พลิกดี - ไม่พลิกดี ขับอย่างไรให้ปลอดภัยไม่พลิกควํ่า

กระทู้สนทนา
รถที่เราใช้ขับขี่กันบนท้องถนน คุณรู้ดีแค่ไหนที่จะใช้งานมันไม่ให้พลิกคว่ำ
พบกับข้อจำกัดต่างๆ และแนะวิธีขับขี่อย่างไรกันให้ปลอดภัยตามหลักฟิสิกส์






วันก่อนนั่งดูรายการสารคดี20/20ของช่อง abc (ในอเมริกา)
รายการนี้ได้กล่าวถึงเรื่องความปลอดภัยในการบรรทุกของรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (SUV)
รถประเภทนี้ดูเหมือนจะเป็นรถสารพัดประโยชน์
แต่...ความจริงแล้วมันกลับมีข้อจำกัดในการบรรจุน้อยกว่ารถเก๋งซะอีก
ดูรูปตัวอย่างของรถ SUV ข้างบนนี้ซิครับ ดูแล้วน่าจะจุของได้เยอะไม่น่าเป็นอันตรายเหมือนอย่างที่รายการบอก
แต่ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นได้ ตอนนี้เราจะมาลองวิเคราะห์ดูว่าการบรรทุกของเยอะจะมีอันตรายได้อย่างไรบนท้องถนน


    SUV ย่อมาจาก Sport-Utility-Vehicle หรือรถสารพัดประโยชน์ครับ เจ้ารถSUV นี้นับว่าเป็นที่นิยมมากในอเมริกา ญี่ปุ่นหรือแม้แต่ในประเทศไทย ทั้งนี้เนื่องจากรูปทรงภายนอกที่ดูปราดเปรียวแข็งแรง ดูเหมือนกับนั่งสบายในขณะเดียวกันก็สามารถลุยสมบุกสมบันได้ทุกที่ บางรุ่นยังขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถวิ่งในถนน- ตกถนน (แปลตรงๆจาก off road ครับ  ก็ได้ ราคาของมันในอเมริกานี่แพงกว่ารถเก๋งทั่งไปอีกครับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถประเภทนี้กลับเป็นรถที่อันตรายบนท้องถนนมากกว่ารถประเภทอื่นซะอีก (รองจากรถจักรยานยนต์) ทำไมละครับ




     ข้อสังเกตุที่ 1 SUV เป็นรถที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้นอกถนน (off road) ดังนั้นมันจึงมีช่วงล่างที่สูงกว่าชาวบ้านทั่วไปเพื่อไว้สำหรับลุยทางขรุขระนอกถนนได้ แต่ทว่าเมื่อมันมาอยู่บนถนนปะปนกันรถเก๋งทั่วไปแล้ว ความสูงของมันเนี่ยเป็นภัยต่อคนอื่นและตัวเองเลยครับ ที่เป็นภัยต่อคนอื่นเพราะความสูงของรถจะบังทรรศนะวิสัยของรถคันอื่น ถ้าเราขับตามหลังรถSUV ก็เป็นการยากที่จะมองผ่านรถคันหน้าเพื่อประมาณว่าจะมีอะไรอยู่บนถนนบ้าง ยิ่งถ้ารถคันหน้าเบรคกระทันหัน เราก็แทบจะไม่รู้ก่อนล่วงหน้าเลย ไม่เหมือนกับขับตามรถเก๋งด้วยกันที่เรายังพอมองลอดกระจกรถคันหน้าออกไปให้เห็นถนนข้างหน้าได้


     ระดับกันชนของรถประเภทนี้จะสูงกว่ารถเก๋งทั่วไป ถ้าเกิดอุบัติเหตุ รถSUVชนกับรถเก๋งละก็ แทนที่กันชนรถจะปะทะกับกันชนรถตามที่วิศวกรออกแบบไว้ กลับเป็นกันชนของSUVที่กินเข้าไปในกระโปรงหน้า หรือกระโปรงหลังของรถคันอื่น รถของผู้เคราะห์ร้ายก็ยู่ซิครับ







ข้อสังเกตุที่ 2 เจ้าความสูงของรถประเภท SUV นี่แหละที่เป็นภัยต่อตัวเอง เพราะมันทำให้จุดศูนย์ถ่วงหรือจุดที่รวมนํ้าหนักของรถ (Center of Gravity) สูงขึ้นไปอีก เนื่องจากรถประเภทนี้ถูกออกแบบไว้วิ่งบนทางที่ขรุขระ เขาจึงปรับช่วงล่าง เปลี่ยนล้อให้ใหญ่ ยกตัวถังให้สูง แต่ถ้าเราเอามาใช้ผิดประเภท เอามาวิ่งด้วยความเร็วสูงบนถนนทั่วไป เมื่อจุดสูงถ่วงของรถที่สูงนี้ ทำให้โอกาสที่รถจะพลิกเวลาเข้าโค้งจึงมีมากกว่า และเมื่อรถเกิดพลิกและกลิ้งไป โครงสร้างของหลังคาและคานประตูรถส่วนมากจะไม่สามารถทนทานนํ้าหนักของรถเมื่อพลิกควํ่าได้ สิ่งนี้แหละครับที่อันตราย เพราะโอกาสที่หลังคาจะยุบลงมาบีบอัดคนขับและคนนั่งในห้องผู้โดยสารคารถจะมีสูงมาก ..อูยส์(อีกที)เป็นปลากระป๋องไป


    ข้อสังเกตุที่ 3 เมื่อตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่สูงอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่สามารถบรรทุกนํ้าหนักได้มากตามอย่างรูปทรงที่เห็น เพราะสัมภาระที่เพิ่มขึ้นมาจะทำให้จุดศูนย์ถ่วงสูงขึ้นไปอีก ยกตัวอย่างเช่นรถ Ford Explorer ที่แสดงในรูปแรกสุดของเรื่องนี้นั้น จัดว่าเป็นรถยอดนิยมในอเมริกา ดูด้วยตาแล้วเหมือนว่าจะสามารถจุของได้มาก แต่ตามข้อมูลที่ได้จากโรงงานผลิตนั้นสามารถบรรทุกได้สูงสุด 450 กก. (980 lb) ซึ่งทางรายการ20/20ได้สาธิตให้ดูว่า แค่เอาคนเข้าไปนั่ง 5 คนก็เกินพิกัดที่กำหนดไว้แล้ว ยังไม่รวมสิ่งของสัมภาระเลยนะครับ อย่างนี้ก็ไปเที่ยวได้แต่ตัว กระเป๋าห้ามขนขึ้นรถไปด้วย..ฮา





ไม่ได้ให้คิดแง่ลบกับ รถยนต์ประเภท SUV  แต่อยากจะให้เข้าใจ
และใช้ รถยนต์ ประเถท SUV อย่างคุ้มค่า  
และได้ประโยชน์สูงสุดอย่างเหมาะสม


ถ้าขับรถอย่างมีสติ  ง่วงไม่ขับ  เมาไม่ขับ ก็พอแล้วครับ



Cr. Joe Dynamics


เพี้ยนแว๊นเพี้ยนแว๊น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่