บ้านเมืองช่วงนี้กำลังมีความวุ่นวายเกิดขึ้น (๑๗ มีนาคม ๒๕๔๙)
ดังนั้นอย่าเข้าไปเพิ่มความวุ่นวายให้กับความวุ่นวายอีกเลย
อย่าไปทำให้เกิดความวุ่นวายกับความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นอีกเลย
และที่สำคัญไม่ควรที่จะเข้าไปวุ่นวายกับความวุ่นวายที่กำลังวุ่นวายอยู่
อย่าเข้าไปทำให้เกิดความไม่สงบกับความไม่สงบที่กำลังเกิดขึ้น
อย่าเข้าไปเพิ่มความไม่สงบให้ไม่สงบยิ่งๆ ขึ้นอีกเลย
แต่ควรที่จะสงบกับความไม่สงบ ควรสงบกับความวุ่นวาย
ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว
ไม่วุ่นวายว้าวุ่นไปกับความวุ่นวาย
ไม่ซัดส่ายสับสนซุ่มซ่ามไปกับความวุ่นวาย
ไม่ไหลไปตามกระแสของความวุ่นวาย
ไม่หวั่นไหวหรือไหวหวั่นไปกับความวุ่นวาย
ได้แก่รู้เนื้อรู้ตัวไว้ หรือรู้สึกตัวเข้าไว้
เมื่อความวุ่นวายสับสนเกิดขึ้น
ก็รู้ว่าความวุ่นวายสับสนได้เกิดขึ้นแล้ว (ที่ใจ)
เมื่อความหวั่นไหวกระเพื่อมได้เกิดขึ้น
ก็รู้ว่าความกระเพื่อมหวั่นไหวได้เกิดขึ้นแล้ว (ที่ใจ)
"สถานะการณ์สร้างวีรบุรุษ"
เมื่อสถานะการณ์ช่วงนี้เป็นอย่างนี้
แล้วจิตใจเราก็เป็นอย่างนี้
เราก็อาศัยสถานะการณ์ช่วงนี้ แบบนี้ เวลานี้
นี่แหละเป็นเครื่องฝึกให้เราได้เห็นความจริงได้รู้จักความจริง
ความจริงที่เกิดขึ้นที่จิตใจเราจริงๆ
แล้วเราก็จะเข้าใจจิตใจของเราแบบเข้าใจจริงๆ
โดยมีสถานะการณ์นี้เป็นเหตุเป็นปัจัย
"แปรวิกฤติให้เป็นโอกาส" (โอกาสในการรู้สึกตัว)
เปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นอุปกรณ์ (ให้รู้เนื้อรู้ตัว)
ในบรรดาผู้ที่ไปเดินขบวน
เพื่อให้เกิดความสงบสันติในบ้านเมืองนั้น
จะทำให้เกิดความสงบสันติได้อย่างไร
เพราะวิธีการที่ใช้ให้เกิดความสงบสันติก็ไม่สงบสันติอยู่แล้ว
อยากให้เกิดความสงบสันติ
แต่ใช้วิธีเพิ่มความแตกแยกให้เกิดขึ้น
ช่วงนี้หลายท่านก็เริ่มแตกแยกกันบ้างแล้ว
(ทางความคิดเห็นหรือทิฐิ และอาจแตกแยกกันขึ้นมาจริงๆ ก็ได้)
ความสามัคคีเกิดได้จากการไม่ต้องออกมาเดินขบวน
เรียกร้องเพื่อให้เกิดความสามัคคี
ความสงบสุขสันติของบ้านเมืองเกิดขึ้นได้
เพราะไม่มีผู้คนในบ้านเมืองออกมาเดินขบวน
เพื่อเรียกร้องให้เกิดความสงบสุขสันติ
จากหนังสือ เพียงแค่รู้ (ฉบับปรับปรุง) ของ พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
สถานะการณ์สร้างวีรบุรุษ
ดังนั้นอย่าเข้าไปเพิ่มความวุ่นวายให้กับความวุ่นวายอีกเลย
อย่าไปทำให้เกิดความวุ่นวายกับความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นอีกเลย
และที่สำคัญไม่ควรที่จะเข้าไปวุ่นวายกับความวุ่นวายที่กำลังวุ่นวายอยู่
อย่าเข้าไปทำให้เกิดความไม่สงบกับความไม่สงบที่กำลังเกิดขึ้น
อย่าเข้าไปเพิ่มความไม่สงบให้ไม่สงบยิ่งๆ ขึ้นอีกเลย
แต่ควรที่จะสงบกับความไม่สงบ ควรสงบกับความวุ่นวาย
ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว
ไม่วุ่นวายว้าวุ่นไปกับความวุ่นวาย
ไม่ซัดส่ายสับสนซุ่มซ่ามไปกับความวุ่นวาย
ไม่ไหลไปตามกระแสของความวุ่นวาย
ไม่หวั่นไหวหรือไหวหวั่นไปกับความวุ่นวาย
ได้แก่รู้เนื้อรู้ตัวไว้ หรือรู้สึกตัวเข้าไว้
เมื่อความวุ่นวายสับสนเกิดขึ้น
ก็รู้ว่าความวุ่นวายสับสนได้เกิดขึ้นแล้ว (ที่ใจ)
เมื่อความหวั่นไหวกระเพื่อมได้เกิดขึ้น
ก็รู้ว่าความกระเพื่อมหวั่นไหวได้เกิดขึ้นแล้ว (ที่ใจ)
"สถานะการณ์สร้างวีรบุรุษ"
เมื่อสถานะการณ์ช่วงนี้เป็นอย่างนี้
แล้วจิตใจเราก็เป็นอย่างนี้
เราก็อาศัยสถานะการณ์ช่วงนี้ แบบนี้ เวลานี้
นี่แหละเป็นเครื่องฝึกให้เราได้เห็นความจริงได้รู้จักความจริง
ความจริงที่เกิดขึ้นที่จิตใจเราจริงๆ
แล้วเราก็จะเข้าใจจิตใจของเราแบบเข้าใจจริงๆ
โดยมีสถานะการณ์นี้เป็นเหตุเป็นปัจัย
"แปรวิกฤติให้เป็นโอกาส" (โอกาสในการรู้สึกตัว)
เปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นอุปกรณ์ (ให้รู้เนื้อรู้ตัว)
ในบรรดาผู้ที่ไปเดินขบวน
เพื่อให้เกิดความสงบสันติในบ้านเมืองนั้น
จะทำให้เกิดความสงบสันติได้อย่างไร
เพราะวิธีการที่ใช้ให้เกิดความสงบสันติก็ไม่สงบสันติอยู่แล้ว
อยากให้เกิดความสงบสันติ
แต่ใช้วิธีเพิ่มความแตกแยกให้เกิดขึ้น
ช่วงนี้หลายท่านก็เริ่มแตกแยกกันบ้างแล้ว
(ทางความคิดเห็นหรือทิฐิ และอาจแตกแยกกันขึ้นมาจริงๆ ก็ได้)
ความสามัคคีเกิดได้จากการไม่ต้องออกมาเดินขบวน
เรียกร้องเพื่อให้เกิดความสามัคคี
ความสงบสุขสันติของบ้านเมืองเกิดขึ้นได้
เพราะไม่มีผู้คนในบ้านเมืองออกมาเดินขบวน
เพื่อเรียกร้องให้เกิดความสงบสุขสันติ
จากหนังสือ เพียงแค่รู้ (ฉบับปรับปรุง) ของ พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ