ปรึกษาค่ะ ญาติมาขอให้เอาโฉนดที่ดิน ไปค้ำประกันเงินกู้

ขอปรึกษาเรื่องญาติจะกู้เงินธนาคารมาทำธุรกิจ  แต่เขาไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ ตามที่ธนาคารต้องการ
เขามาขอให้ดิฉันช่วยเอาโฉนดที่ดินของดิฉัน ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ให้เขา
ถ้าดิฉันช่วยเขาตามนี้ ดิฉันจะต้องมีภาระผูกพันใด ๆ กับธนาคารบ้าง ต้องเซ็นค้ำประกันและรับผิดชอบเสมือนหนึ่งเป็นผู้กู้ร่วมหรือเปล่า
และในวันหน้า ดิฉันจะต้องพบกับความเสี่ยงเรื่องใดบ้างหรือเปล่าคะ ขอบคุณมากค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
อย่าครับ อย่าเด็ดขาด...
ขอเล่า ปสก ของพี่สาวเราไปเซ็นค้ำธุรกรรมการเงินให้พี่ชาย (เอาโฉนดบ้านไปค้ำประกัน) พอหลังจากนั้นเป็นไง..พี่ชายเชิด คนรับกรรมคือ พี่สาวเรา ทีนี้ล่ะ นักเลงยกพวกมาถึงบ้านเลย (ตัวผมตอนแรกไม่รู้หรอก เพราะว่าย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านมาอยู่คอนโดกับแฟน) พี่สาวก็ไม่ยอมพูดความจริงให้ฟัง โทรมาร้องไห้นั่น นี่ เราก็ถามว่าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เขาก็ไม่พูดอะไรเยอะ แต่จะพูดแบบคนโทรมาสั่งเสีย จะฆ่าตัวตายลาจากทุกคนแล้วอะไรประมาณนี้ ผมเลยโทรไปคุยกับพ่อว่าพี่สาวเป็นไรโทรมาร้องห่มร้องไห้ พ่อผมก็บอกแค่ว่า ถ้าใครมาให้เซ็นอะไรอย่าไปเซ็นนะ พูดแค่เนี้ย...(แต่พูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธมากๆอ่ะ)

มีอยู่ช่วงนึง (ช่วงใหญ่ๆ) ที่คอนโดที่ผมอยู่ เวลาผมออกไปซื้อของที่เซเว่น หรือไปซื้อหมี่เกี๋ยวแถวๆคอนโด จะมีคนคอยมอง คอยเดินตาม (คือ บางครั้งคนเรามันจะมี sense บางอย่างที่รู้สึกได้ว่า มันมีคนคอยดูพฤติกรรมเรา) เข้า/ออก คอนโดเวลาไหน ไปซื้อของแถวบ้านก็แบบมีคนพูดจาเหน็บแนมอะไรต่างๆทั้งที่ไม่เคยคุย หรือ รู้จักกันมาก่อนเลยในชีวิต ถึงขนาดที่พูดออกมาว่า "โถ่ ไอ้บ้านพร้อมหนี้สิน" ก็งง คิดในใจว่าเอ๊ะ ติดหนี้อะไร คอนโดเราก็ซื้อเงินสด (7 หลักปลายๆ) ติดหนี้อะไร เป็นอย่างงี้อยู่นานเป็นเดือนเลย พฤติกรรม การพูดจาของนิติ ยาม พนง คนอื่นๆ รวมถึงผู้อยู่อาศัยในคอนโดบางท่าน ก็มองเราแบบไม่ดีอ่ะ แถมรถเราที่จอดในคอนโดยังโดนขูด โดนกรีดอีกด้วย ไปขอนิติดูกล้อง กล้องก็ยิ้มเสียอีก (หรือจงใจไม่ให้ดูก็ไม่รู้) โอ๊ย..ช่วงนั้น เรื่องแย่ๆเกิดขึ้นเยอะอ่ะครับ

จนแล้วจนเล่า ความจริงก็ปรากฏ คือ พี่สาวโทรมาหาเรากลางดึกเลย ตี 2 กว่าได้ บอกขอมาอาศัยอยู่คอนโดเราสักพักได้ไหม...เราก็ถามว่าเป็นอะไร แรกๆก็ไม่พูด จนเราซักไซ้ ถึงรู้ว่าเป็นเซ็นชื่อค้ำประกันกู้เงินให้กับพี่ชายเรา แล้วพี่ชายก็หายหน้า อีพี่สาวก็รับกรรม (ถึงขนาดที่เข้าบ้านตัวเองไม่ได้เลยน่ะ เพราะมีนักเลงมาคุม) ทีนี้ก็มากระทบถึงคนอื่นๆกันหมด รวมถึงเรา(ที่ย้ายชื่อออกมาจากบ้านนั้นแล้ว) เงินที่พี่ชายไปกู้มาเป็นจำนวนเงินที่สูงทีเดียว ไอ้เรากับพ่อเราก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ จังหวะตอนนั้นมีคนมาซื้อที่ดิน ที่เชียงใหม่พอดี เลยเอาเงินจากขายที่ดินตรงนี้ไปใช้หนี้ให้ เราก็มีช่วยบ้างบางส่วนแต่ก็เยอะอ่ะ เพราะเห็นใจพี่สาว ตัวเขาเองก็เริ่มอายุเยอะแล้ว ลูกเขาก็ยังเล็กอยู่ ผัวก็ไม่เอาไหน ถ้าพี่สาวและครอบครัวเขาไม่มีบ้านอยู่จะลำบาก (คือลำบากทั้งเขา และ ลำบากเรา)

พอใช้หนี้อะไรให้เสร็จ ยังไงรู้ไหม พี่สาว พี่ชาย พี่เขยเรา ลับหลังเราเอาเราไปใส่ร้าย เสียๆหายๆ เพราะอิจฉา ที่เรามีชีวิตที่ดีกว่าเขา (ก็เราทำงาน รู้จักออมเงิน เพราะไม่อยากที่จะมีชีวิตลำบากตอนแก่) ตอนนี้ก็ไม่แคร์แล้ว จะไปอะไรยังไงก็ช่าง ไม่อยากเกี่ยวข้องกันอีก ชีวิตใครชีวิตมัน

ที่เล่ามาเนี่ย เรื่องจริงๆนะ ไม่มีแต่งเติม ดังนั้น เรื่องเงินๆทองๆน่ะ มันไว้ใจใครไม่ได้หรอก เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด
ความคิดเห็นที่ 4
อย่าเด็ดขาดครับ. การค้ำเสมือนกู้ด้วย ญาติเบี้ยวหนี้ที่ดินคุณถูกยึด
เสียทั้งที่ดิน เสียทั้งญาติ เสียญาติดีกว่าเสียที่ ญาติแบบนี้ถือว่าไม่มีดีกว่า
ผมเห็นแบบนี้มาเยอะ เชื่อผมเถอะครับ
ความคิดเห็นที่ 3
อย่าให้เด็ดขาด

ปัญหาจะตามมาอีกเยอะ
ถ้าเขาไม่ส่ง จขกท จะทำยังไง ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย

รู้ไหมอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ...ที่ดินจะโดนยึดและถูกขายทอดตลาด ถ้าขายแล้วเงินที่ได้ไม่พอก็จะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก
ใครจะเป็นคนจ่าย...คนที่ค้ำประกันไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่