..........มาฟังเสียงตัดพ้อ..ของสาวสวนยาง จาก อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี หลังราคายางดิ่งเหว..........

กระทู้สนทนา


By   ขี้เหร่ แต่อยากบอก
........................................
....วันนี้ผมไปทำธุระที่บ้านเพื่อน และมีโอกาสได้สนทนากับ สาวสวนยาง จาก อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี คนหนึ่ง  
เพื่อนเล่าให้ผมฟังคร่าวๆว่า...สาวใต้คนนี้  เธอเป็นเจ้าของสวนยาง ที่ อ.เคียนซา  จ.สุราษฎร์
และสวนยางที่ อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี    รวมๆแล้วก็ ครึ่งร้อยไร่...
นอกจากนั้น  ยังเป็นเจ้าของหอพัก  หลายสิบห้อง...เจ้าของ  บริษัททำกิ๊ปหนีบผ้า
(ที่เราเห็นวางขาย 20บาท ทุกอย่าง ตามตลาดนัด )
........ผมถามเขาว่า  กิจการต่างๆเป็นอย่างไรบ้าง  ในสภาวะบ้านเมืองฝืดๆอย่างนี้
และเห็นมีข่าว ชาวสวนยางฆ่าตัวตายไปอีก2ราย   คิดยังไง
และมันเป็นอย่างไรถึงทำให้เครียดขนาดนั้น  มันมีแรงบีบขนาดไหน ในการทำสวนยาง
........................................................................
เธอทำหน้าเศร้าๆเบื่อๆ  พร้อมกับเล่าว่า....
กิจการต่างๆ  ตอนนี้ขาดทุน นำส่งภาษีสรรพากร  ติดลบตลอด
กิจการหอพัก พอให้พม่าเข้าอยู่  คนไทยก็ย้ายออกไปหมด เพราะพม่าเสียงดัง
และกลัวไม่ปลอดภัย  ยิ่งมีข่าวฆ่าฝรั่งที่เกาะเต่า ก็ยิ่งกลัวจนย้ายหนีออกไปหมด เลยว่างหลายห้อง
และที่หอพักมี WIFI  พวกพม่าก็เล่นเนต   ทำให้ตำรวจเทียวมาว่า   หากพม่ามีการโพสท์ หมิ่นต่างๆ  เจ้าของหอพักก็จะมีความผิดด้วย  ทำให้เธอกลัวมากในเรื่องนี้
( ผมก็ได้อธิบายและบอกกับเธอไปแล้ว ว่าเราไม่ได้ทำเองไม่ต้องกลัว เพียงแต่เราคอยเป็นหูเป็นตาและคอยตักเตือนบ่อยๆ
คนที่มาอาศัยในห้องเช่าของเรา  ไม่ได้ปล่อยปะละเลย)
.....................................
มาถึงเรื่อง สวนยาง  เธอเล่าว่า............
เมื่อก่อนนั้น   ค่ากรีดยาง  คนกรีดเอาไป40  ส่วนเจ้าของเอาไป60
ยางราคาโลละ80-100บาท  ก็รวย ... ซื้อรถป้ายแดง  ซื้อทอง ซื้อ สิ่งของมากมาย
ขยายพื้นที่ปลูกไปตามจังหวัดต่างๆ  อย่างที่ เมืองกาญ  ก็ปลูก 20 กว่าไร่
และปลูกยางรุ่นเดียวกันหมด  ไม่แบ่งพื้นที่ปลูกเป็นรุ่นๆ
กะว่า  จะรวยทีเดียวเลย ถ้ายางมีราคาถึง100บาท
.....แต่ตอนนี้  ยางโลละ40 กว่าบาท   กรีดไปก็ไม่ไหว  เพราะว่า
คนงานกรีดยางตอนนี้จะเอา  50-50 กับเจ้าของสวนยาง
และจะเอาข้าวสารเดือนละถัง  ต่อคนกรีด1คน
แถมกรีดยางรอบแรกที่เป็นขรี้ยาง ก็คนกรีดเอาไป (ไม่ให้ก็จะขโมยเอา)
กรีดยางรอบที่2 ถึงจะเอามาแบ่ง กับเจ้าของสวน  อย่างนี้เราก็ไม่เหลืออะไร
....ผมถามเธอว่า  แล้วต้องได้โลละเท่าไร ถึงจะพออยู่ได้  
เธอบอก ว่า  โลละ60บาท  ก็อยู่ได้สบายๆ  
แต่ตอนนี้เครียด จนไม่รู้จะทำอย่างไร  แม้แต่จะไปถางหญ้า ยังไม่อยากทำ
ต้นยางบางต้น  ขึ้นรา   ก็ตัดทิ้งไป   จะเอาต้นขายก็ไม่ได้  เพราะมีเชื้อรา
ไม่มีใครรับซื้อ  โรงงานทำเฟอนิเจอร์ ก็ไม่เอา  เพราะมีเชื้อราแล้ว
.....ผมถามเธอว่า   แล้วรู้ไหม ว่าประเทศจีน เขาปลูกยางเองแล้วนะ
ปีต่อๆไปเขาจะไม่ซื้อจากไทย  ราคายางก็คงจะไม่มีทางสูงถึง 30บาท
...เธอบอก ว่า  ไม่รู้เรื่องนี้เลย   หลงคิดว่าปีนี้ไม่ดี... ปีหน้าก็คงจะดี
....ผมถามเธอเป็นคำถามสุดท้ายว่า....แล้วจะทำอย่างไร กับสวนยาง ที่ อ.เคียนซา  จ.สุราษฎร์ฯ  และ  ที่  จ.กาญจนบุรี
...เธอตอบว่า  ปวดหัว ยังคิดอะไรไม่ออก  ตอนนี้  กู้ O.D. จนหมดทุกแบงค์แล้ว
และก็คงจะหันไปกู้นอกระบบ จากญาติๆ ที่  ตจว.   มาประคองชีวิตในช่วงนี้ไปก่อน
ส่วนสวนยาง   ก็คงจะปล่อยให้หญ้าขึ้นรกรุงรังไปอย่างนั้น  คงไม่กรีด
และคงไม่มีสิทธิ์รับ 2500-2600 บาท/ไร่   จากทาง  รบ. คสช.

.......เธอยกมือไหว้ผม ... พร้อมขอบคุณในคำแนะนำเรื่องหอพัก.. เรื่องแรงงานพม่าเล่นเนตในหอพัก..
ขอบคุณที่ให้ข่าวสารราคายาง และกำลังจะมีการชดเชยให้นายทุนเจ้าของสวนยางไร่ละ2500-2600บาท
ก่อนที่เธอจะหยิบเอกสารเกี่ยวกับแรงงานพม่า   ใส่ลงตะกร้าหน้ารถมอเตอร์ไซค์  มุ่งหน้าไป  ตม. ที่อยู่ไม่ไกลนัก..........
…………………………………………………
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่