เมื่อสองสัปดาห์ก่อนมีกิจกรรมเปลี่ยนแปลง แก้ไขปัญหากรุงเทพฯ
ในจุดอับลับตา อย่าง invisible thailand
ที่มุ่งหวังปรับรุงทัศนียภาพด้วยงานศิลปะ สร้างความปลอดภัย ในจุดที่เรามองข้าม
โดยเข้าไปแพ้วถางพื้นที่รกชัฎ ทาสีกำแพง เปลี่ยนแปลงแหล่งมั่วสุม และจุดก่ออาชญากรรมริมคลองแสนแสบ
เพื่อนำความเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นมาสู่พื้นที่
ซึ่งก็มีสปอนเซอร์ มีศิลปิน มีนักวาด มีผู้คนจิตอาสามาลงแรงกัน
โดยผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ไปยืนตากแดดหัวแดง ถือแปรงทาสีกับเขาด้วย
หลังจากวางแปรงเสร็จ ก็เผื่อใจไว้ระดับหนึ่งว่า
ว่าวันนึงคงมีอะไรมาแทนที่ศิลปะตรงนี้ ไม่ว่าจะจากความเสื่อมโทรมของกาลเวลา หรือว่าอันธพาล
แต่ข่าวล่าสุดที่ได้พบคือ ความตั้งใจดีของคนกลุ่มนึง
ซึ่งยังไม่ถึงกับบรรลุ 100% ก็กระเด็นไป
กลายเป็นผลงานถูก Writer มือบอนบางกลุ่ม Bomb งาน graffiti เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมคงไม่ได้มาตั้งกระทู้ประนาม หรือว่าเหยียดหยามอะไร นอกจากเสียดายครับ
- เสียดายที่ writer รุ่นพี่ในไทยพยายาม สร้างบรรทัดฐานให้คนไทยในสังคม
ยอมรับ graffiti ในฐานะงานศิลปะ ซึ่งใช้เวลาสั่งสมนานหลายปี กว่าจะมาถึงจุดนั้น
- เสียดาย ที่ writer มีโอกาสทางสังคมที่ดี มีเงินซื้อสี มีเงินซื้อ cap แต่ไม่มีสำนึก หรือความเคารพต่อ Street Art แขนงอื่น
คือพื้นที่ตรงนั้น เขาทำเพื่อจรรโลงสังคมนะครับ
- เสียดายที่ writer ไทยบางคน ยังมีความคิดข้างๆ คูๆ ว่า Street Art คือการ Bomb มากกว่า Respect
เราไม่ได้อยู่ในยุคตั้งต้นอย่างปลาย 60 ที่ Julio 204 และ Taki183 ทำการ Tag รถไฟไปทั่วนิวยอร์ค
วงการมันพัฒนากันมาไกลแล้ว
- เสียดายที่ writer ไทยบางคน ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิด จากเหตุการณ์ก่อนหน้า ที่ทำให้สายตาหลายคนมองวงการ graffitiแย่ลง
ตั้งแต่การ bomb งาน อย่างนิทรรศการบุกรุก ที่สยาม หรือ การพ่นทับงานของ mamafaka
แล้วอย่าบ่นกันนะครับว่า .. ทำไมกรุงเทพฯถึงไม่มีความเป็นเมืองศิลปะ ไม่เข้าใจคนทำศิลปะ ในเมื่อยังไม่มีการเคารพผลงานคนอื่น
ความเสื่อมถอยของ Graffiti Writer ไทยกับการ Bomb งาน Street Art สร้างสรรค์สังคมโครงการ Invisible Thailand
ในจุดอับลับตา อย่าง invisible thailand
ที่มุ่งหวังปรับรุงทัศนียภาพด้วยงานศิลปะ สร้างความปลอดภัย ในจุดที่เรามองข้าม
โดยเข้าไปแพ้วถางพื้นที่รกชัฎ ทาสีกำแพง เปลี่ยนแปลงแหล่งมั่วสุม และจุดก่ออาชญากรรมริมคลองแสนแสบ
เพื่อนำความเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นมาสู่พื้นที่
ซึ่งก็มีสปอนเซอร์ มีศิลปิน มีนักวาด มีผู้คนจิตอาสามาลงแรงกัน
โดยผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ไปยืนตากแดดหัวแดง ถือแปรงทาสีกับเขาด้วย
หลังจากวางแปรงเสร็จ ก็เผื่อใจไว้ระดับหนึ่งว่า
ว่าวันนึงคงมีอะไรมาแทนที่ศิลปะตรงนี้ ไม่ว่าจะจากความเสื่อมโทรมของกาลเวลา หรือว่าอันธพาล
แต่ข่าวล่าสุดที่ได้พบคือ ความตั้งใจดีของคนกลุ่มนึง
ซึ่งยังไม่ถึงกับบรรลุ 100% ก็กระเด็นไป
กลายเป็นผลงานถูก Writer มือบอนบางกลุ่ม Bomb งาน graffiti เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผมคงไม่ได้มาตั้งกระทู้ประนาม หรือว่าเหยียดหยามอะไร นอกจากเสียดายครับ
- เสียดายที่ writer รุ่นพี่ในไทยพยายาม สร้างบรรทัดฐานให้คนไทยในสังคม
ยอมรับ graffiti ในฐานะงานศิลปะ ซึ่งใช้เวลาสั่งสมนานหลายปี กว่าจะมาถึงจุดนั้น
- เสียดาย ที่ writer มีโอกาสทางสังคมที่ดี มีเงินซื้อสี มีเงินซื้อ cap แต่ไม่มีสำนึก หรือความเคารพต่อ Street Art แขนงอื่น
คือพื้นที่ตรงนั้น เขาทำเพื่อจรรโลงสังคมนะครับ
- เสียดายที่ writer ไทยบางคน ยังมีความคิดข้างๆ คูๆ ว่า Street Art คือการ Bomb มากกว่า Respect
เราไม่ได้อยู่ในยุคตั้งต้นอย่างปลาย 60 ที่ Julio 204 และ Taki183 ทำการ Tag รถไฟไปทั่วนิวยอร์ค
วงการมันพัฒนากันมาไกลแล้ว
- เสียดายที่ writer ไทยบางคน ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิด จากเหตุการณ์ก่อนหน้า ที่ทำให้สายตาหลายคนมองวงการ graffitiแย่ลง
ตั้งแต่การ bomb งาน อย่างนิทรรศการบุกรุก ที่สยาม หรือ การพ่นทับงานของ mamafaka
แล้วอย่าบ่นกันนะครับว่า .. ทำไมกรุงเทพฯถึงไม่มีความเป็นเมืองศิลปะ ไม่เข้าใจคนทำศิลปะ ในเมื่อยังไม่มีการเคารพผลงานคนอื่น