หุ้นขึ้นเพราะอะไร ?

กระทู้สนทนา
อีกคำถามนึงที่คนสงสัยและมาถามกับผมเป็นประจำเลยก็คือ เราจะทำเงินจากหุ้นได้ยังไงล่ะ ? แล้ว.. ถ้าการซื้อต่ำขายสูงคือวิธีการทำเงิน แล้วหุ้นในแต่ละวันขึ้นลงได้ยังไง

ถ้าเซียนมาอ่านบทความผมคงหัวเราะแน่ๆ เพราะมันคือเรื่องที่ง่ายมาก แต่เชื่อรึเปล่าว่าแต่ก่อนผมขาดทุนเพราะไม่รู้เรื่องนี้ครับ !! ผมคิดแค่ว่าถ้าผมซื้อหุ้นที่ราคา 7 บาทแล้วราคาไป 7.05 แปลว่าผมรวย

ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย T-T



ก่อนอื่นมาที่คำถามแรกกันก่อนที่ว่าราคาหุ้นขึ้นลงได้เพราะอะไร ดูจากภาพตัวอย่างเราจะเห็นว่านี่คือหุ้น JAS ที่ราคาปัจจุบันคือ 3.54 บาท (ตัวเลขใหญ่สุดด้านบน)

แล้วไอ้ตัวเลขที่อยู่ด้านล่างกับแท่งสีชมพูกับฟ้าคืออะไร สีฟ้าคือฝั่งที่เรียกว่า "เสนอซื้อ" (Bid) ส่วนฝั่งขวาที่เป็นแท่งสีชมพูคือ "เสนอขาย" (Offer)

อาจจะงงๆ ยกตัวอย่างใหม่ดีกว่า สมมติว่านายโดม ปะการัง ต้องการซื้อหุ้น JAS ที่ราคา 3.52 บาท จึงส่งคำสั่งเสนอซื้อ (Bid) เข้าไปว่า "ชั้นอยากได้หุ้นแจ๊ส 10,000 หุ้นที่ราคา 3.52 นะฮับ !"

เมื่อคำสั่งถูกส่งเรียบร้อย จำนวนหุ้น 10,000 หุ้นที่นายโดมต้องการ จะปรากฎรวมกับตัวเลข 9,623,200 (ตรงฝั่งซื้อที่ราคา 3.52) ซึ่งตัวเลขนี้คือจำนวนหุ้นที่คนอื่นต้องการซื้อแล้วส่งคำสั่งมาเหมือนกัน

นั่นหมายความว่า นายโดม ปะการัง จะต้องต่อคิวอีกถึง 9,623,200 หุ้น กว่าจะถึงคิวของตัวเองที่ต้องการซื้อหุ้นได้

แต่ทำไมต้องต่อคิวล่ะ ? คืองี้ครับ สมมติอีกฟากนึงของประเทศไทยคือนางสาวญาฆ่าญ่า ถือหุ้น JAS มานานพอสมควรเลยอยากขายเพราะราคาหุ้นไม่ขยับมานานแล้ว

จึงส่งคำสั่งเสนอขาย (Offer) หุ้น JAS จำนวน 50,000 หุ้น โดยขายที่ราคา 3.52 บาท แต่ ! ในการขายครั้งนี้สาวน้อยไม่ต้องต่อคิวกับใครครับ เพราะว่าราคา 3.52 บาทมีคนส่งคำสังรอซื้อหุ้นอยู่แล้วถึง 9,623,200 หุ้น

ทันทีที่ส่งคำสั่งซื้อขาย จำนวนหุ้น 50,000 หุ้นที่ราคา 3.52 บาท จะจับคู่ (Match) กับคนที่เสนอซื้อหุ้นนี้ที่ราคา 3.52 บาทเป็นจำนวน 50,000 หุ้นเช่นกัน

นั่นคือถ้าราคาเสนอซื้อเท่ากับราคาเสนอขายเมื่อไหร่ การซื้อขายก็จะเกิดขึ้น และเมื่อเกิดการซื้อขายเรียบร้อย ฝั่งเสนอซื้อที่มีการต่อคิวอยู่ 9,623,200 หุ้น จะหายไปจำนวน 50,000 หุ้นเพราะมีการซื้อขายแล้ว

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ทันทีที่การซื้อขายล่าสุดเกิดขึ้น (ซึ่งในที่นี้คือราคา 3.52 บาท) ราคาหุ้นของ JAS ที่เป็นตัวเลขใหญ่สุดด้านบน จะเปลี่ยนเป็น 3.52 บาททันที เท่มั้ยล่ะครับ มีแค่ 100 หุ้นก็เปลี่ยนราคาหุ้นล่าสุดได้

ทุกคนลืมนายโดม ปะการังกันไปรึยัง สมมติผ่านไปสัก 10 นาที นายโดมรู้สึกกระสับกระส่ายเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ถึงคิวของตัวเองซะที จึงทำการ "ยกเลิก" คำสั่งที่ส่งไปก่อนหน้านี้ว่าจะซื้อหุ้น JAS ที่ราคา 3.52 บาท

พร้อมกับบอกตัวเองว่า "ทนไม่ไหวแล้ว อยากได้เธอเหลือเกินนนน เอาวะ ! ยอมซื้อแพงหน่อยแล้วกันที่ราคา 3.54 บาท" ว่าแล้วก็ส่งคำสั่งเสนอซื้อหุ้น JAS ที่ราคา 3.54 บาทเป็นจำนวน 10,000 หุ้นในทันที

สมใจอยากครับ คราวนี้นายโดมไม่ต้องต่อคิวกับใครแล้ว เพราะมีคนตั้งขายหุ้น JAS ที่ราคา 3.54 บาทอยู่ถึง 9,651,900 หุ้น ! และเมื่อการซื้อขายจับคู่กัน จำนวนหุ้นในฝั่งเสนอขายที่ราคา 3.54 ก็จะหายไปหมื่นหุ้น

พร้อมกันนั้น ราคาตลาดของหุ้น JAS ก็จะเปลี่ยนเป็นราคา 3.54 บาท ซึ่งเป็นการซื้อขายล่าสุดที่เกิดขึ้น

ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าวันไหนเราเห็นหุ้นที่มีราคาขึ้นลงไม่หยุด นั่นแปลว่ามีคนสนใจและซื้อขายหุ้นนั้นกันอย่างบ้าคลั่งนั่นเอง

มาถึงคำถามข้อต่อมาดีกว่า นั่นคือถ้าสมมติ เจ้าฝั่งเสนอขายหุ้นที่มีอยู่ 9,651,900 หุ้นที่ราคา 3.54 บาทหายไป จะเกิดอะไรขึ้น ?

จากตัวอย่างเดิม หากเราเปลี่ยนนายโดมจากคนธรรมดาเป็นเศรษฐีร้อยล้านที่ต้องการซื้อหุ้น JAS 10 ล้านหุ้น ! แถมเขาอยากได้หุ้นในวันนี้ซะด้วย

ว่าแล้วก็ส่งคำสั่งซื้อหุ้น JAS ที่ราคา 3.54 บาท จำนวน 10,000,000 หุ้น ในขณะที่มีคนตั้งขายอยู่เพียง 9,651,900 หุ้นเท่านั้น

โดยเหตุการณ์ที่จะตามมาหลังจากนั้นคือ นายโดมจะได้หุ้น JAS จำนวน 9,651,900 หุ้น พร้อมกับจำนวนหุ้นที่มีคนเคยเสนอขายไว้ที่ราคา 3.54 บาทก็หายวับไปกับอากาศ เพราะโดนเศรษฐีร้อยล้านอย่างโดมซื้อไปแล้ว

แต่นายโดมยังได้ของไม่ครบครับ ขาดอยู่อีกนิดหน่อยประมาณ 348,100 หุ้น (10,000,000 - 9,651,900)

ซึ่งเจ้าจำนวนหุ้นที่เหลือตรงนี้จะไปปรากฎที่ฝั่งเสนอซื้อแทน เพราะตอนนี้คนที่เคยเสนอขายราคา 3.54 บาทหายไปหมดแล้ว ดังนั้นหุ้นอีกสามแสนกว่าหุ้นที่นายโดมต้องการจะต้อง "รอคิว" ให้มีคนมาขายที่ราคา 3.54

และอีกเหตุการณ์สำคัญก็คือ ฝั่งเสนอขายหุ้นจากเดิมที่ราคาด้านบนสุดคือ 3.54 บาท จะเปลี่ยนเป็น 3.56 บาทแทนและมาพร้อมกับจำนวนหุ้นที่คนตั้งขายไว้ที่ราคานั้นจำนวน 9,201,100 หุ้น

ดังนั้น หากนายโดมที่อยากได้หุ้นครบ 10 ล้านหุ้นไวๆ และไม่ต้องการรอซื้อ ก็สามารถส่งคำสั่งซื้อใหม่ที่ราคา 3.56 บาทก็ได้ และเช่นเคย ราคาหุ้นในตลาดก็จะเปลี่ยนตามการซื้อขายล่าสุดไปด้วย

ที่ผมเล่ามาทั้งหมดเนี่ยแหละครับคือกลไกการทำงานของราคาหุ้น ที่หลายคนสงสัยว่าแต่ละวันมันขึ้นลงได้ยังไง หวังว่าจะมีประโยชน์กับมือใหม่หลายๆ คนนะครับ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่