สวัสดีค่ะ กระทู้นี้สปอยล์แน่นอนใครไม่ชอบอ่านสปอยล์กดปิดได้เลยค่ะ
เข้าเรื่องนะคะ ในระหว่างที่ดูตอนนี้ดิฉันแทบจะอยากปรบมือให้กับฉากระหว่างเฟิร์น-ไผ่
ขณะปรึกษาปัญหากันที่ร้านกาแฟ(?) ดิฉันปลื้มมากนะคะกับการตัดสินใจเอาลูกออกของเฟิร์น
มันทำให้เรารู้สึกได้ว่า ผู้หญิงเองก็ควร
มีสิทธิที่จะกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง
และเรื่องวางแผนชีวิตมันควรเป็นความรับผิดชอบของผู้หญิงเท่าๆกับของผู้ชาย
ไม่ควรมีใครเป็นผู้เลือกแทนหรือต้องรับผิดชอบใครฝ่ายหนึ่ง
ซึ่งตามค่านิยมเก่าๆของไทยเรานั้นการตั้งครรภ์ของฝ่าย มักถูกอำนาจของฝ่ายชายควบคุม
ไว้เป็นส่วนใหญ่ ทั้งในแง่วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ
ดิฉันจึงชอบใจอย่างมากที่ได้เห็นตัวละครทั้งชายหญิงในเรื่องนี้ ต่างร่วมกันใช้ความคิดและเคารพความเห็น
ของกันและกัน แม้นั่นอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่นี่คือการตัดสินใจร่วมกันที่อยู่บนฐาน
ของการรับฟังทั้งสองฝ่ายค่ะ
แต่ประเด็นที่ดิฉันสนใจจริงๆคือ
การยุติการตั้งครรภ์โดยสมัครใจ หรือพูดง่ายๆคือการทำแท้งโดยอิสระ
ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวในสังคมเรามาช้านาน และยังคงไม่มีกฏหมายใดรับรองสิทธิตรงนี้ ดิฉันเลยคิดว่า
หลังจากดูซีรีย์นี้แล้ว อาจจะทำให้สังคมเราได้ขบคิดอะไรมากขึ้น
หรือเปล่านะ?
เวลาเราเจอวัยรุ่นหรือผู้หญิงที่ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม สังคมเรามักจะรุมประนามคนเหล่านั้นว่าเป็นพวกไม่ระมัดระวัง
และตีตราว่าคนพวกนี้รวมถึงลูกที่จะเกิดในอนาคตจะต้องกลายเป็นภาระของสังคมแน่ๆ
โดยที่สังคมก็ไม่เคยหันไปช่วยเหลือหรือให้โอกาสใดแก่พวกเขาเลย
หนำซ้ำยังคาดหวังว่าพวกเขาจะต้องเก็บเด็กในครรภ์เพื่อให้กำเนิดต่อไป
(พร้อมทั้งตีตราเด็กคนนั้นไปแล้ว) เรียกได้ว่า
เราเป็นสังคมที่สุดจะใจร้ายแห่งหนึ่งเลยค่ะ
ดิฉันคิดว่าสังคมเราควรต้องเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติต่อการตั้งครรภ์ได้แล้ว
ซึ่งส่วนตัวดิฉันสนับสนุนให้ผู้หญิงทุกมีสิทธิที่จะเลือก "ยุติการตั้งครรภ์โดยสมัครใจ" หรือ "ทำแท้ง"
โดยเป็นสิทธิเด็ดขาดของฝ่ายหญิงเองค่ะ
ดิฉันของยกตัวอย่างประเทศฝรั่งเศส ประเทศที่สิทธิสตรีก้าวหน้าไปไกลมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก
ที่นั่นกฏหมายอนุญาตให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ได้ไม่เกิน 12 สัปดาห์ มีสิทธิที่จะเลือกยุติการตั้งครรภ์หรือทำแท้งได้ โดยไม่ผิดกฏหมาย
โดยไม่สนใจว่าทำไมคุณถึงอยากจะยุติ สนใจแค่ว่าคุณไม่อยากท้องแล้วเท่านั้น...
ดิฉันว่ามันดีมากนะคะ ทั้งกรอบของเวลาและการไม่จำกัดเหตุผลของการยุติการตั้งครรภ์
เพราะคนเรามันมีเหตุผลมากมายที่จะเลือก เช่น วัยรุ่นที่ท้องก่อนแต่ง, ผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งใจท้อง(พลาด),
หรือคนที่ตั้งใจท้องแต่พอท้องจริงๆก็เกิดความกลัวต่างๆ ก็สามารถเลือกยุติการตั้งครรภ์ได้
ส่วนใครที่ไม่เลือกด้วยเหตุแห่งความเชื่อทางศาสนา หรืออะไรก็ตามคุณก็สามารถตั้งครรภ์ต่อไปได้ปกติ...
มันทำให้คนที่พร้อมจะมีลูก ก็มีลูกได้ คนที่ไม่พร้อมก็เลือกที่จะยุติได้ เรามีทางเลือกมากขึ้นที่จะลด
ปัญหาชีวิตของตัวเอง และของเด็กในอนาคตที่หากเกิดมาในสภาพไม่พร้อมของผู้เลี้ยงดู...
ดิฉันว่านี่การก้าวหน้าอย่างยิ่งของสิทธิสตรีและตอกย้ำถึงอำนาจของผู้หญิงบนเรือนร่างของตัวเอง
หลังจากดูซีรีย์ตอนนี้จบแล้ว ดิฉันอยากให้สังคมเราหันมาคุยให้มากขึ้นในเรื่องนี้ค่ะ
ไม่ใช่เอาแต่ซ้ำเติมคนที่พลาดพลั้งไปแล้ว โดยไม่หาทางเยียวยาให้พวกเขา
โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ยังมีอนาคตก้าวเดินต่อไปอีกไกล หลายคนพลาดแล้วก็มีแต่ความกลัว
ไม่กล้าบอกพ่อแม่เหมือนเฟิร์นและไผ่ในเรื่อง ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็เลือกทำในทางที่อันตราย
แต่
ถ้าสังคมเราทั้งพ่อแม่ คนรอบข้าง คนภายนอกต่างหันมามองและช่วยกันหาทางออก
มีกฏหมายที่ไม่รังแกและช่วยหาทางด้วย นอกจากจะช่วยให้ชีวิตของหลายคนได้เจอทางสว่างแล้ว
ยังลดเหตุอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตคนได้อีกด้วยค่ะ
ดังนั้น สถาบันครอบครัว+สังคม+กฏหมาย ควรจะหันมามองประเด็นนี้ค่ะ
อยากฝากไว้ให้คิดกันค่ะ
Hormones วันนี้ เฟิร์น-ไผ่ เรื่องที่สังคมควรหันมามองเช่นกัน
เข้าเรื่องนะคะ ในระหว่างที่ดูตอนนี้ดิฉันแทบจะอยากปรบมือให้กับฉากระหว่างเฟิร์น-ไผ่
ขณะปรึกษาปัญหากันที่ร้านกาแฟ(?) ดิฉันปลื้มมากนะคะกับการตัดสินใจเอาลูกออกของเฟิร์น
มันทำให้เรารู้สึกได้ว่า ผู้หญิงเองก็ควรมีสิทธิที่จะกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง
และเรื่องวางแผนชีวิตมันควรเป็นความรับผิดชอบของผู้หญิงเท่าๆกับของผู้ชาย
ไม่ควรมีใครเป็นผู้เลือกแทนหรือต้องรับผิดชอบใครฝ่ายหนึ่ง
ซึ่งตามค่านิยมเก่าๆของไทยเรานั้นการตั้งครรภ์ของฝ่าย มักถูกอำนาจของฝ่ายชายควบคุม
ไว้เป็นส่วนใหญ่ ทั้งในแง่วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ
ดิฉันจึงชอบใจอย่างมากที่ได้เห็นตัวละครทั้งชายหญิงในเรื่องนี้ ต่างร่วมกันใช้ความคิดและเคารพความเห็น
ของกันและกัน แม้นั่นอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่นี่คือการตัดสินใจร่วมกันที่อยู่บนฐาน
ของการรับฟังทั้งสองฝ่ายค่ะ
แต่ประเด็นที่ดิฉันสนใจจริงๆคือ การยุติการตั้งครรภ์โดยสมัครใจ หรือพูดง่ายๆคือการทำแท้งโดยอิสระ
ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวในสังคมเรามาช้านาน และยังคงไม่มีกฏหมายใดรับรองสิทธิตรงนี้ ดิฉันเลยคิดว่า
หลังจากดูซีรีย์นี้แล้ว อาจจะทำให้สังคมเราได้ขบคิดอะไรมากขึ้นหรือเปล่านะ?
เวลาเราเจอวัยรุ่นหรือผู้หญิงที่ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม สังคมเรามักจะรุมประนามคนเหล่านั้นว่าเป็นพวกไม่ระมัดระวัง
และตีตราว่าคนพวกนี้รวมถึงลูกที่จะเกิดในอนาคตจะต้องกลายเป็นภาระของสังคมแน่ๆ
โดยที่สังคมก็ไม่เคยหันไปช่วยเหลือหรือให้โอกาสใดแก่พวกเขาเลย
หนำซ้ำยังคาดหวังว่าพวกเขาจะต้องเก็บเด็กในครรภ์เพื่อให้กำเนิดต่อไป
(พร้อมทั้งตีตราเด็กคนนั้นไปแล้ว) เรียกได้ว่า เราเป็นสังคมที่สุดจะใจร้ายแห่งหนึ่งเลยค่ะ
ดิฉันคิดว่าสังคมเราควรต้องเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติต่อการตั้งครรภ์ได้แล้ว
ซึ่งส่วนตัวดิฉันสนับสนุนให้ผู้หญิงทุกมีสิทธิที่จะเลือก "ยุติการตั้งครรภ์โดยสมัครใจ" หรือ "ทำแท้ง"
โดยเป็นสิทธิเด็ดขาดของฝ่ายหญิงเองค่ะ
ดิฉันของยกตัวอย่างประเทศฝรั่งเศส ประเทศที่สิทธิสตรีก้าวหน้าไปไกลมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก
ที่นั่นกฏหมายอนุญาตให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ได้ไม่เกิน 12 สัปดาห์ มีสิทธิที่จะเลือกยุติการตั้งครรภ์หรือทำแท้งได้ โดยไม่ผิดกฏหมาย
โดยไม่สนใจว่าทำไมคุณถึงอยากจะยุติ สนใจแค่ว่าคุณไม่อยากท้องแล้วเท่านั้น...
ดิฉันว่ามันดีมากนะคะ ทั้งกรอบของเวลาและการไม่จำกัดเหตุผลของการยุติการตั้งครรภ์
เพราะคนเรามันมีเหตุผลมากมายที่จะเลือก เช่น วัยรุ่นที่ท้องก่อนแต่ง, ผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งใจท้อง(พลาด),
หรือคนที่ตั้งใจท้องแต่พอท้องจริงๆก็เกิดความกลัวต่างๆ ก็สามารถเลือกยุติการตั้งครรภ์ได้
ส่วนใครที่ไม่เลือกด้วยเหตุแห่งความเชื่อทางศาสนา หรืออะไรก็ตามคุณก็สามารถตั้งครรภ์ต่อไปได้ปกติ...
มันทำให้คนที่พร้อมจะมีลูก ก็มีลูกได้ คนที่ไม่พร้อมก็เลือกที่จะยุติได้ เรามีทางเลือกมากขึ้นที่จะลด
ปัญหาชีวิตของตัวเอง และของเด็กในอนาคตที่หากเกิดมาในสภาพไม่พร้อมของผู้เลี้ยงดู...
ดิฉันว่านี่การก้าวหน้าอย่างยิ่งของสิทธิสตรีและตอกย้ำถึงอำนาจของผู้หญิงบนเรือนร่างของตัวเอง
หลังจากดูซีรีย์ตอนนี้จบแล้ว ดิฉันอยากให้สังคมเราหันมาคุยให้มากขึ้นในเรื่องนี้ค่ะ
ไม่ใช่เอาแต่ซ้ำเติมคนที่พลาดพลั้งไปแล้ว โดยไม่หาทางเยียวยาให้พวกเขา
โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ยังมีอนาคตก้าวเดินต่อไปอีกไกล หลายคนพลาดแล้วก็มีแต่ความกลัว
ไม่กล้าบอกพ่อแม่เหมือนเฟิร์นและไผ่ในเรื่อง ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็เลือกทำในทางที่อันตราย
แต่ถ้าสังคมเราทั้งพ่อแม่ คนรอบข้าง คนภายนอกต่างหันมามองและช่วยกันหาทางออก
มีกฏหมายที่ไม่รังแกและช่วยหาทางด้วย นอกจากจะช่วยให้ชีวิตของหลายคนได้เจอทางสว่างแล้ว
ยังลดเหตุอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตคนได้อีกด้วยค่ะ
ดังนั้น สถาบันครอบครัว+สังคม+กฏหมาย ควรจะหันมามองประเด็นนี้ค่ะ
อยากฝากไว้ให้คิดกันค่ะ