาสของการแบ่งปันหรือแชร์สถานะของเรามาทำร้ายเราเอง ฯลฯ แต่สำหรับผมสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมันก็คือ การเสพติดมัน
ผมอ่านวิจัยของ InsightExpress บริษัทผู้วิจัยตลาดในสหรัฐฯ ที่ศึกษาพฤติกรรมของการใช้สมาร์ทโฟนในปัจจุบันของมนุษย์ เห็นแล้วก็ตกใจทีเดียว ในบทความกล่าวไว้ว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมมีน้องชายวัย 7 ขวบคนนึง วัน ๆ นึงน้องผมไม่ทำอะไรนอกจาก เล่นเกมในโทรศัพท์ หรือ ดู youtube ในคอมพิวเตอร์ ทั้งวัน *ต้องบอกเลยครับว่าทั้งวัน ถ้าผมไม่บอกให้เลิก โดยเฉพาะดูพวกเกมส์ในยูทูปที่มีการเล่นแบบรีวิว หรือ Walkthrough โดยคนไทยด้วยกันนี้แหละ และคนที่รีวิวส่วนใหญ่เวลาเล่นก็จะบ่น ๆ และ ด่าหยาบ ๆ เนี่ยแหละครับ ผมไม่มีทางป้องกันหรือควบคุมให้เขาเล่นไม่ได้หรอกครับ ต้องยอมรับว่า ถ้าไม่ให้เขาเล่นก็ไม่รู้จะให้เขาทำอะไร เพราะเด็กอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบเดียวกันหมด ซึ่งมันแปลกที่ตอนเราเด็ก ๆ เราเล่นแต่ ดีดลูกแก้ว กับปั้นดินน้ำมัน ฮ่า ๆ
ไม่นานมานี้มีโฆษณา ๆ ตัวนึงใน youtube ผมไม่แน่ใจว่าใช่โฆษณาหรือเปล่า ทางต่างประเทศเขาทำออกมาผมชอบมากเลยครับ ทำออกมาเปรียบเทียบระหว่างการมีโทรศัพท์ กับการไม่พกโทรศัพท์ ในโฆษณาก็จะเป็นผู้ชายเดินออกจากบ้าน ก้มหน้าดูแผนที่ในโทรศัพท์และเดินผ่านผู้หญิงคนหนึ่งไปเฉย ๆ
ส่วนในตอนหลังก็จะเป็นชายคนเดียวกันแต่วางโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน แล้วถามทางจากผู้หญิงคนนั้นจนได้รักกันและมีลูกกันจนแก่ แต่ผมหาไม่เจอ T^T ใครพอจะนึกออกแปะทีนะครับ ผมพอจะนึกออกว่าเคยลง youlike โดยชื่อคลิป สังคมก้มหน้า เนี่ยละมั้งครับ
อะไร ๆ เปลี่ยนไปด้วยความไวจริง ๆ นะผมว่า หนุ่มสาว รู้จักกันอย่างรวดเร็วด้วยการแชท ความสัมพันธ์ก่อตัวอย่างรวดเร็วภายในจอ ไม่ใช่การสื่อสารด้วยปากหรือการมอง ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยเสียงที่ทำให้คุณหันไปว่า "สวัสดีครับ" แต่เริ่มต้นด้วยการมองช่องแชทว่า "ทักนะ" แทน
ต้องขอจบเพียงเท่านี้ เพราะคอมผมช้าอย่างกับอีแก่เลยครับ ฮ่า ๆ
ขอบพระคุณที่อ่านจนจบครับ
สวัสดีครับ