คืออย่างนี้ครับ (ประมวลจากข้อมูลในเน็ตแล้วมามโนให้ท่านฟัง)
1. ค่าโฆษณาทางทีวีราว 70,000 ล้าน อยู่กับช่อง 3 อนาหลอก ราว 20,000 - 30,000 ล้าน (ตัวเลขคร่าวๆโดยประมาณ)
2. ช่อง 3 เห็นว่าทีวีดิจิตอล ในระยะแรก ยังไม่น่าจะบูมเพราะคนยังไม่รู้จัก 3 ช่องดิจิตอลที่ประมูลมา มีค่าใช้จ่าย ได้ค่าโฆษณามาไม่มากพอคุ้มค่าใช้จ่าย ยังไงก็มีโฆษณาจากอนาหลอกมาคุมไว้ก่อนสักปี 2 ปี
3. ถ้าคู่ขนานเหมือนช่องอื่น (เช่นช่อง 7) ก็จะได้ค่าโฆษณาจากอนาหลอกขาเดียว ช่อง 3 HD ที่คู่ขนานมีค่าใช้จ่าย แต่ไม่ได้ค่าโฆษณา แต่มีภาระค่าใช้จ่าย นี่คือสิ่งที่คุณประวิทย์เคยถามว่าใครจะรับผิดชอบตรงนี้
4. ช่อง 3 วางแผนมาแต่ต้นว่าจะทำกล่องเองเพื่อดูดสัญญาณขึ้นดาวเทียมเอง แล้วขายกล่อง กะว่าปีแรกจะขายสัก 1 ล้านกล่อง (กะจะดูด อนาหลอกขึ้นไปด้วย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20140521/185026.html
http://www.bangkokbiznews.com/mobile/xhtml/news/detail/00/582267
แต่มาเจอ กสท เอาจริง งานนี้ก็เลยต้องเงิบไป
5. ช่อง 3 ตั้งบริษัทใหม่ นอกจากเพื่อประมูลช่องดิจิตอลแล้ว ยังสามารถซื้ออุปกรณ์ที่ 3อนาหลอกใช้ แล้วให้ 3อนาหลอกเช่า ( 3อนาหลอกได้สัมปทานจาก อสมท สมบัติทุกอย่างต้องตกเป็นของ อสมท.เจ้าของสัมปทาน แต่สามาถเลี่ยงได้ โดยให้บริษัทใหม่ที่ตั้งขึ้นเป็นผู้ซื้อ แล้วให้ 3อนาหลอกเช่า หมดสัมปทาน ก็ยังเป็นของช่อง 3)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รายการต่างคนต่างคิด ตอน "ศึกช่อง 3 กับ กสท. ปัญหาที่เอาประชาชนเดิมพัน?
http://www.youtube.com/watch?v=HFUgXxyq4Vg
6. ตอนดิจิตอลออกกากาศใหม่ๆ 3 อนาลอกเคยแอบคู่ขนานในช่องดิจิติลที่ยังไม่พร้อมออกอากาศ(ดูเหมือนจะเป็นช่องท้ายๆ) กสท จับได้ เลยสั่งให้หยุดกระทำ คงจะลองเชิงดูว่า กสท จะแน่แค่ไหน (ตอนนั้นทำไมไม่คิดว่าคนละนิติบุคคล)
7. ช่อง 3 คิดว่าถ้าเคเบิลกับดาวเทียมต้องจอดำ จะได้มวลชนที่ติดข่าวติดละครช่อง3เดิมมาเป็นแรงหนุนให้แหกกฏมัสแครี่ได้ แต่ช่อง 3 ก็คิดผิด มีแต่คนสมน้ำหน้าถ้าจอดำ
8. แผนเดิมของช่อง 3 จึงต้องการออก 3 อนาล็อกไปเรื่อยๆ (เก็บเกี่ยวค่าโฆษณา) สัก ปี 2 ปีหรือ 3 - 4 ปี จนกว่าดิจิตอลจะแข็งแรง แล้วค่อยๆผ่องถ่ายรายการไปช่อง 3 ดิจิตอล โดยให้
3 ดิจิตอลเป็นผู้จ้างผลิตแทน 3 อนาหลอก แล้วออกทางดิจิตอลแทนอนาหลอกที่ใกล้หมดสัมปทาน (แล้วค่อยคืนซาก 3 อนาหลอกให้เจ้าของสัมปทาน)
9. ถ้าออกคู่ขนานแล้ว ค่าโฆษณาเป็นของ 3 ดิจิตอล รายได้ตรงนี้ต้องจ่ายให้ก้บ กสทช 2+2 % (ของรายได้ หรือของกำไร ไม่แน่ใจ)
ถ้าไม่ออกคู่ขนานเป็นรายได้ของ 3 อนาหลอก ก็ไม่ต้องจ่ายตรงนี้ ประหยัดไปแยะ
(แต่กสท ก็ยังอ่อนให้ โดยไม่ต้องจ่าย 2+2 % เป็นเวลา 5 ปี แต่ต้องคู่ขนานภายใน 10 ตุลา 57 ไม่ใช่ 11 ตุลา 57)
แนะนำว่าถ้ารีบคู่ขนานภายในวันที่ 10 ตุลา นอกจากไม่ต้องจ่าย 2+2 % กสทแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์ทางภาษีจาก 3 อนาหลอกขาดทุน(ออกอากาศโดยไม่มีรายได้ เพราะรายได้เป็นของ 3ดิจิตอลที่คู่ขนาน)
10. การคู่ขนานหรือไม่คู่ขนานของช่อง 3 จึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ ที่ช่อง 3 ต้องยื้อให้นานที่สุด (ยื้อได้ 1 วัน ได้วันละ เป็นร้อยล้าน)
โดยสรุป ช่อง 3 รู้ทุกอย่างตั้งแต่ก่อนประมูลดิจิตอลแล้วว่า อนาหลอกทั้งหลายต้องหมดสภาพเป็นฟรีทีวี โดยมีดิจิตอลเป็นฟรีทีวี+มัสแครี่แทน ช่อง 3 จึงให้อีกบริษัทประมูลแทนอนาหลอกเดิม กะจะฝ่ามัสแครี่ได้ ถ้าไม่ได้ก็ยื้อไปให้นานที่สุด แล้วค่อยคู่ขนาน จะได้บอกผู้ถือหุ้น(รายย่อย)ว่า ได้พยายามรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นถึงที่สุดแล้ว
ผมเข้าใจว่า เหตุผลที่ช่อง 3 ยื้อไม่ยอมคู่ขนาน .....
1. ค่าโฆษณาทางทีวีราว 70,000 ล้าน อยู่กับช่อง 3 อนาหลอก ราว 20,000 - 30,000 ล้าน (ตัวเลขคร่าวๆโดยประมาณ)
2. ช่อง 3 เห็นว่าทีวีดิจิตอล ในระยะแรก ยังไม่น่าจะบูมเพราะคนยังไม่รู้จัก 3 ช่องดิจิตอลที่ประมูลมา มีค่าใช้จ่าย ได้ค่าโฆษณามาไม่มากพอคุ้มค่าใช้จ่าย ยังไงก็มีโฆษณาจากอนาหลอกมาคุมไว้ก่อนสักปี 2 ปี
3. ถ้าคู่ขนานเหมือนช่องอื่น (เช่นช่อง 7) ก็จะได้ค่าโฆษณาจากอนาหลอกขาเดียว ช่อง 3 HD ที่คู่ขนานมีค่าใช้จ่าย แต่ไม่ได้ค่าโฆษณา แต่มีภาระค่าใช้จ่าย นี่คือสิ่งที่คุณประวิทย์เคยถามว่าใครจะรับผิดชอบตรงนี้
4. ช่อง 3 วางแผนมาแต่ต้นว่าจะทำกล่องเองเพื่อดูดสัญญาณขึ้นดาวเทียมเอง แล้วขายกล่อง กะว่าปีแรกจะขายสัก 1 ล้านกล่อง (กะจะดูด อนาหลอกขึ้นไปด้วย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่มาเจอ กสท เอาจริง งานนี้ก็เลยต้องเงิบไป
5. ช่อง 3 ตั้งบริษัทใหม่ นอกจากเพื่อประมูลช่องดิจิตอลแล้ว ยังสามารถซื้ออุปกรณ์ที่ 3อนาหลอกใช้ แล้วให้ 3อนาหลอกเช่า ( 3อนาหลอกได้สัมปทานจาก อสมท สมบัติทุกอย่างต้องตกเป็นของ อสมท.เจ้าของสัมปทาน แต่สามาถเลี่ยงได้ โดยให้บริษัทใหม่ที่ตั้งขึ้นเป็นผู้ซื้อ แล้วให้ 3อนาหลอกเช่า หมดสัมปทาน ก็ยังเป็นของช่อง 3)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
6. ตอนดิจิตอลออกกากาศใหม่ๆ 3 อนาลอกเคยแอบคู่ขนานในช่องดิจิติลที่ยังไม่พร้อมออกอากาศ(ดูเหมือนจะเป็นช่องท้ายๆ) กสท จับได้ เลยสั่งให้หยุดกระทำ คงจะลองเชิงดูว่า กสท จะแน่แค่ไหน (ตอนนั้นทำไมไม่คิดว่าคนละนิติบุคคล)
7. ช่อง 3 คิดว่าถ้าเคเบิลกับดาวเทียมต้องจอดำ จะได้มวลชนที่ติดข่าวติดละครช่อง3เดิมมาเป็นแรงหนุนให้แหกกฏมัสแครี่ได้ แต่ช่อง 3 ก็คิดผิด มีแต่คนสมน้ำหน้าถ้าจอดำ
8. แผนเดิมของช่อง 3 จึงต้องการออก 3 อนาล็อกไปเรื่อยๆ (เก็บเกี่ยวค่าโฆษณา) สัก ปี 2 ปีหรือ 3 - 4 ปี จนกว่าดิจิตอลจะแข็งแรง แล้วค่อยๆผ่องถ่ายรายการไปช่อง 3 ดิจิตอล โดยให้ 3 ดิจิตอลเป็นผู้จ้างผลิตแทน 3 อนาหลอก แล้วออกทางดิจิตอลแทนอนาหลอกที่ใกล้หมดสัมปทาน (แล้วค่อยคืนซาก 3 อนาหลอกให้เจ้าของสัมปทาน)
9. ถ้าออกคู่ขนานแล้ว ค่าโฆษณาเป็นของ 3 ดิจิตอล รายได้ตรงนี้ต้องจ่ายให้ก้บ กสทช 2+2 % (ของรายได้ หรือของกำไร ไม่แน่ใจ)
ถ้าไม่ออกคู่ขนานเป็นรายได้ของ 3 อนาหลอก ก็ไม่ต้องจ่ายตรงนี้ ประหยัดไปแยะ
(แต่กสท ก็ยังอ่อนให้ โดยไม่ต้องจ่าย 2+2 % เป็นเวลา 5 ปี แต่ต้องคู่ขนานภายใน 10 ตุลา 57 ไม่ใช่ 11 ตุลา 57)
แนะนำว่าถ้ารีบคู่ขนานภายในวันที่ 10 ตุลา นอกจากไม่ต้องจ่าย 2+2 % กสทแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์ทางภาษีจาก 3 อนาหลอกขาดทุน(ออกอากาศโดยไม่มีรายได้ เพราะรายได้เป็นของ 3ดิจิตอลที่คู่ขนาน)
10. การคู่ขนานหรือไม่คู่ขนานของช่อง 3 จึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ ที่ช่อง 3 ต้องยื้อให้นานที่สุด (ยื้อได้ 1 วัน ได้วันละ เป็นร้อยล้าน)
โดยสรุป ช่อง 3 รู้ทุกอย่างตั้งแต่ก่อนประมูลดิจิตอลแล้วว่า อนาหลอกทั้งหลายต้องหมดสภาพเป็นฟรีทีวี โดยมีดิจิตอลเป็นฟรีทีวี+มัสแครี่แทน ช่อง 3 จึงให้อีกบริษัทประมูลแทนอนาหลอกเดิม กะจะฝ่ามัสแครี่ได้ ถ้าไม่ได้ก็ยื้อไปให้นานที่สุด แล้วค่อยคู่ขนาน จะได้บอกผู้ถือหุ้น(รายย่อย)ว่า ได้พยายามรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นถึงที่สุดแล้ว