เข้าเรื่องเลยนะครับ
จากธุกิจแรก
เปิดร้านคอมตอนเรียนมหาลัย
เป็นร้านแรก หน้ามหาลัย ตอนแรกเข้าคิวกันเล่นเลยครับ
เวลาผมไปเรียน ก็มี นศ ว่างๆ มาช่วยคิดเงินให้ ดูร้านให้ไม่ต้องจ้างเลย เด็กนิสัยดีมากครับ
ต่อมา 3 เดือนมาเปิดเพิ่มเดือนละ 2 ร้าน
6 เดือนเกิน 10 ร้าน โอ้จะบ้าคนก็น้อยลงเพราะ คอมรุ่นใหม่เสมอ แถมร้านผมมันเล็ก
ถามว่าอยู่ได้ไหม ตอบว่าอยู่ได้ แต่ด้วยความ Art ในตัวค่อยข้างมาก + ขี้เกียจทำเลยเซ้งทิ้งไป
ธุรกิจที่สอง
ตอนใกล้เรียนจบมีบริษัทต้องการผลิตคนทำงานด้านไฟฟ้ากลไกต่างๆ พวกงาน Even และก็ของแจก
ผมก็ทำ demo ไปให้สรุปเขารับ ผมเลยต้องเปิดบริษัทมารับงาน เพราะเขาไม่จ่ายเงินหลักแสนในนามบุคคล
ผมก็เป็น Supplier ให้บริษัทเขาอีกที ผมออกแบบ และไปจ้างร้านทำต่อ จากนั้นผมก็เอามาประกอบ แล้วส่งต่ออีกที
ตอนนั้นกำลังร่ำรวยเลย แต่ด้วยการที่ทำคนเดียว + กับเอาเพื่อนมาช่วยบ้าง เหนื่อยมากครับ แต่รายได้หลัก1-2 แสนต่อเดือน
สุดท้ายไปจบที่เศรษฐกิจซบเซ้า ส่วนงานผมเลยต้องหลุดไป เพื่อลดต้นทุน
พอจะไปเสนอกับบริษัทอื่น ดันโดนเพื่อนหักหลังอีก อันนี้เจ็บจริง ไปขายเองแอบทำเองนำเสนอเอง เพื่อนสนิท ทำกันได้
สุดท้ายผมปิดบริษัท แล้วไปเรียนต่อโท
พอจบโทก็ไปสมัครงาน (โท วิศวกรรคอมพิวเตอร์)
ตอนไปสมัครงานบอกว่าเป็นเจ้าของกิจการไม่ได้นะครับ เพราะไม่มีใครรับ
ต้องบอกว่าเป็นวิศวะครับ ดูแลระบบคอม บลาๆๆ
ด้วยความเคยเป็นเจ้าของแล้วมาเป็นลูกน้องทีแรกก็อึดอัดครับ แบบในหัวเคยคิด
"หัวหน้าทำไมมันโง่จังชอบให้ทำอะไรซ้ำซ้อน ถ้าเป็นลูกน้องผมไล่ออกไปนานแล้ว" ประมาณนี้เลย
พอทำไปนานๆ เออเพราะหัวหน้ามันโง่นี้แหละ เราเลยสบายอยู่นี่ไง 555
ตอนนี้ก็ได้แต่เก็บเงิน และก็มองลู่ทางข้างหน้าไว้ว่าถ้ามีโอกาส เราจะกลับมาผงาดอีกครั้ง
คราวนี้เราจะไม่ทำผิดพลาดอีกแบบเก่าๆ อีกแน่นอน เวลาและประสบการณ์มันสอนให้รับรู้ความจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิดครับ
ใครเคยเป็นเจ้าของธุกิจแล้วกลับมาเป็นพนักงานออฟฟิต หรือลูกน้องบ้างครับ
จากธุกิจแรก
เปิดร้านคอมตอนเรียนมหาลัย
เป็นร้านแรก หน้ามหาลัย ตอนแรกเข้าคิวกันเล่นเลยครับ
เวลาผมไปเรียน ก็มี นศ ว่างๆ มาช่วยคิดเงินให้ ดูร้านให้ไม่ต้องจ้างเลย เด็กนิสัยดีมากครับ
ต่อมา 3 เดือนมาเปิดเพิ่มเดือนละ 2 ร้าน
6 เดือนเกิน 10 ร้าน โอ้จะบ้าคนก็น้อยลงเพราะ คอมรุ่นใหม่เสมอ แถมร้านผมมันเล็ก
ถามว่าอยู่ได้ไหม ตอบว่าอยู่ได้ แต่ด้วยความ Art ในตัวค่อยข้างมาก + ขี้เกียจทำเลยเซ้งทิ้งไป
ธุรกิจที่สอง
ตอนใกล้เรียนจบมีบริษัทต้องการผลิตคนทำงานด้านไฟฟ้ากลไกต่างๆ พวกงาน Even และก็ของแจก
ผมก็ทำ demo ไปให้สรุปเขารับ ผมเลยต้องเปิดบริษัทมารับงาน เพราะเขาไม่จ่ายเงินหลักแสนในนามบุคคล
ผมก็เป็น Supplier ให้บริษัทเขาอีกที ผมออกแบบ และไปจ้างร้านทำต่อ จากนั้นผมก็เอามาประกอบ แล้วส่งต่ออีกที
ตอนนั้นกำลังร่ำรวยเลย แต่ด้วยการที่ทำคนเดียว + กับเอาเพื่อนมาช่วยบ้าง เหนื่อยมากครับ แต่รายได้หลัก1-2 แสนต่อเดือน
สุดท้ายไปจบที่เศรษฐกิจซบเซ้า ส่วนงานผมเลยต้องหลุดไป เพื่อลดต้นทุน
พอจะไปเสนอกับบริษัทอื่น ดันโดนเพื่อนหักหลังอีก อันนี้เจ็บจริง ไปขายเองแอบทำเองนำเสนอเอง เพื่อนสนิท ทำกันได้
สุดท้ายผมปิดบริษัท แล้วไปเรียนต่อโท
พอจบโทก็ไปสมัครงาน (โท วิศวกรรคอมพิวเตอร์)
ตอนไปสมัครงานบอกว่าเป็นเจ้าของกิจการไม่ได้นะครับ เพราะไม่มีใครรับ
ต้องบอกว่าเป็นวิศวะครับ ดูแลระบบคอม บลาๆๆ
ด้วยความเคยเป็นเจ้าของแล้วมาเป็นลูกน้องทีแรกก็อึดอัดครับ แบบในหัวเคยคิด
"หัวหน้าทำไมมันโง่จังชอบให้ทำอะไรซ้ำซ้อน ถ้าเป็นลูกน้องผมไล่ออกไปนานแล้ว" ประมาณนี้เลย
พอทำไปนานๆ เออเพราะหัวหน้ามันโง่นี้แหละ เราเลยสบายอยู่นี่ไง 555
ตอนนี้ก็ได้แต่เก็บเงิน และก็มองลู่ทางข้างหน้าไว้ว่าถ้ามีโอกาส เราจะกลับมาผงาดอีกครั้ง
คราวนี้เราจะไม่ทำผิดพลาดอีกแบบเก่าๆ อีกแน่นอน เวลาและประสบการณ์มันสอนให้รับรู้ความจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิดครับ