การจะซื้อหุ้นให้ ‘กำไร’ คือ ได้ capital gain นั้น เราต้องไม่ยึดติดกับการซื้อบริษัทที่ ‘ดี’ ค่ะ เพราะบริษัทดี ในระยะยาว หุ้นมันก็ต้องดี ต้องขึ้นอยู่แล้ว แต่ในระยะสั้นถึงกลางก็อาจจะไม่เป็นอย่างนั้น การที่บริษัทดีนั้น หุ้นมันไม่จำเป็นต้องดีด้วย เพราะ
1. หุ้นดี แต่อาจจะแพงไปแล้ว : คือนักลงทุนต่างคิดว่าหุ้นตัวนี้ดี ก็เลยไล่ซื้อ ไล่ราคากันขึ้นไป เพื่อสะท้อนมูลค่าของบริษัทนั้นไปแล้ว การซื้อหุ้นของบริษัทดีๆ แต่เราดันเข้าไปซื้อในราคาที่สูงลิ่ว บางคนเก่งมาก ได้ที่ราคาสูงสุดพอดี แบบนี้ก็แย่เลย ก่อนซื้อเราก็ต้องดูด้วยว่า มันแพงไปรึยัง (แล้วอะไรที่เรียกว่าแพงไป? ถ้าเอาง่ายๆแบบเบสิคเลยก็คือ ดู P/E ค่ะ ไม่ใช่ P/E แค่ของตัวหุ้นนะ แต่ของคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันด้วย ลองคำนวณดูว่าหุ้นต่างๆในอุตสาหกรรมนี้ มี P/E เฉลี่ยเท่าไหร่ แล้วก็มาเทียบว่า หุ้นของเรา มี P/E สูงกว่า P/E เฉลี่ยของอุตสาหกรรมไปเยอะรึยัง เราจะได้พอมองออกว่าหุ้นเราแพงไปรึยัง)
2. หุ้นอาจจะ ‘เคยดี’ ต่างหาก: คือ ก่อนเลือก เราก็ศึกษามาแล้ว ไม่เม่าละ ดูงบมาอย่างดี บริษัทนี้กำไรมาหลายปีติดกันแล้ว และหุ้นก็ยังไม่แพงไปด้วย แต่หารู้ไม่ว่า สาเหตุที่มันไม่แพงไปนั่นเป็นเพราะนักลงทุนเค้าเริ่มทิ้งกันแล้วเพราะบริษัทนี้อาจจะเริ่มไม่มีอนาคตเนื่องจากมีคู่แข่งที่มีนวัตกรรมล้ำกว่าเข้ามา สุดท้ายก็ขาดทุนอีก… บริษัทที่เคยดี ไม่ได้แปลว่าจะดีตลอดไป ธุรกิจกับหลักสัจธรรมเหมือนกันตรงที่ ‘มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกค่ะ’
สิ่งนึงที่นานิเรียนรู้จากการทำงานและการลงทุนก็คือ หุ้น’ดี’ มันไม่ทำเงินหรอก ถ้ามันไม่มี ‘catalyst’ ถ้าใครเรียนเคมีจะรู้ว่า catalyst นั้นคือ ตัวเร่งปฏิกิริยา คือ ปฏิกิริยาเคมีบางอย่าง จะใช้เวลานานนนนนมากกกกกก กว่าจะเกิดตามธรรมชาติ แต่ถ้ามี ตัวเร่ง หล่ะก็ แป๊ปเดียวเสร็จเลย หุ้นก็เหมือนกัน หุ้นดีหน่ะดี แต่ถ้าเราอยากจะซื้อหุ้นดีที่ขึ้นและทำเงินในระยะสั้นถึงกลางด้วยนั้น จะต้องเลือกหุ้นดีที่มี catalyst ด้วย ยกตัวอย่างคือ มีเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่จะเข้ามากระตุ้นการซื้อไล่ราคากันด้วย ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมก็จะมี catalyst ที่ต่างกันไป เช่นอุตสากรรมเดินเรือ ก็จะมีค่าระวางเรือ เป็นสิ่งกระตุ้น ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่น supply จำนวนเรือลดลง ก็จะทำให้ค่าระวางเรือขึ้น จนดูมีท่าทีว่าอุตสาหกรรมนี้มันจะ turnaround คนก็จะอยากไล่ราคาหุ้นบริษัทเรือ แบบนี้เป็นต้น พอหาว่าอุตสาหกรรมที่เราสนใจมีอะไรเป็น catalyst เจอแล้ว ทีนี้ก็เอามาวางแผนซื้อก่อนที่จะเกิด catalyst ขึ้นซัก 3-6 เดือน เพื่อดักหน้าคนอื่นแล้วถือรอเท่านั้นเอง
หลังจากที่เลือกสรรหุ้นดีๆมาอยู่ในลิสสำหรับติดตามแล้ว ก่อนซื้ออย่าลืมดูด้วยว่า หุ้นเหล่านี้น่าจะมีอะไรเป็น catalyst เพื่อกระตุ้นราคา แล้วจึงค่อยศึกษาว่า catalyst ที่ว่าเนี่ย มันน่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เราจะได้ไม่ต้องซื้อแล้วรอนาน ดองเงินไว้ในหุ้นที่ดีแต่ราคาไม่ไปไหนเป็นปีๆค่ะ ^_^
ผู้เขียน : นานิ นิธินวกร ผู้เขียนหนังสือ “สร้างเงินล้านก่อนเรียนจบ”
สนับสนุนข้อมูลโดย : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th/onlineinvestor)
http://money.sanook.com/201537/%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A3-2/
ซื้อหุ้นให้กำไร
1. หุ้นดี แต่อาจจะแพงไปแล้ว : คือนักลงทุนต่างคิดว่าหุ้นตัวนี้ดี ก็เลยไล่ซื้อ ไล่ราคากันขึ้นไป เพื่อสะท้อนมูลค่าของบริษัทนั้นไปแล้ว การซื้อหุ้นของบริษัทดีๆ แต่เราดันเข้าไปซื้อในราคาที่สูงลิ่ว บางคนเก่งมาก ได้ที่ราคาสูงสุดพอดี แบบนี้ก็แย่เลย ก่อนซื้อเราก็ต้องดูด้วยว่า มันแพงไปรึยัง (แล้วอะไรที่เรียกว่าแพงไป? ถ้าเอาง่ายๆแบบเบสิคเลยก็คือ ดู P/E ค่ะ ไม่ใช่ P/E แค่ของตัวหุ้นนะ แต่ของคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันด้วย ลองคำนวณดูว่าหุ้นต่างๆในอุตสาหกรรมนี้ มี P/E เฉลี่ยเท่าไหร่ แล้วก็มาเทียบว่า หุ้นของเรา มี P/E สูงกว่า P/E เฉลี่ยของอุตสาหกรรมไปเยอะรึยัง เราจะได้พอมองออกว่าหุ้นเราแพงไปรึยัง)
2. หุ้นอาจจะ ‘เคยดี’ ต่างหาก: คือ ก่อนเลือก เราก็ศึกษามาแล้ว ไม่เม่าละ ดูงบมาอย่างดี บริษัทนี้กำไรมาหลายปีติดกันแล้ว และหุ้นก็ยังไม่แพงไปด้วย แต่หารู้ไม่ว่า สาเหตุที่มันไม่แพงไปนั่นเป็นเพราะนักลงทุนเค้าเริ่มทิ้งกันแล้วเพราะบริษัทนี้อาจจะเริ่มไม่มีอนาคตเนื่องจากมีคู่แข่งที่มีนวัตกรรมล้ำกว่าเข้ามา สุดท้ายก็ขาดทุนอีก… บริษัทที่เคยดี ไม่ได้แปลว่าจะดีตลอดไป ธุรกิจกับหลักสัจธรรมเหมือนกันตรงที่ ‘มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกค่ะ’
สิ่งนึงที่นานิเรียนรู้จากการทำงานและการลงทุนก็คือ หุ้น’ดี’ มันไม่ทำเงินหรอก ถ้ามันไม่มี ‘catalyst’ ถ้าใครเรียนเคมีจะรู้ว่า catalyst นั้นคือ ตัวเร่งปฏิกิริยา คือ ปฏิกิริยาเคมีบางอย่าง จะใช้เวลานานนนนนมากกกกกก กว่าจะเกิดตามธรรมชาติ แต่ถ้ามี ตัวเร่ง หล่ะก็ แป๊ปเดียวเสร็จเลย หุ้นก็เหมือนกัน หุ้นดีหน่ะดี แต่ถ้าเราอยากจะซื้อหุ้นดีที่ขึ้นและทำเงินในระยะสั้นถึงกลางด้วยนั้น จะต้องเลือกหุ้นดีที่มี catalyst ด้วย ยกตัวอย่างคือ มีเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่จะเข้ามากระตุ้นการซื้อไล่ราคากันด้วย ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมก็จะมี catalyst ที่ต่างกันไป เช่นอุตสากรรมเดินเรือ ก็จะมีค่าระวางเรือ เป็นสิ่งกระตุ้น ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่น supply จำนวนเรือลดลง ก็จะทำให้ค่าระวางเรือขึ้น จนดูมีท่าทีว่าอุตสาหกรรมนี้มันจะ turnaround คนก็จะอยากไล่ราคาหุ้นบริษัทเรือ แบบนี้เป็นต้น พอหาว่าอุตสาหกรรมที่เราสนใจมีอะไรเป็น catalyst เจอแล้ว ทีนี้ก็เอามาวางแผนซื้อก่อนที่จะเกิด catalyst ขึ้นซัก 3-6 เดือน เพื่อดักหน้าคนอื่นแล้วถือรอเท่านั้นเอง
หลังจากที่เลือกสรรหุ้นดีๆมาอยู่ในลิสสำหรับติดตามแล้ว ก่อนซื้ออย่าลืมดูด้วยว่า หุ้นเหล่านี้น่าจะมีอะไรเป็น catalyst เพื่อกระตุ้นราคา แล้วจึงค่อยศึกษาว่า catalyst ที่ว่าเนี่ย มันน่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เราจะได้ไม่ต้องซื้อแล้วรอนาน ดองเงินไว้ในหุ้นที่ดีแต่ราคาไม่ไปไหนเป็นปีๆค่ะ ^_^
ผู้เขียน : นานิ นิธินวกร ผู้เขียนหนังสือ “สร้างเงินล้านก่อนเรียนจบ”
สนับสนุนข้อมูลโดย : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th/onlineinvestor)
http://money.sanook.com/201537/%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A3-2/